บทที่ 131 ทำร้ายเขาโดยไม่ตั้งใจ
เดินไปได้เพียงสองก้าว ลี่โม่อวี่ก็โอบไหล่ของฉินอีหลินไว้อีกครั้ง และเดินโอบไหล่ไปแบบนั้น ร่างกายของฉินอีหลินราวกับถูกกอดเอาไว้ทั้งตัว
แม้ว่าฉินอีหลินจะรู้สึกไม่ชินกับความใกล้ชิดระหว่างทั้งสองคน แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับตั้งใจโต้เถียงคำพูดของลี่โม่อวี่ เอ่ยบอก “สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ไม่ได้จับหัวหน้าแก๊งมาเฟียหลงซาน แต่เราต้องถามที่อยู่ของลูกจากปากของเขา”
เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว ลี่โม่อวี่พยักหน้า เขาลูบหัวฉินอีหลินด้วยความชื่นชม บอกยิ้มๆ “ถูก เป็นอีหลินของเราที่ฉลาด”
ท่าทางอบอุ่นนั้น ทำให้ฉินอีหลินตั้งรับไม่ทัน
ฉินอีหลินยืนนิ่ง เรียกเขา “ลี่โม่อวี่”
ลี่โม่อวี่ตอบรับ “หือ”เขาชะงัก มุมปากยิ้มอบอุ่นส่งให้ฉินอีหลิน มือยังไม่ปล่อยเธอ เอ่ยถาม “ทำไม น้ำเสียงถึงได้อ่อนโยนขึ้นมาแบบนี้”
ฉินอีหลินได้ยินเขาพูดแบบนี้ ใบหูพลันแดงขึ้น ความสัมพันธ์ของเธอกับลี่โม่อวี่ขยับใกล้ชิดกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คำพูดเมื่อสักครู่ เจือด้วยความออดอ้อน
คิดมาถึงตรงนี้ ฉินอีหลินรู้สึกคัดเคืองอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังคงบอกอย่างจริงจัง “ลี่โม่อวี่ หลายวันมานี้ ต้องขอบใจคุณมาก คุณช่วยเหลือฉันโดยไร้เงื่อนไขตลอด ฉันรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ”
“แล้วยังไงต่อ” ลี่โม่อวี่ยกยิ้ม ดวงตามีแววคาดคั้น เบะปาก คล้ายกับเย้ยหยัน
เห็นได้ชัดว่าลี่โม่อวี่โกรธแล้ว หากฉินอีหลินยังคงพูดต่อไป เขารับรองได้ว่าจะต้องลงโทษเธอ ให้เธอได้รู้ถึงผลที่ตามมาของการพูดผิดไป
ฉินอีหลินกลับไม่ได้ใส่ใจรอยยิ้มของเขา ไม่รู้ว่าตอนนี้ลี่โม่อวี่กำลังคิดอะไรอยู่
เธอสูดหายใจลึกสักพักค่อยเงยหน้าขึ้น สบตากับดวงตาคมลึกแล้วเอ่ยต่อ “ไม่มีอะไรต่อแล้ว สิ่งที่คุณทำพวกนี้ฉันจะจำไว้ในใจ แต่ก็เป็นเพียงแค่เพื่อน…..”
ไม่ทันได้เอ่ยจบ ลี่โม่อวี่ก็ขยับเข้าใกล้ เบียดฉินอีหลินเข้ากับมุมกำแพง จ้องมองแก้มแดงระเรื่อของเธอ ลี่โม่อวี่โกรธมากแต่ใบหน้ากลับยกยิ้ม ยกมือปัดผ่านแก้มของเธอ เอ่ยถาม “เพื่อนหรอ ฉินอีหลิน คุณล้อเล่นอยู่หรือเปล่า”
ฉินอีหลินพลันเบิกตากว้าง ตกใจต่อการกระทำของลี่โม่อวี่อย่างเห็นได้ชัด เธอสะบัดหัวไปมาแล้วบอก “ลี่โม่อวี่ คุณปล่อยฉันนะ”
ลี่โม่อวี่ยังคงยิ้มมองไปยังเธอ เธอรอยยิ้มนั้นทำให้คนถูกมองรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง ลี่โม่อวี่ยื่นมือไปคว้าเอวคอดของเธอเอาไว้ ขยับเข้าใกล้เธอเรื่อยๆ “ฉินอีหลิน ระหว่างเรายังต้องเกรงอกเกรงใจขนาดนั้นอีกหรอ”
ฉินอีหลินเบี่ยงหน้าหนี ไม่อยากตอบ
เธอยังไม่ลืมความรู้สึกเมื่อตอนที่กลับมาเมืองกั่งซื่อใหม่ๆ ตอนนี้เธอมีลูกชายและลูกสาวก็มีความสุขดี ไม่ได้อยากมีความผูกพันใดๆกับลี่โม่อวี่อีก
แต่เธอจะต้องทำยังไง ให้ลี่โม่อวี่เข้าใจความคิดนี้ของตัวเองล่ะ
หลายวันมานี้ เพราะต้องตามหาเด็กๆทั้งสอง เธอจึงได้แต่ยอมรับความช่วยเหลือจากลี่โม่อวี่เงียบๆ เกิดความรู้สึกพึ่งพาขึ้นมาเล็กน้อยในใจ พอเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็อยากจะบอกเขา
ฉินอีหลินรู้ว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้
ฉินอีหลินขัดแย้งอยู่กับตนเอง ความสับสนนี้ทำให้เธออึดอัด ทำให้เป็นทุกข์ เธอบอกกับตัวเองย้ำๆซ้ำอยู่ในใจ รอให้หาจิ่นเซวียนเจอแล้ว เธอจะต้องตัดลี่โม่อวี่ให้ขาด
“พูดสิ ฉินอีหลิน” ลี่โม่อวี่ตะคอกกดดัน ร้อนรุ่มอยู่ในอก ทำให้เขาทรมาน
ผู้หญิงคนนี้…..มักจะทำร้ายเขาโดยไม่ตั้งใจอยู่เสมอ
เขาทำขนาดนี้ หวังเพียงคำขอบคุณหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กๆลี่โม่อวี่อยากจะไปแล้วจริงๆ
“สมองของคุณถูกหมูกินไปแล้วหรือไง” ลี่โม่อวี่ยิ้มทั้งที่ยังโมโห กระซิบข้างหูของเธอ
ฉินอีหลินลำบากใจ เบี่ยงหน้าหลบ ไม่อยากใส่ใจลี่โม่อวี่ที่กำลังบ้า
ลี่โม่อวี่กลับบังคับเธอให้หันกลับมา บีบให้ดวงตาเธอมองมายังตัวเอง
เห็นใบหน้าไร้ความรู้สึกของเธอ มุมปากของลี่โม่อวี่ปรากฏรอยยิ้มร้ายกาจ มือข้างหนึ่งที่จับกุมแก้มของหญิงสาวเอาไว้เลื่อนลงมาที่ลำคอ ขยับลูบไปมา สังเกตปฏิกิริยาตอบสนองของคนตรงหน้า
“ลี่โม่อวี่ คุณปล่อยฉันนะ” ฉินอีหลินดิ้นรนต่อสู้ด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายได้แต่หน้าแดงดุด่าเขาเสียงดัง
ตลอดทางเดินนี้เต็มไปด้วยคนของลี่โม่อวี่ แม้ว่าไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมา แต่ต้องเห็นสถานการณ์นี้อย่างแน่นอน
ลี่โม่อวี่สนใจที่ไหน เขาพาร่างขยับเข้าใกล้อีกก้าว เบียดชิดร่างเธอ หางคิ้วเลิกขึ้น เข้าตั้งใจให้ฉินอีหลินไม่มีพื้นที่ดิ้นรนต่อต้าน ความจริงแกล้งผู้หญิงคนนี้ มองเธอที่โกรธและอายเพราะตัวเองแบบนี้ ก็น่าสนุกอยู่เหมือนกัน
ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ ฉินอีหลินรับรู้ถึงลมหายใจของเขา
กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้หัวใจของฉินอีหลินเต้นกระหน่ำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ดวงตาคู่สวยเชยขึ้นมองลี่โม่อวี่ กำลังจะเอ่ยออกมา เธอก็ถูกเขาจูบลงมา
“ลี่โม่อวี่” ฉินอีหลินกัดฟันตะโกนออกมา แต่กลับถูกลี่โม่อวี่เอาเปรียบ ถือโอกาสสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปาก กวาดไปทั่ว ทำให้เธอมึนงง ไม่ทันได้ดึงสติกลับมา
ฉินอีหลินออกแรงกระทืบลงที่เท้าของลี่โม่อวี่ อาศัยจังหวะที่เขากำลังจับ ออกแรงผลักลี่โม่อวี่ออก
ในตอนที่ลี่โม่อวี่กำลังมัวเมา เท้าพลันรู้สึกเจ็บ เขาเผลอผ่อนแรง ก็ถูกหญิงสาวในอ้อมแขนผลักออก
หรี่ตาแคบลงอย่างไม่พอใจ ลี่โม่อวี่ยิ้มเบาๆขยับลำคอ ยื่นแขนออกไป คว้าตัวฉินอีหลินได้อีกครั้ง
เห็นลี่โม่อวี่กำลังโน้มตัวลงมาอีกครั้ง ดวงตาของฉินอีหลินราวกับจะพ่นไฟได้ เธอรีบหลบหลีกจากเขา เมื่อถอยห่างออกมาได้หนึ่งเมตรแล้วจึงเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ถ้าคุณยังมีแรงขนาดนี้ ก็คิดหาวิธีจะหาหลงซานเจอได้ยังไง”
“มีอะไรยาก” ลี่โม่อวี่หัวเราะ ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ฉินอีหลิน เขาหันไปด้านในห้อง กำลังจะเรียกเห้อห้าว
ลี่โม่อวี่ยังไม่ทันได้อ้าปาก ก็ถูกฉินอีหลินขัดขึ้น
ทันใดนั้นเสียงหอบหายใจกระเส่าก็ดังออกมาจากในห้อง
ฉินอีหลินและลี่โม่อวี่มองสบตากัน เข้าใจสถานการณ์ด้านในอย่างแจ่มชัด ฉินอีหลินยิ้มเย็นและเอ่ยถาม “นี่คือคนที่คุณเชื่อใจหรอ”
เมื่อสักครู่ยังยืนยันว่าเขาอยู่ฝั่งตนเอง ตอนนี้กลับพัวพันอยู่กับชิวหันเยียน เดี๋ยวอีกสักครู่เสร็จธุระแล้ว ก็คงจะปล่อยชิวหันเยียนไปใช่ไหม
คิดมาถึงตรงนี้ ฉินอีหลินก็รู้สึกโกรธ จ้องเขม็งไปยังลี่โม่อวี่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปด้านนอก เดินไปพูดไป “ทางที่ดีคุณต้องคุยสักหน่อย ถ้าชิวหันเยียนหนีไปได้ ฉันไม่ปล่อยเขาไว้แน่”
แน่นอนว่าผู้ชายต้องเข้าใจผู้ชายด้วยกันดีอยู่แล้ว ถ้าเห็นฉินอีหลินเป็นแบบนี้เหมือนกัน ไม่แน่เขาอาจจะลงมือแบบนี้ก็ได้
เพียงแต่ลี่โม่อวี่ไม่คิดว่าเห้อห้าวเจ้าเด็กคนนี้จะใจร้อนขนาดนี้ ถึงขนาดลงมืออยู่ที่นี่เลย