บทที่ 181 ยากที่จะทนได้
ฉินอีหลินไม่รับรู้ถึงความรู้สึกภายในใจของลี่โม่อวี่ที่เปลี่ยนไป ทำเพียงหดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างน่ารัก เสพสุขกับการเอาอกเอาใจในเวลานี้
ผ่านไปสักพัก เธอค่อยเอ่ยถาม “ผู้อำนวยการลี่บอกว่า ถ้าสายลับคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ให้เรารักษาชีวิตสายลับคนนั้นเอาไว้”
พอลี่โม่อวี่ได้ยินก็รีบปฏิเสธทันที “ไม่ได้ นี่มันอันตรายเกินไป ผมไม่ยอมให้คุณต้องตกอยู่ในอันตรายหรอก”
แม้ฉินอีหลินจะรู้สึกซาบซึ้งที่ผู้ชายคนนี้คิดรอบคอบถึงความปลอดภัยของเธอ แต่ในใจเธอก็ยังรู้สึกผิด
เธอไม่เคยลืมคำพูดของคนคนนั้น เป็นเพราะเธอ สายลับคนนั้นถึงได้ถูกเปิดเผย คิดถึงภาพเขาในตอนนี้ที่ดูแทบไม่ได้เลย ฉินอีหลินก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ จะให้เธอเมินเฉยต่อชีวิตคนอื่นเธอทำไม่ได้
“อีกอย่าง เพียงแค่ถ่วงเวลาออกไปอีกสามวันก็พอแล้ว”
“หือ อะไรสามวัน”
ลี่โม่อวี่เลิกคิ้ว
“ผู้อำนวยการลี่บอกว่า เราถ่วงเวลาไว้อีกสามวันก็พอแล้ว”
ลี่โม่อวี่ได้ยินจึงกดปลายคางลงที่กระดูกไหปลาร้าของเธอแล้วหรี่ตาแคบลง ไตร่ตรองว่าผู้อำนวยการลี่ให้เวลาฉินอีหลินสามวันหมายความว่ายังไง
อีกด้าน หลังจากผู้อำนวยการลี่วางสาย ก็ออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ก่อนอื่นให้ฝ่ายเทคนิคตัดส่วนที่ฉินอีหลินบันทึกเอาไว้ จากนั้นตัวเองตรวจสอบอีกรอบ
ออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชื่อถือได้นำวิดีโอที่บันทึกส่งไปให้สหประชาชาติ ส่วนตัวเองก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน ทำรายงานด้วยตัวเอง
ดวงตาของผู้อำนวยการลี่เผยความดุร้ายเข้ามาชั่วครู่ พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกแบบนี้ เขาไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปแน่
เวลาที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว ครอบครัวทั้งสามคนก็มาอยู่ด้วยกันแล้วในเวลาที่เหมาะสม
เธอไม่เคยลืม แฮกเกอร์คนนั้นบอกว่าเพียงแค่ตัดสิ่งที่สังเกตการณ์ไปแค่สิบนาที และตอนนี้เวลาสิบนาทีก็ผ่านไปแล้ว ก็หมายถึงว่าตอนนี้พวกเขาก็ยังคงอยู่ท่ามกลางการสังเกตการณ์อยู่
รอเวลาให้หลงจิ่นเซวียนตื่นขึ้นมา ลี่โม่อวี่จึงเสนอให้เล่นเกมกับหลงจิ่นเซวียน
ฉินอีหลินก็เห็นด้วย ยังไงซะช่วงเวลาแบบนี้ก็ยากที่จะทนได้
และในห้องสังเกตการณ์ Abnerที่เดินกลับไปกลับมามองไปยังหน้าจอครอบครัวอบอุ่นสามคนนั้น ขมวดคิ้วถามคนดูแลห้องสังเกตการณ์ “เธอยังไม่พูดอะไรอีกหรอ”
“ครับ หลังจากที่H1กลับมาก็พักผ่อนตลอด สิบนาทีพึ่งตื่นขึ้นมา ผู้ชายคนนั้นนวดไหล่ให้เธอสักพัก จนเด็กตื่นพวกเขาก็เล่นเกมกันตลอด ไม่ได้พูดอะไรเลย”
Abnerได้ยินจึงส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่เห็นพิรุธอะไร จึงขมวดคิ้วแล้วเดินหนีไป
เมื่อครอบครัวทั้งสามคนได้มาอยู่ด้วยกันแล้วเวลาช่างผ่านไปเป็นพิเศษ
ได้ยินเสียงคอกแค่ก ฉินอีหลินก็รู้ได้โดยไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นกลุ่มคนที่สวมชุดคลุมสีขาวกำลังเดินเข้ามา และหมายถึงว่าวันนี้มีแสงสว่างขึ้นอีกครั้งในวันที่สองแล้ว
ฉินอีหลินขมวดคิ้วอย่างไม่สนใจ มองหลงจิ่นเซวียนที่เล่นอยู่ตรงมุมเป็นเวลานานอย่างกังวล ในใจนั้นเป็นห่วง อยู่ที่นี่นานจนไม่รู้วันเวลาแล้ว
หากปล่อยเวลาไว้นานเกรงว่าพัฒนาการของเด็กจะไม่เป็นไปตามวัย
มองคนสวมเสื้อคลุมขาวสองคนที่เดินเข้ามา ฉินอีหลินไม่รอให้พวกเขาได้พูด ก็รีบลุกขึ้นมา บอกกับลี่โม่อวี่ “คุณดูลูกหน่อย ไม่ต้องให้เธอเล่นแล้ว กอดกล่อมเธอนอนสักพัก เมื่อวานนอนไปนิดเดียว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่นอน”
เห็นลี่โม่อวี่อุ้มจิ่นเซวียนขึ้นไปบนเตียงแล้ว ฉินอีหลินจึงค่อยๆวางใจ เดินตามคนชุดคลุมขาวค่อยๆห่างออกไป
ออกมาด้านนอก ประตูก็ปิดลงตามหลังเธออัตโนมัติ ฉินอีหลินเห็นAbnerรออยู่หน้าประตู จึงมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ริมฝีปากถูกยกสูงขึ้นเล็กน้อย เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ “วันนี้คาดไม่ถึงว่าคุณจะมาด้วยตัวเอง”
Abnerทำราวกับไม่ได้ยินคำพูดถากถางจากฉินอีหลิน บอกอย่างเย็นชา “ไปเถอะ” จากนั้นเดินนำออกไป
ฉินอีหลินมองตามหลังเขา ไม่ได้ใส่ใจ ก้าวเท้าเดินต่อไป
Abnerพาฉินอีหลินเลี้ยววกไปมาสุดท้ายเข้ามาในมุมๆหนึ่ง ตึกแห่งนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นยา มองสิ่งของพวกนั้นที่ถูกจัดเรียงราวกับโรงพยาบาล ฉินอีหลินอดแปลกใจไม่ได้ นี่คือ…..
ไม่ให้โอกาสฉินอีหลินได้ตั้งสติ คนพวกนั้นก็เจาะเอาเลือดแถมยังถ่ายวิดีโอเอาไว้ด้วย ท่าทางจริงจังนั้นทำให้ฉินอีหลินนึกว่าเธอติดเชื้อ อาจอยู่บนโลกได้อีกไม่นาน
ไม่รู้ว่าทั้งหมดเปลี่ยนห้องไปกี่ห้อง ดำเนินการไปนานกี่ชั่วโมง จนกระทั่งพวกเขามีสีหน้าคล้ายยกภูเขาออกจากอกแล้ว เธอถึงรู้ว่า ตอนนี้เสร็จสิ้นแล้ว
ฉินอีหลินเหนื่อยจนทนไม่ไหว ครั้งนี้ราวกับถูกตรวจตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก ตั้งแต่หัวจรดเท้า เกรงว่ากระทั่งเธอมีหรือไม่มีฟันผุก็ถูกตรวจจนละเอียด
Abnerพาฉินอีหลินมานั่งลงในห้องทำงานห้องหนึ่ง ฉินอีหลินเองก็ไม่เกรงใจ นั่งลงตรงหน้าAbner ไม่นานหมอสวมชุดกาวน์สีขาวใส่ผ้าปิดจมูกก็ถือปึกกระดาษเข้ามา
“Abner ผลรายงานออกมาแล้ว”
ฉินอีหลินกะพริบตา มองกระดาษที่อยู่ในมือAbner หรือว่านั่นจะเป็นรายงานผลตรวจร่างกายของเธอ
ขณะเดียวกันฉินอีหลินก็นึกถึงคำที่ลี่โม่อวี่บอกกับเธอ นึกถึงสายลับคนนั้นที่ถูกเปิดเผยเพราะตัวเอง ใบหน้าของฉินอีหลินก็สงบเยือกเย็น แต่ในใจนั้นคิดทบทวน ตอนนี้เป็นเวลาที่ดี เธอไม่ชอบเสียเวลา
ฉินอีหลินเท้าคาง ชำเลืองมองอีกฝ่าย “Abner เป็นยังไงบ้าง รายงานร่างกายของฉัน คุณพอใจไหม คุณสมบัติเพียงพอให้พวกคุณได้ทำการวิจัยไหม หรือว่าฉันมีโรคอะไรทำให้พวกคุณทำการทดลองไม่ได้แล้ว”
Abnerที่เดิมกำลังตั้งใจอ่านรายงานเมื่อได้ยินคำพูดของฉินอีหลินแบบนั้นจึงเหลือบตาขึ้นมองเธอ เห็นเพียงใบหน้ายั่วยุของเธอ เขาก็ไม่สนใจ หญิงคนนี้จัดการยากกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ตอนนี้เขาก็ไม่อยากปะทะกับผู้หญิงคนนี้ จึงก้มหน้าลง ไม่มีเสียงตอบกลับไป
“พวกคุณคิดจะใช้ฉันไปทำการทดลองอะไร”
เห็นว่าชายตรงหน้าไม่ตอบ ฉินอีหลินก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อย เธออาศัยจังหวะนั้นเดินไปทั่วห้อง ดวงตาไม่ละเลยอะไรไปแม้เพียงเล็กน้อย
เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอมองเห็นในตอนนี้ ลี่อานโก๋ก็มองเห็นเช่นกัน
หากเธอพลาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆไป เธอคงไม่สามารถใช้แค่คำว่า “ขอโทษ” มาชดเชยทุกอย่างได้
คิดได้ดังนั้น เธอพลันนึกถึงสายลับคนนั้นขึ้นมาได้ ความรู้สึกผิดยิ่งเอ่อล้นมากขึ้น
Abnerที่ยังไม่ยอมเงยหน้าจากผลรายงานการตรวจพลางตอบ “นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณฉินต้องใส่ใจ”
ฉินอีหลินเบะปาก “ฉันจะไม่ใส่ใจได้ยังไง เกิดฉันกลายเป็นคนไร้หนังขึ้นมาจะทำยังไง”
ฉินอีหลินกล่าวถึงคนไร้หนังคนนั้นราวกับไม่ใส่ใจ แต่เมื่อเธอพูดถึงคนไร้หนัง ก็ดึงสายตาของAbnerให้เคลื่อนออกห่างจากรายงานในมือได้ เลื่อนมาอยู่ที่เธอ “ทำไม คุณฉินสนใจผู้ชายคนนั้นหรอ”
ฉินอีหลินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ฉันจะสนใจอะไร แค่แปลกใจว่าเขาเป็นตัวทดลองของพวกคุณหรือเปล่า เกิดว่าใช่ขึ้นมา ต่อไปฉันต้องเป็นแบบนั้นหรือเปล่า”