บทที่ 173 ทำไมจะต้องโกรธขนาดนั้น
“แม่ แม่ แม่เป็นยังไงบ้าง”
ลี่จิ่งตกใจ เลยรีบพุ่งเข้ามาพยุงตัวหยางผิง
“เอาแม่ของแกพยุงไปที่โซฟา”
ลี่อานโก๋โกรธจนเส้นเอ็นโผล่ขึ้นมา เขามองไปที่หยางผิงอย่างเคร่งเครียด พบว่าภรรยาของตนเองเพียงแค่เจอเรื่องกระทบจิตใจเท่านั้น ถึงค่อยๆสบายใจลง
ลี่จิ่งไม่ละสายตาที่จ้องมองไปทางลี่โม่อวี่ และก็เอาตัวของหยางผิงกอดไว้ และวางไว้ที่โซฟาอย่างระมัดระวัง และไม่หยุดที่จะพูดว่า “แม่ เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ได้ยินเสียงผมพูดไหมครับ”
ลี่อานโก๋เห็นหยางผิงยังไม่รู้สึกตัวขึ้นมา ในตอนนั้นเขาก็ทั้งร้อนรนทั้งโกรธ เดินเข้าไปหลายก้าวไปหาที่ด้านหน้าของลี่โม่อวี่ อยากที่จะง้างมือตีเข้าไป
ลี่โม่อวี่รู้ถึงความคิดของคนด้านหน้าที่กำลังจะทำอะไรบางอย่าง เขายิ้มอย่างเยือกเย็น และจับไปที่มือของคนที่อยู่ด้านหน้า ตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความยั่วยุ
เขาก็จ้องมองลี่อานโก๋อยู่อย่างนั้น บรรยากาศการต่อสู้ของผู้ชายทั้งสองคนยิ่งเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม
“อย่างไรหรอครับ ผู้อำนวยการลี่ ผมพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรอครับ เอาผมเกิดมาแล้วก็ไม่เลี้ยง แถมยังส่งไปในที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้า นอกจากใบที่เขียนชื่อของผมไว้และหยกอันหนึ่ง พวกคุณคืนอะไรให้ผม จะให้ผมซาบซึ้งความดีความชอบของพวกคุณงั้นหรอ
“มากเกินไปแล้วนะ!”
ลี่อานโก๋ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งโกรธจนตัวสั่นมากขึ้นกว่าเดิม แขนที่ถูกมือถือไว้จะขยับก็ไม่ใช้จะยกขึ้นก็ไม่เชิง
“ผมทำมากเกินไปตรงไหน ตอนที่ผมโดนเด็กที่อยู่ในบ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้ารังแก พวกคุณไปอยู่ที่ไหนกัน ตอนที่ผมถูกทำร้ายไม่มีใครมาช่วย พวกคุณไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้พวกคุณยังจะมีค่าอะไรที่จะมาให้ผมเรียกพวกคุณว่าพ่อกับแม่”
ลี่โม่อวี่หัวเราะอย่างเยือกเย็นจากนั้นก็ปล่อยมือออกไป มือทั้งสองข้างของเขากอดอกและเหล่ตามองไปทางลี่อานโก๋ และหลังจากนั้นก็หันไปมองหยางผิงและลี่จิ่งอย่างเสียดสี
สามคนนี้ถึงจะเป็นคนบ้านเดียวกันสิ ดูสิ สามัคคีกันดีนิ ลี่อานโก๋ปล่อยมือลง คำพูดของลี่โม่อวี่มันแทงใจทุกคำพูด แท้จริงเขาเม้มปากแน่น ตาแดงก่ำทั้งสองข้าง
ก็รู้ว่าในตอนนั้นเขาหวังให้เด็กคนนี้ได้เกิดออกมา ทุกวันถ้าเขามีเวลา เขาก็จะมาหาหยางผิงแล้วแนบหูลงไปกับท้องของเธอ และฟังสิ่งที่อยู่ในนั้นดิ้นอย่างระมัดระวัง
เป็นครั้งแรกที่ลี่อานโก๋รู้สึกปลื้มใจ ทุกครั้งที่เขาคิดถึงคำว่า พ่อ คำนี้ขึ้นมา เขาก็รู้สึกเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่ม
เขาไม่สนใจเลยว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเป็นเด็กผู้หญิง
ถ้าเกิดเป็นเด็กผู้ชาย เขาจะสอนเขาว่าอะไรคือชายชาตรี เขาจะไม่มีทางยอมให้ลูกชายของเขาเหมือนกับพวกเพลย์บอยพวกนั้นที่วันวันรู้จักเพียงแค่ไปเที่ยวหาผู้หญิง แล้วถ้าเกิดลูกของเขาเป็นลูกสาว เขาจะเลี้ยงดูให้เหมือนกันกับเจ้าหญิง ทำให้เธอมีความสุขไปทั้งชีวิต
แต่ลี่อานโก๋ไท่เคยคิดเลยว่า ลูกเกิดมาเพียงแค่ไม่กี่วัน เขาก็เพราะหน่วยทหารลับถูกเปิดโปง ความปลอดภัยในชีวิตถูกข่มขู่
ถ้าเกิดเอาตัวของลูกไป แค่เด็กร้องไห้ออกมา เขาจะต้องถูกจับได้เป็นแน่ แต่ลี่อานโก๋เตรียมตัวมาดีแล้ว ยอมตายเพื่อชาติ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญและสูงที่สุดของการเป็นทหาร
แต่หยางผิงไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเขา คาดไม่ถึงว่าเธอจะใช้โอกาสตอนที่เขาจัดวางกำลัง ก็แอบเอาลูกทำหายไป
ลี่อานโก๋บอกไม่ถูกว่านี่คือความรู้สึกอะไร ตอนที่เขาเห็นหยางผิงที่สติอารมณ์ใกล้จะกระจัดกระจาย อีกทั้งที่มือเลือดไม่หยุดไหล เขาได้เพียงแต่เอาภรรยาของเขาเข้ามากอดไว้ในอ้อมอกอย่างเงียบๆเท่านั้น
ภรรยาของเขาเพื่อที่จะทำให้เขามีชีวิตรอดต่อไปเลยปล่อยเขาไปแบบนั้น เขาไม่มีวิธีที่จะดุด่า แต่ ลี่อานโก๋กลับพบว่า ที่หยางผิงเอาทิ้งไปนั้น ไม่เพียงแต่จะเป็นลูกของเขาเท่านั้น แต่ยังทิ้งความรู้สึกภูมิใจในการเป็นพ่อครั้งแรกของเขาอีกด้วย
ถ้าเกิดตอนนั้นมีทางเลือกแล้วล่ะก็ เขายอมที่จะให้ตัวเองไปตายดีกว่าที่จะให้ลี่โม่อวี่ต้องเจอกับความยากลำบากแบบนั้น
แต่นั่งเป็นเพียงแค่เรื่องที่ผ่านไปแล้วเท่านั้น ไม่ว่าลี่อานโก๋จะเจ็บปวดใจขนาดไหน เขาไม่สามารถที่จะบอกความรู้สึกของเขาให้กับลี่โม่อวี่ฟังได้ และนี่ก็เป็นความยิ่งใหญ่ของผู้ชายคนนี้
ลี่โม่อวี่ไม่รู้ว่าผู้ชายคนที่ยืนอยู่ข้างหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ตอนที่เขาเห็นลี่จิ่งเข้าไปกระซิบข้างหูของหยางผิง เขายังคงรู้สึกว่าภาพนี้มันช่างบาดตาบาดใจของเขา
อยู่ๆเขาก็รู้สึกว่า การกลับมาของเขานั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด สามารถช่วยฉินอีหลินได้แต่ไม่แน่จะต้องผ่านลี่อานโก๋ เขาจะเอาส่งตัวเองไปที่แก๊งค์Kและก็ร่วมมือกับเธอ หลังจากนั้นก็รอโอกาสหนีไปอีกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
คิดถึงตรงนี้ ลี่โม่อวี่ก็เหมือนกับว่าสบายใจขึ้นมาหน่อย สุดท้ายก็มองไปที่หยางผิง เขาเตรียมยกขาที่จะเดินไปด้านนอก
“จะไปไหน แม่ของแกกำลังเป็นลมอยู่นะ!”
โม่อวี่ได้ยินแบบนั้นก็แสยะยิ้มออกมา เขาหันกลับไปแล้วสบสายตากับลี่จิ่งที่มองมาทางเขาพอดี น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
“เกี่ยวอะไร พวกคุณไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องทำ ไม่มีผมก็มีลูกอีกคนหนึ่งอยู่ดี ทำไมจะต้องโกรธขนาดนั้น”
พอพูดจบ ลี่โม่อวี่ก็หันตัวแล้วเดินออกจากห้องไป แสงอาทิตย์จากด้านนอกเหมือนกับจะแยงตาเข้ามา เขาตามัวเล็กน้อย แล้วก็เดินก้าวใหญ่ออกไปข้างนอก
และภายในห้องเอง ลี่อานโก๋ก็ยืนงงๆอยู่ตรงที่เดิม ในมือกำหมัดไว้แน่น สักพักก็เหมือนดึงสติกลับมาได้
“ตึ้ง!”
สุดท้ายแล้วลี่อานโก๋กลับทนไม่ได้ เลยกำหมัดชกไปที่ตู้เสื้อผ้า เสียงไม้ที่โดนกระทบดัง “ตึ้ง”นั้นมีความรุนแรง เศษไม้กระเด็นออกมา ใจของลี่อานโก๋กำลังกระวนกระวายไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
สรุปแล้วเขายังจะต้องทำอะไร
แม้ว่าลี่จิ่งไม่พอใจกับการกระทำของลี่โม่อวี่ แต่ในขณะเดียวกันเขาไม่ได้พูดอะไรออกไป แถมยังก้มลงไปปลุกหยางผิงเบาๆ
และหลังจากที่ลี่โม่อวี่ออกจากตระกูลลี่ไป เดินไปบนถนนก็นึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้
ที่เขารีบร้อนออกมาแบบนั้น ก็เพราะรีบตัดสินใจคิดความคิดเมื่อกี้นี้ ถ้าเกิดเสียเวลาอยู่ที่ตระกูลลี่มากเกินไป เขากลัวว่าใจของเขาจะคิดมากไปกว่านี้ และแถมยังจะหาวิธีช่วยฉินอีหลินไม่ได้
พอคิดถึงฉินอีหลิน ใจของลี่โม่อวี่เต็มไปด้วยความรักละมุน สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา
เขารู้ดีว่าเขาตัดใจหนีจากผู้หญิงคนนี้ไปไม่ได้
ตอนแรกเขาระวังฉินอีหลิน แต่เพราะว่าเธอคิดว่าเขาเป็น “คนเลี้ยงวัว” ลี่โม่อวี่ก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างน่าสนใจ
แต่พอภายหลังยิ่งได้สัมผัสเข้าไปมากขึ้นกว่าเดิม เขาพบว่าแม้ว่าภายนอกของฉินอีหลินจะดูอ่อนแอ แต่ภายในของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง อดทนต่อสิ่งต่างๆ
แม้ว่าจะถูกตระกูลฉินทำร้ายจนเลือดไหลไม่หยุด เธอยังคงแกร่งกล้าเย่อหยิ่งที่จะพาตัวเองออกมา แม้ว่าภายหลังเธอจะต้องทนความเจ็บปวดอยู่คนเดียวก็ตาม
ฉินอีหลินที่ทั้งแข็งแกร่งทั้งอ่อนโยน ทำให้ลี่โม่อวี่นอกจากจะหวั่นไหวแล้ว พวกเขายังเป็นคนประเภทเดียวกัน แบบเดียวตรงที่ว่าไม่มีใครดูแลเลี้ยงดู เหมือนกันตรงที่ได้แต่ทนความทรมานแบบนี้ต่อไปคนเดียว และยิ้มแก่ไปเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าคนอื่น
ไม่ได้เสแสร้ง แ่นี่คือความเย่อหยิ่งความภูมิใจสุดท้ายของพวกเขา
เริ่มที่จะฉีกยิ้มอย่างอบอุ่นขึ้นมา ลี่โม่อวี่ขอแค่คิดถึงฉินอีหลินก็ลืมเรื่องราวที่เจ็บปวดทรมานแสนสาหัสไปได้หมด เขากำลังคิดอยู่ว่านี่ เรียกว่า“วีรบุรุษมาสยบเพราะเกมรัก” ใช่ไหม
ไม่เสียเวลาต่อไป ลี่โม่อวี่รีบจัดการอารมณ์ของตัวเอง และก็ควักมือถือโทรศัพท์ออกไป
“ฮัลโหลคุณอาหลง ผมคือลี่โม่อวี่”
หลงเซี่ยวเทียนได้ยินเสียงก็ตกใจขึ้นมา แต่ก็รู้สึกตัวขึ้นมา ดวงตานิ่งขรึม และพูดออกมา
“มีเรื่องอะไร”