บทที่ 179 คนคนนี้ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้นะ
ฉินอีหลินเห็นภาพนี้แล้ว เธอจะนอนหลับลงได้อีกยังไงกัน เพียงแต่เธอรู้ว่าในห้องนี้มีกล้องวงจรปิดแอบส่องเธอและลี่โม่อวี่ทุกฝีก้าว ดังนั้นเธอเลยยียวนอีกฝ่าย
ตั้งแต่เริ่มเข้ามาที่ห้องลับ เธอก็เริ่มแสดง กระทั่งเธอได้รับข้อความก็ได้แต่หาอีกวิธีบอกเขา หลังจากที่Abnerและฉินอีหลินแยกจากกัน ก็ไปที่ห้องกล้องวงจรปิดต่อ ท่าทางของฉินอีหลินต่อหน้าเขาเมื่อกี้นี้ เขาไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ในเมื่อฉินอีหลินจะแสดงต่อไป เขาไม่แสดงด้วยกับเธอหรอก ยังไงซะตอนที่ทดสอบเธอก็ไม่ได้ทำที่ห้องทดลอง และหลังจากที่เธอกลับไปที่ห้องลับ
Abnerนั่งอยู่โซฟาห้องควบคุมกล้องวงจรปิด สังเกตดูท่าทางของฉินอีหลินหลังจากกลับเข้าไปในห้องทั้งหมด เขารู้ว่าฉินอีหลินเป็นผู้หญิงที่เก่งกาจมากคนหนึ่ง ตอนอยู่กับตัวเขาไม่มีทางที่เธอจะแสดงท่าทางที่แท้จริงออกมา แต่ต่อหน้าของลี่โม่อวี่ก็ไม่แน่ เขาเชื่อว่าเมื่อเธออยู่ต่อหน้าลี่โม่อวี่ ฉินอีหลินเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขาจะต้องแสดงอะไรออกมาแน่ๆ
มองจากกล้องวงจรปิดก็เห็นกับ ฉินอีหลินที่เข้ามาในห้องก็มีหน้าตาซีด Abnerอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้ม ที่จริงแล้วต่อหน้าเขา เธอมันก็แค่แกล้งทำเท่านั้นเอง
เเละในเวลาเดียวกันเขาเองก็มีการสังเกตที่ดีขึ้น คาดว่าจะฟังว่าฉินอีหลินได้พูดอะไรออกมา ตอนที่อยู่กับลี่โม่อวี่ เธอจะต้องพูดเรื่องของสายลับเป็นแน่ คิดถึงตรงนี้ Abnerก็ยิ่งจ้องมองจอวิดีโอนั้นอย่างจริงจัง แต่มองไปตั้งนาน ฉินอีหลินนอกจากจะพูดว่า “ฉันเหนื่อยแล้ว” หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเลย
มองกล้องวงจรปิดต่อไป หลังจากที่ฉินอีหลินและลี่โม่อวี่นอนบนเตียง Abnerไม่ได้ยินเสียงของฉินอีหลินพูดออกมาอีกเลยสักคำ ผ่านไปอีกสักพักก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกเลย
Abnerลุกขึ้นมา แล้วเดินออกไปข้างนอก ในสมองของเขาคิดถึงฉินอีหลินที่อยู่ในห้องทดลองกับเขา ไม่มีท่าทีที่จะกลัวแต่อย่างใด มีแค่ตกใจกลัวแค่แป๊บเดียวเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเป็นคนเดียวกันแต่ทำไมกลับมีท่าทางที่ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิด Abnerขมวดคิ้ว หรือว่าเขาคิดมากไปงั้นหรอ Abnerคิกไปด้วยแล้วก็โมโหเดินออกไปจากห้องวงจรปิดด้วย
แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดมากไป!ในห้องวงจรปิด เขามองไม่เห็นภาพภายใต้ผ้าห่ม เกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาไม่มีทางรู้เลย
ในตอนนั้นฉินอีหลินหลับตานอนพิงในอ้อมอกของลี่โม่อวี่ สองมือของทั้งสองคนจับไว้แน่น มือของฉินอีหลินวาดวางไว้ที่หน้าอกของลี่โม่อวี่ ตอนแรกลี่โม่อวี่ไม่ทันได้สังเกต ได้เพียงแต่คิดว่าฉินอีหลินทำโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น แต่ค่อยๆรู้เมื่อเธอวาดไปที่นั่นเหมือนเดิมซ้ำๆ
ลี่โม่อวี่แปลกใจเล็กน้อย ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าฉินอีหลินยังคงหลับตาเหมือนกับนอนหลับไปแล้ว ลี่โม่อวี่เองก็ไม่ได้นึกอะไร ลองสัมผัสการเขียนที่ฉินอีหลินได้ทำเอาไว้ ตอนนี้เองลี่โม่อวี่เลยพบว่า ฉินอีหลินกำลังเขียนตัวอักษรอะไรบางอย่างให้เขา! เขาอดไม่ได้ที่จะจับมือของฉินอีหลิน แสดงให้เห็นว่าตัวเองเข้าใจแล้ว
เดิมเห็นว่าลี่โม่อวี่ไม่มีปฏิกริยาอะไรตอบกลับ ฉินอีหลินทั้งร้อนรนทั้งอดไม่ได้ รอให้ลี่โม่อวี่ตอบกลับ เธอถึงจะสบายใจ ตั้งใจที่จะเขียนให้ลี่โม่อวี่รู้ในสิ่งที่เธออยากจะบอก
และลี่โม่อวี่ก็ขมวดคิ้วใช้ใจคิดในสิ่งที่ฉินอีหลินต้องการที่จะแสดงออกมา ทุกคำที่เขาเข้าใจแล้วก็จะจับไปที่มือของฉินอีหลิน แสดงให้เธอรู้เค้าเข้าใจ หลายครั้งที่ขมวดคิ้วแบบนั้น ฉินอีหลินใช้แรงและกำลังทนความชาและความเกร็งจนสามารถเอาคำพูดที่อยากจะสื่อบอกออกมาได้หมด
แต่ลี่โม่อวี่กลับเอาคำที่ตัวเองเพิ่งทายถูกกลับมานั่งคิดๆดูอีกรอบ “สายลับถูกจับได้แล้ว ฉันถูกสงสัยแล้ว” คำพูดแม้จะสั้นแต่ก็มีกำลังมหาศาล หลังจากที่ลี่โม่อวี่อึ้งไป กลับมาสบายใจอีกครั้ง หลังจากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ลี่โม่อวี่ก็รู้แล้วว่าทำไมหลังจากที่ฉินอีหลินกลับมาถึงหน้าซีดแบบนั้น
ลืมตามองดูฉินอีหลิน เธอยังทำท่านอนๆอยู่ แถมยังมุดเข้าไปในอ้อมกอดเขามากขึ้น ในเวลาเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ว่าฉินอีหลินยังเขียนอะไรต่อ มีกล้องวงรปิด ลี่โม่อวี่ลากแขนของฉินอีหลินมาแล้วเขียนข้อความลงไปเช่นเดียวกัน วางใจเถอะ ก็นับว่าไม่มีผู้อำนวยการลี่ก็แล้วกัน ยังมีหลงเซี่ยวเทียนอยู่ ความสามารถเขาไม่ต่างกัน และเข้ามาในนี้แล้วเหมือนกัน
คำพูดของลี่โม่อวี่ทำให้ฉินอีหลินสบายใจขึ้นมาหน่อย เพียงแต่มีอีกเรื่องที่ทำให้เธอลำบากใจอยู่ ทำให้จิตใจของเขาไม่สงบ คิดถึงเจอคนที่ไม่มีหนังอยู่ในห้องทดลอง ฉินอีหลินไม่มีการแสดงท่าทีตัวสั่นให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
คนนั้นจะเป็นสายลับจริงๆหรอ แม้ว่าตอนที่อยู่ในห้องทดลอง เธอจะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้เป็นสายลับแน่ๆ แต่จริงๆแล้วในใจของเธอชัดเจนเป็นอย่างมาก คนนั้นร้อยทั้งร้อยเป็นสายลับแน่ๆ คนคนนั้นเป็นเพราะตัวเองงั้นหรอถึงถูกจับได้
ในตอนที่ฉินอีหลินคิดไปต่างๆนานา หูก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา พอรับก็ได้ยินเสียงของปลายสายรีบพูดอย่างรีบร้อนขึ้นมา “คุณฉินครับ สายลับที่พวกเราส่งเข้าไปเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ได้โปรดระวังตัวด้วยนะครับ ถ้าเกิดเป็นไปได้ได้โปรดตรวจสอบด้วยนะครับ ว่าคนคนนั้นเป็นหรือตาย ถ้าเกิดคุณรู้เรื่องทราบข่าวได้โปรดกด1”
ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับนานมาก อยู่ๆก็ได้ยินเสียงข้างหู ทำให้ฉินอีหลินตกใจ แต่ยังดีที่สามารถระงับไว้ได้ทัน ได้ยินเสียงของผู้ติดต่อ ใจของฉินอีหลินเปลี่ยนไปเป็นขรึมๆ คิดถึงสิ่งที่เธอเห็นนั่นแทบจะเรียกได้ว่าไม่ใช่คนแล้ว ใจของเธอรู้สึกผิดแทบจะทะลุออกมา เป็นตัวเองงั้นหรอที่ทำร้ายเขา
ฉินอีหลินอดไม่ได้ที่จะซุกตัวของลี่โม่อวี่เข้าไป และลี่โม่อวี่เอง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เขาสัมผัสได้ว่า ความรู้สึกของฉินอีหลินมีอะไรแปลกๆ ได้แต่ปลอบหลังเธอไว้แบบนั้น
ได้กลิ่นของสิ่งที่คุ้นเคย สัมผัสได้ถึงการปลอบโยนของลี่โม่อวี่ อารมณ์ของฉินอีหลินก็ค่อยๆดีขึ้นมา ฉินอีหลินลืมตาขึ้น มองดูอย่างสงสัย คนที่อยู่ในห้องควบคุมเห็นฉินอีหลินกระพริบตาคิดว่าเธอตอบรับ เขาเลยพูดอย่างดีใจ “คุณฉินขอบคุณครับ!”
ได้ยินคำนี้ ฉินอีหลินก็รู้ว่าเขาเข้าใจผิดแล้ว อดไม่ได้ที่จะเหลือกตา เขานี่ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้นะ!
แต่ตอนนี้เธอกลับไม่สะดวกที่จะแสดงอาการเท่าไหร่ ได้แต่กระพริบตาไม่หยุดเท่านั้น นี่เลยทำให้คนที่อยู่ในห้องควบคุมลำบากใจ คำสั่งนี้เขาไม่รู้เลยว่าหมายความว่ายังไง จับหัว นักเทคนิคที่ฝีมือถามอย่างเกรงใจไปว่า “คุณฉินอย่ากระพริบตาต่อได้ไหมครับ ผมไม่เข้าใจเลย”
ฉินอีหลินรู้สึกแค่ว่าตัวเองหยุดไม่ได้ที่จะเหลือกตา เลยวาดไปที่หน้าผากสามเส้น เธอกับนักเทคนิคที่มีฝีมือคนนั้นไม่มีเซนต์อะไรกันอีก!