บทที่ 150 ลำบากมากแล้วจริงๆ
หลังจากฉินอีหลินขึ้นเครื่องมาแล้ว เธอกวาดตามองรอบๆ ปรากฏว่าบนเครื่องไม่มีคนที่เธอรู้จักเลยสักคน เมื่อกำลังจะถามว่าเธอมีคู่หูอีกคนไม่ใช่หรอ ทำไมยังไม่มา ทว่าต้นคอด้านหลังกลับเจ็บจี๊ดขึ้นมา
เธออ้าปาก ยังไม่ทันเปล่งเสียงเลยสักนิด ตรงหน้าก็มืดลง สลบไป
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ฉินอีหลินตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พบว่ารอบข้างเป็นผนังสีขาว ไม่มีสิ่งของเกินมาเลยสักนิด ฉินอีหลินอดไม่ได้เบิกตากว้าง นี่เป็นเหมือนกล่องที่ปิดตาย กระทั่งประตูก็ไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหน้าต่าง ราวกับธรรมชาติสร้างขึ้น ตัดออกจากโลกภายนอก
แต่ฉินอีหลินรู้ว่า ทางออกยังไงก็มี เพียงแต่อำพรางได้ดีก็เท่านั้น ตอนนี้เธอถูกมัดเข้ากับเก้าอี้ มือเท้าขยับเขยื้อนไม่ได้
และฝั่งตรงหน้าเธอ มีเครื่องเฝ้าติดตามแขวนอยู่
ดุเหมือนเธอจะถูกแก๊งKจับตัวมาแล้ว คาดเดาว่าพวกเขากำลังจับตามองเธออยู่ตอนนี้ คิดถึงก่อนหน้าที่สลบไป แม้จะถูกตีจนสลบไป เธออยากถามอีกหน่อยก็ไม่ได้
ไม่รู้ว่าในแก๊งK ใครกันแน่ที่เป็นสายลับของลี่อานโก๋
ฉินอีหลินดิ้นรนไม่ได้ จึงยอมแพ้ ในหัววางแผนขั้นตอนต่อไป แม้ว่าใบหน้าจะดูหวาดกลัว แต่หลังจากตึงเครียดอยู่ก่อนแล้วสักพัก ก็เริ่มสงบลง
ฉินอีหลินมองไปที่จอ คิดว่าข้างในต้องมีคนที่คอยสังเกตการณ์การกระทำของเธอ หากเธอมั่นคงเหมือนเขาไท่ ท่าทางมีแผนการ แน่นอนว่าต้องทำให้พวกแก๊งKสงสัย
จากนั้นเธอรีบเปลี่ยนสีหน้า ท่าทางตื่นมาแล้วไม่รู้อะไรเลย มึนงงและหวาดกลัว สายตามองไปรอบๆไม่หยุด ร้องตะโกน “ช่วยด้วยค่ะ นี่คือที่ไหน พวกคุณจะทำอะไร”
“ช่วยด้วยค่ะ มีใครอยู่ไหม”
“มีใครอยู่ไหมคะ……” ฉินอีหลินเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ร้องตะโกนจนเธอเหนื่อย แต่ในห้องก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว
ฉินอีหลินร้องตะโกนไปทั่ว ร่างกายก็พยายามดิ้นและยืนขึ้น ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน รอจนคอเธอแทบแหบแห้ง ผนังข้างๆก็พลิก ผนังนั้นไม่ต่างจากฝั่งอื่น ที่แท้ก็เป็นประตู
ฉินอีหลินประหลาดใจอยู่เงียบๆ ถูกอำพรางจริงๆด้วย คนอื่นคงไม่คิดว่าเป็นประตู หลังกำแพงยังจะมีถ้ำอีก
จากนั้นชาวต่างชาติผมทองตาฟ้าก็สวมผ้าปิดจมูกเดินเข้ามา คนที่เดินอยู่ด้านหน้าคล้ายจะเป็นหัวหน้า เขามองใบหน้าตระหนกของฉินอีหลิน ใช้ภาษาจีน “เบอร์หนึ่งฉินอีหลิน ในที่สุดเราก็ได้พบกันแล้ว”
ฉินอีหลินขมวดคิ้ว แม้จะมองเป็นต่างชาติ แต่กลับพูดภาษาจีนได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แต่คำเรียกเบอร์หนึ่งฉินอีหลินทำให้เธอรู้สึกไม่ชอบใจ เธอเป็นคน ไม่ใช่ตัวทดลองของพวกเขา
“ฉันนามสกุลฉิน คุณสามารถเรียกฉันว่าฉินอีหลิน” ฉินอีหลินทำความเข้าใจกับคำพูดของต่างชาติคนนั้นอีกรอบ สีหน้าก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม
และดวงตาของเธอก็ไม่ปล่อยให้เสียเปล่า มองสังเกตชายตรงหน้าหนึ่งรอบ ความสูง รูปร่าง เสื้อคลุมสีขาว สวมผ้าปิดจมูกเห็นหน้าไม่ชัด ฉินอีหลินคิดในใจว่าแก๊งKสลับซับซ้อนขนาดนี้เลยหรอ ผู้ชายตรงหน้าคงไม่ใช่หัวหน้าใหญ่จริงๆ แต่กลับเหมือนนักวิจัยมากกว่า
อาจจะเข้ามาดูเธอ เกรงว่าคงไม่ใช่คนธรรมดา H1นี้ก็ไม่รู้พัวพันกับใครบ้าง ผู้ชายแม้จะไม่ใช่หัวหน้า แต่ก็ต้องรู้อะไรที่สำคัญบ้าง
คิดได้แบบนี้ หัวใจของฉินอีหลินก็กระตุก เธอเข้าใกล้ลูกสาวตัวเองเข้ามาอีกก้าว ถ้าได้ข้อมูลจากปากผู้ชายคนนี้มาบ้างสักเล็กน้อย ก็คงช่วยลี่โม่อวี่ฝั่งนั้นได้บ้าง
แต่ตอนนี้เธอถูกมัดเอาไว้ ไม่สามารถกดเปิดการอัดวิดีโอ ทุกอย่างก็ไม่มีประโยชน์
เธอบิดร่างกายไปมา ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดได้เลย ดูแล้วว่าต้องหาวิธีให้พวกเขาแก้เชือกบนตัวเธอ เมื่อตัดสินใจแล้ว ฉินอีหลินก็สงบลง เอ่ยปากถาม “ที่แท้พวกคุณก็รับแขกกันแบบนี้หรอ”
ไม่ฟังคำพูดของฉินอีหลิน ชายชาวต่างชาติก็ชะงัก เขาไม่คิดว่าฉินอีหลินจะสงบลงเร็วขนาดนี้ ดูท่าทางก็ไม่เหมือนแกล้งทำ
ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าใจขอบเขตของฉินมาก่อนแล้ว เขาคงสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นสายลับที่ถูกส่งเข้ามา จิตใจเข้มแข็งดีจริงๆ
“ทุกทิศปิดซะมิดขนาดนี้ จากที่ดูรอบๆพวกคุณก็มีคนมีฝีมือไม่น้อยไม่ใช่หรอ ทำไมถึงได้กลัวฉันหนีอีกล่ะ” ฉินอีหลินยิ้มให้ชายชาวต่างชาติคนนั้น พูดต่อเพื่อให้อีกฝ่ายลดความหวาดระแวง
เมื่อชายชาวต่างชาติได้ฟัง ดวงตาที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นนั้นเผยรอยยิ้มขึ้นมา คล้ายกำลังสังเกตฉินอีหลิน
นานทีเดียวเขาถึงตัดสินใจบอก “ดูแล้วคุณคงฉลาดมาก รู้ฐานะของพวกเราแล้ว งั้นก็ดี จะได้ไม่ต้องวุ่นวาย ครั้งนี้ถือว่ามาเสียเปล่า”
แต่ชายต่างชาติยังกวัดเก่งมือ ออกคำสั่ง “แก้เชือกให้คุณฉิน อย่าให้แขกอันทรงเกียรติของเราต้องได้รับความลำบาก”
จริงที่พวกเขาไม่ต้องกังวลอะไรมาก ผู้หญิงคนเดียวจะมาเล่ห์เหลี่ยมอะไรมากมายกับพวกเขา จริงอย่างที่เธอบอก ห้องลับนี่ไม่มีรอยรั่ว ขนาดแมลงวันสักตัวก็บินออกไปไม่ได้
ฉินอีหลินเห็นชายชาวต่างชาติรับปาก มุมปากก็อดยกขึ้นสูงไม่ได้ จากนั้นจึงยืดเส้นยืดสาย เดินสองสามก้าว รู้สึกว่าสองขานั้นเริ่มชา ไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามาในแก๊งKนานแค่ไหนแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านนอกนั้นเป็นยังไง
ตอนนี้เธอยังหาทางเปิดกระจกตาสังเกตการณ์ไม่ได้ คนข้างนอกคงร้อนรนแล้วสินะ
ฉินอีหลินสังเกตรอบๆ ท่าทางไม่ได้ไยดีคำพูดของชายชาวต่างชาติ เดินไปรอบๆเพื่อหาโอกาส
ฉินอีหลินยิ้มเย็น ถามด้วยใบหน้าดูถูก “ทำไมฉันจะไม่รู้ ลูกสาวของฉันก็ยังอยู่ในมือของพวกคุณนี่นา พวกคุณลำบากมากแล้วจริงๆ”
ชายชาวต่างชาติคนนั้นคล้ายไม่เข้าใจว่าฉินอีหลินกำลังเสียดสี ดวงตายังคงมีรอยยิ้ม ความประหลาดใจเริ่มเลือนหายไป
ในเมื่อฉินอีหลินรู้ว่าลูกสาวของเธออยู่ในมือของพวกเขา งั้นก็รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร แล้วอยู่ที่ไหน เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
คิดได้แบบนั้น ชายชาวต่างไม่ได้ตอบคำถามของฉินอีหลิน นี่เป็นการบอกใบ้ เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับการคาดเดาของฉินอีหลิน
ฉินอีหลินเห็นว่าเขายอมรับเงียบๆ มุมปากก็ยกยิ้มสูงขึ้น เธอเดินไปเดินมาในห้องแล้วหนึ่งรอบ จากนั้นหันหน้าไม่มองชายชาวต่างชาติคนนั้น ยิ้มอย่างมั่นใจ “เราคุยกันหน่อยไหม”
ชายชาวต่างชาติคนนั้นลังเลเล็กน้อย พยักหน้า เขาเริ่มสนใจ อยากรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ยังมีอะไรจะคุยกับตนอีก
“ฉันรู้ว่าพวกคุณต้องการอะไร ในเมื่อมาแล้ว ฉันก็จะให้ความร่วมมือกับพวกคุณ แต่ฉันมีเงื่อนไข จะต้องให้ฉันได้อยู่กับลูกสาว ไม่งั้นอย่ามาโทษว่าฉันไม่ให้ความร่วมมือ”
พูดถึงตรงนี้ ฉินอีหลินก็เสียงดังขึ้น ดวงตาเยือกเย็น จ้องชายตรงหน้าเขม็ง