บทที่ 140 เธอทำอะไรได้บ้าง
คำพูดของลี่อานโก๋ทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศอึดอัดปกคลุมเข้ามาในรถ
ไม่สนใจสีหน้าแปลกประหลาดของสองคนด้านหลัง ลี่อานโก๋ยังคงพูดต่อ “สำหรับข้อเสนอของผมเมื่อวาน คุณคิดดูแล้วหรือยัง”
ฉินอีหลินได้ยินดังนั้นจึงจ้องไปที่แผ่นหลังของลี่อานโก๋ แล้วกัดริมฝีปากแน่น เลือกที่จะเงียบอีกครั้ง
ลี่โม่อวี่ได้ยินคำพูดของลี่อานโก๋คิ้วจึงถูกเลิกสูงขึ้น สายตาเริ่มไม่พอใจ
เขาหันมามองคนด้านข้างที่ก้มหน้าทำให้มองไม่ออกว่าเธอมีสีหน้าแบบไหน มือที่วางอยู่ที่ขากำแน่น
ไม่ชอบความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้เลย ความรู้สึกที่แม้กระทั่งผู้หญิงที่รักรวมทั้งลูกของตัวเองก็ยังปกป้องไม่ได้ ทำให้เขาโกรธจนจะเป็นบ้า แต่ว่าไม่มีใครให้เขาระบายได้
“คุณไปพบเธอโดยลำพังทำไม มีอะไรที่ให้ผมรู้ไม่ได้”
“ความร่วมมือของฉันกับคุณฉินเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะช่วยจิ่นเซวียนออกมา พวกเธอล้วนเป็นคนฉลาด นอกจากนั้นไม่จำเป็นต้องให้ฉันเสียเวลาพูด โม่อวี่ แกไม่อย่าใช้อคติมามองเรื่องนี้”
“ผมอคติหรอ ผมรู้จักคุณดีกว่าเธอด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีวัตถุประสงค์ คุณจะเสียเวลาอันมีค่าของคุณมายุ่งกับเรื่องนี้หรอ”
ลี่โม่อวี่ได้ยินคำพูดของลี่อานโก๋ คำพูดเสียดสีเริ่มมีมากขึ้น เขามองแผ่นหลังของคนตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน ดวงตาเยือกเย็น
“ลี่โม่อวี่…..”
ฉินอีหลินเอ่ยเพียงเท่านั้น เธอกัดริมฝีปากไม่รู้ต้องพูดยังไง ความจริงเธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อที่แข็งกระด้างมากเกินไป เธอก็เป็นอีกคนที่ไม่ได้รับความรักจากครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเธอจึงเข้าใจความรู้สึกของเขาในตอนนี้มากกว่าใครๆ
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือ แม้หลงเสี่ยวเทียนก็พูดไม่ค่อยเก่ง แต่ความรักที่เขามีให้ลูกๆนั้นบริสุทธิ์ แต่ลี่อานโก๋ตรงหน้านี้ จะบอกว่าเขาไม่รักลูกของเขาก็ไม่ถูก แต่เขายังให้ความซื่อสัตย์ต่อประเทศของตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ของตัวเอง
“ในมือของฉันมีข้อมูลที่สมบูรณ์ของแก๊ง K ถ้าอยากใช้เวลาน้อยที่สุดในการช่วยเหลือลูก พวกเธอจะต้องให้ความร่วมมือกับฉัน แต่ยังไง อำนาจการตัดสินใจก็ยังอยู่ที่คุณฉิน ฉันเชื่อว่า เธอจะมีสติมากกว่านาย”
ลี่โม่อวี่ได้ยินดังนั้นใบหน้าก็ยิ่งทะมึนขึ้น แต่ลี่อานโก๋มีข้อมูลที่พวกเขาไม่มีทางครอบครองได้ เขาจึงทำได้เพียงเม้มปากแน่นไม่สามารถเอ่ยอะไรได้
พูดถึงอำนาจ แน่นอนว่าเขาสู้ลี่อานโก๋ไม่ได้ แม้ว่าเขาไม่อยากยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้
ตอนนี้ฉินอีหลินนั้นสงบลงแล้ว เธอตบเบาๆลงบนมือที่กำแน่นของลี่โม่อวี่ บอกให้เขาผ่อนคลายลง ค่อยเอ่ยออกมาอย่างไตร่ตรอง
“คุณอยากได้รับความร่วมมือยังไง”
ที่จริงฉินอีหลินไม่ชอบที่ต้องร่วมมือกับผู้ชายคนนี้
พูดตามความจริง สิ่งที่เธอเกลียดที่สุดก็คือยุ่งเกี่ยวกับผู้มีอำนาจ อยู่ตระกูลหลงหลายปีมานี้ เธอยังรับรู้ถึงฝีมือของผู้มีอำนาจบางคน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเอง พวกเขาไม่สนใจผลประโยชน์ใดๆของชนชั้นล่าง สิ่งที่พวกเขาทำคือนำจุดอ่อนไหวของคนไปเป็นกำลังให้ตัวเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉินอีหลินรู้สึกต่อต้าน
แต่ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่สน แต่คนที่กดดันพวกเขาอยู่นี้กลับเป็นลี่อานโก๋ พ่อของลี่โม่อวี่
ไม่ว่าจะพูดยังไง ลี่อานโก๋ก็เป็นปู่ของหลงจิ่นเซวียน แต่เขาสามารถพูดอย่างเฉยชาว่าในมือของเขามีข้อมูลที่สมบูรณ์ของแก๊งK เธอควรจะให้ความร่วมมือกับเขา แต่ไม่ใช่เราร่วมมือกันไปช่วยเหลือครอบครัวของตัวเอง
แต่ตอนนี้ฉินอีหลินไม่มีเวลามากมาย เธอเข้าใจ นี่เป็นเล่ห์เหลี่ยมที่ผู้มีอำนาจจมอยู่กับมันมานาน การเจรจาก็เป็นสิ่งที่ออกมาจากจิตสำนึกของเขา
แต่ว่า เธอก็ยังคงรู้สึกต่อต้าน ขณะเดียวกันก็เศร้าใจแทนลี่โม่อวี่
ลี่อานโก๋ไม่รับรู้ว่าฉินอีหลินกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้พวกเขาหลุดจากการติดตามของแก๊งKแล้ว เขาสำรวจไปรอบๆ กลัวว่าจะมีรถคันอื่นที่ตามมาอีก แล้วค้นพบฐานของเขาในเมืองกั่งซื่อ
“ตอนนี้เรามีแผน แต่ต้องการให้คุณไปเป็นเหยื่อล่อ แน่นอนว่าพวกเราจะทำการผ่าตัดเล็กน้อยให้กับคุณ ฝังเครื่องติดตามไว้ที่ตัวคุณ แต่คุณวางใจได้ คนของเราล้วนมีฝีมือ ไม่มีทางทิ้งร่องรอยไว้ให้คุณแน่นอน”
“พวกคุณยังกล้าทำได้ลงคอ”
ลี่โม่อวี่ได้ยินว่าจะให้ฉินอีหลินไปเป็นเหยื่อล่อ ใบหน้าของเขาก็ดำทะมึนถึงขีดสุด รวมทั้งได้ยินว่าเพื่อไม่ให้แก๊งKจับได้ ต้องฝังเครื่องติดตามเข้าไปในร่างกาย เขาหัวเราะออกมา แต่เพราะบรรยากาศที่รุนแรงมากขึ้น ลี่อานโก๋จึงต้องเอ่ยเรียกสติ
“พวกเราก็มีสิ่งที่ต้องปกป้อง”
ลี่อานโก๋เดิมไม่ใช่คนที่จะมาอธิบายอะไร แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มหยันของลูกชายตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา ยังไงก็เป็นลูกของเขา เขาก็ไม่ได้ต้องการให้ลูกเกลียดเขา
“แล้วจะทำแบบนี้กับอีหลินได้หรอ”
“เงื่อนไขคืออะไร”
ตอนนี้ฉินอีหลินเพียงอยากช่วยจิ่นเซวียน อย่าว่าแต่การผ่าตัดเล็กน้อย แม้ต้องการหัวใจของเธอ เธอก็จะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่กลัวตาย สำหรับแม่สักคน ลูกสำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่เหมือนลี่โม่อวี่ที่ไม่พอใจ ลี่อานโก๋ยิ่งพอใจกับฉินอีหลินมากขึ้น เขาชอบคุยกับคนฉลาด “ขอแค่ความร่วมมือเล็กๆน้อยๆของคุณก็พอแล้ว ประเทศต้องการเลือดของคุณมาทำวิจัย นี่ไม่ใช่ประโยชน์ของผมคนเดียว ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ”
“ฉันเข้าใจค่ะ มีอะไรไม่เข้าใจล่ะ”
ฉินอีหลินบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องอธิบายกับเธอ เธอจะทำอะไรได้
ถึงแม้ไม่ต้องช่วยหลงจิ่นเซวียน ประเทศต้องการเลือดของเธอ เธอหรือจะหนีพ้น
ครั้งนี้เธอยังได้ช่วยลูกของตัวเองด้วย เธอไม่ใช่ต้องรู้สึก “ซาบซึ้ง” หรอกหรือ
ลี่โม่อวี่มองท่าทางของทั้งคู่ เขาคำรามในลำคอเบาๆ จากนั้นเบนสายตาออกนอกหน้าต่าง
แม้ว่าเขาอยากช่วยหลงจิ่นเซวียน แต่เขาก็ไม่ยินยอมให้ฉินอีหลินต้องเสี่ยงอันตราย แต่เขารู้ว่าการต่อต้านของเขามันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ จึงไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก ฟังทั้งสองตกลงกัน เพียงฟังว่าผลออกมาจะอยู่ในขอบเขตที่เขารับได้หรือไม่
“คุณต้องการตอนไหน”
ฉินอีหลินไม่คิดว่าเธอจะหอมขนาดนี้ ใครๆก็ต้องการเลือดของเธอ พรุ่งนี้เธอต้องไปสร้าง “สถานีเลือดฉินอีหลิน” ขายเลือดโดยเฉพาะ
“รอให้เรื่องของแก๊ง K จบลง คุณไปกับผมสักครั้งก็พอแล้ว”
แน่นอนว่าลี่อานโก๋เห็นความเปลี่ยนแปลงของชายหนุ่มด้านหลัง เขาถอนหายใจอยู่ในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ไม่ว่าในใจจะคิดยังไง ใบหน้าของเขาก็ยังคงเรียบนิ่ง ราวกับเมื่อแสดงความรู้สึกใดออกมามันจะสิ้นเปลือง
“เพียงแค่พวกคุณช่วยจิ่นเซวียนออกมาได้ ต้องการเลือดมากแค่ไหนย่อมได้ แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับจิ่นเซวียน อย่าหาว่าฉันไม่เสียสละก็แล้วกัน”
เดิมฉินอีหลินก็ไม่ได้ต่อต้าน หากประเทศให้เหตุผลกับเธอ เธอคงจะตอบตกลงโดยไม่ลังเล แต่เพราะลี่อานโก๋ใช้วิธีบีบบังคับให้เธอยอม งั้นก็อย่ามาโทษการต่อรองของเธอก็แล้วกัน
