บทที่ 192 การพบปะนัดเจอ
“อย่าร้องไห้กันอยู่เลย รีบไปกันเถอะ เราไม่ควรอยู่ที่นี่นานนะ” ลี่โม่อวี่รีบรุดไปด้านใน ก่อนจะอุ้มลูกของตัวเองขึ้นมา จากนั้นก็หันไปเร่งฉินอีหลินทันที
ฉินอีหลินเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามารู้สึกสลดใจ เพราะที่แห่งนี้ไม่ควรที่จะอยู่จริงๆ เธอจึงเม้มปาก ก่อนจะรีบเดินตามออกไป
ซึ่งขณะที่ลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินกำลังตามหาลูกอยู่นั้น Abner ก็กำลังตามหาฉินอีหลินอยู่
Abner สอดส่องสายตาไปทั่วทุกที่อย่างร้อนรน ขณะเดียวกันในมือก็กดโทรหาคนที่บ้านไม่หยุด
“Mr.Reade ที่นี่เจอการโจมตีจากศัตรู ถึงจะเตรียมการป้องกันเอาไว้ แต่ก็รับไม่ไหวจริงๆ ครับ”
“ที่นี่เองก็เกิดเรื่องเหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่มาโจมตี” พอ Mr.Reade ได้ยินรายงาน ก็รู้ว่ามีคนวางแผนไว้นานแล้ว เพียง ทำให้ตอนนี้เขายุ่งจนตัวเป็นเกลียวจริงๆ
บึม!
พลันมีเสียงระเบิดดังขึ้น จนมีเศษหินปลิวว่อนไปทั่วทุกที่ เขารีบเข้าไปหลบอยู่ใต้โต๊ะ เพื่อหลีกการโจมตีสุดชีวิต
“นายต้องพาฉินอีหลินกับทั้งครอบครัวไปซ่อนตัวให้ดีๆ ด้วย จำเอาไว้ว่าอย่าให้ใครพบตัวเด็ดขาด แล้วก็อย่าเปิดเผยเรื่องการทดลองไปด้วย ส่วนเรื่องอื่นๆ ฉันทำเอง จำเอาไว้ว่าถึงที่นั่นจะหายไปก็ตาม แต่ก็พาพวกเขาทั้งสามคนไปอยู่ในที่ปลอดภัย!”
“ครับ” แววตาของ Abner นิ่งขรึมลง สีหน้าของเขาดูเย็นยะเยือกมากขึ้น พลางคิดว่า H1 เป็นดั่งกำลังกายและมันสมองของเขามานานหลายปี เขาไม่มีทางให้ใครคนอื่นแย่งเอาไปง่ายๆ แน่
แล้วด้วยเสียงที่ดังระเบิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ ทำให้ Abner รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็วทันที ซึ่งตอนนั้นเขาก็เห็น Sean กำลังวิ่งวุ่นไปมาราวกับแมลงวันเลยทีเดียว
เป็นเพราะเจ้านายของตัวเองยังไม่ได้บอกให้ลงมือ อีกอย่างคนข้างนอกนั้นไม่ใช่คนของหลงเซี่ยวเทียนแน่ๆ แล้วจะมีใครที่กล้าลงมือกันได้อีก?
Sean หมุนตัวหลบคานที่หล่นลงมา ทำให้ล้มลงไป แต่ก็รีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดแรง ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะไปสนใจอะไรทั้งสิ้น
ตอนนี้ Sean ยังไม่รู้ชัดเจนว่า ด้านนอกนั้นจะเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ เขาก็ทำให้แค่ไปหลบอยู่หลังกำแพงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขมวดคิ้วรีบโทรหาหลงเซี่ยวเทียนทันที
“เจ้านายครับ ที่นี่เกิดเรื่องแล้วล่ะครับ ตอนนี้กำลังถูกโจมตีจากคนไม่ทราบกลุ่มครับ”
เดิมทีหลงเซี่ยนเทียนก็กำลังดูแผนที่ของที่นั่นอยู่แล้ว พอเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคยเผยขึ้นบนหน้าจอมือถือ เขาก็ขมวดคิ้วแน่น เขาจำได้ว่าตอนเขามอบหมายงานให้ เขาก็กำชับไว้แล้วว่า ไม่ให้ใช้เบอร์นี้ในการติดต่อเขา
เขาจึงรับสายขึ้นอย่างหงุดหงิด แต่คำพูดของ Sean นั้นกลับทำให้หลงเซี่ยวเทียนตะลึงไปอยู่นาน
“เห็นพวกมันหรือเปล่าว่าแต่งตัวกันแบบไหน?”
“ไม่ครับ ตอนนี้ผมอยู่ด้านใน พวกนั้นโจมตีมาจากด้านนอกครับ”
หลงเซี่ยวเทียนหรี่ตาลง พลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างมีจังหวะ ก่อนที่รอบๆ กายจะแผ่รังสีอำมหิตออกมา
ถ้าหากคนกลุ่มนั้นมาช่วยลูกสาวของเขาเองก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าหากเป็นกลุ่ม “K” คู่แค้น ที่คิดจะมาชิงข้อมูล H1 ล่ะก็ ถ้าแบบนั้นก็เท่ากับว่า ฉินอีหลินออกมาจากถ้ำเสือ แล้วยังตกเข้าไปในปากของหมาป่าซ้ำซ้อนอีก
หลงเซี่ยวเทียนคร่ำครวญอย่างเงียบๆ ก่อนจะออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น : “นายไปหาตัวคุณหนูเสียก่อน หลังจากนั้นก็พาไปหลบที่ๆ ปลอดภัยสักที่ เดี๋ยวฉันจะไปรับพวกนายเอง”
เขาวางสายลง แล้วรีบติดต่ออาโน่ทันที “อาโน่ นายรวบรวมคนของ ‘กลุ่มมังกร’ ได้กี่คนแล้ว? มีงานเดือดงานหนึ่งที่ต้องไปทำน่ะ”
ซึ่งพอผู้ชายที่ชื่ออาโน่ ได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้ถอยหนีแต่อย่างใด แต่กลับเกิดความสนใจกับคำว่า “งานเดือด” นั้นอย่างถึงที่สุด
“รวบรวมได้ประมาณสี่ในห้าแล้วล่ะ วางใจเถอะ ‘กลุ่มมังกร’ ทุกคนเคยนอนกลางดินกินกลางทรายมาก่อน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ไม่กลัวมากที่สุดก็คืองานพวกนี้ล่ะนะ”
หลงเซี่ยวเทียนได้ยินก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก ก่อนจะตอบกลับฝ่ายตรงข้ามไปว่า : “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย งั้นรีบพาคนของนายไปที่ฐานของกลุ่ม ‘K’ เดี๋ยวนี้เลยนะ เดี๋ยวฉันจะส่งแผนที่ให้นายเลยตอนนี้”
ผู้ชายที่ชื่ออาโน่นั้นก็ส่งเสียงตอบรับ ก่อนจะวางสายไป กลุ่มหน่วยรบพิเศษของลี่อานโก๋ได้โจมตีแนวป้องกันด้านนอกไปแล้ว ก่อนจะแบ่งเป็นสองทีมพากันบุกเข้าไปด้านใน
ปัง!
ขณะเดียวกันเหล่ากลุ่มคนที่ใส่ชุดคลุมสีขาว ที่เป็นผู้ร่วมวิจัยนั้น ไม่มีใครที่เคยเห็นมีดและปืนจริงๆ มาก่อน ขณะที่พวกเขาวิ่งไปวิ่งมาในฐานทัพนั้น พอพบเห็นกับกลุ่มทหารรับจ้างพิเศษพวกนั้นเข้า ก็เปรียบได้กับลูกแพะวิ่งเข้าปากเสือ ทำได้เพียงอ้อนวอนกับโชคชะตาเท่านั้น
แต่ลี่อานโก๋นั้นไม่ใช่คนของกลุ่ม ‘K’ เขาไม่มีทางที่จะทำอะไรโรคจิต แบบคนกลุ่มนั้นอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าเขาจะรู้สึกเกลียด ที่คนกลุ่มนั้นปฏิบัติกับเชลยแค่ไหนก็ตาม เขาก็ไม่อาจอนุญาตให้ลูกน้องของเขาถูกความโกรธเข้าครอบงำ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังวางแผนไว้ด้วยว่า จะเค้นข้อมูลมาบางอย่างมาจากปากของพวกมันเองอีกด้วย
“ไม่อนุญาตให้ฆ่าใครทั้งนั้น” ลี่อานโก๋ออกคำสั่งกับลูกน้องอย่างเรียบเฉย เหล่าทหารรับจ้างพิเศษนั้น ถึงแม้ว่าจะผ่านศึกสงครามมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่กล้าที่จะระเบิดหัวใครส่งเดชได้
ปัง!
พลันมีเสียงลั่นไกดังขึ้นครั้งหนึ่ง
ถึงแม้พวกเขาจะไม่กล้าฆ่าใครก็ตาม แต่หากทำให้พวกกลุ่มเดรัจฉานเหล่านั้น แค่เคลื่อนไหวไม่ได้ล่ะก็ ก็คงจะพอได้อยู่ล่ะนะ
“พวกนายหาอะไรเจอบ้างหรือยัง?” ทหารนายหนึ่งที่มีฉายาว่า “หมาป่าฟ้า” เห็นทหารอีกกลุ่มหนึ่งไกลๆ กำลังกลับมารวมกลุ่มกัน เขาจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“ยังไม่เจออะไรเลย” ผู้นำของอีกกลุ่มนั้นมีชื่อว่า ‘โพจูน’ ซึ่งเขาเป็นเพื่อนซี้กับ ‘หมาป่าฟ้า’ ทั้งสองคนต่างก็สนิทสนมและรู้ทันกันได้อย่างดี
“เดี๋ยวฉันจะพาคนออกตามหาคุณฉินนะ ส่วนนายก็พาคนไปตามหาคนๆ นั้นต่อ เมื่อหาเจอแล้วค่อยติดต่อกันอีกที” คนที่มีฉายาว่า ‘หมาป่าฟ้า’ นั้นพูดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น พอพูดจบ เขาก็พาคนของเขาไปอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อดำเนินการค้นหาทุกซอกทุกมุม
ขณะที่เหล่ากลุ่มทหารรับจ้างพิเศษนั้น กำลังทำการตามหาอย่างไร้จุดหมายนั้น Abner เองก็รู้แล้วว่า ฉินอีหลินนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่
ก่อนหน้านี้เขาให้คนพาหลงจิ่นเซวียนไปที่ห้องทดลอง พอตอนนี้ที่นี่มาถูกโจมตีอีก เพราะฉะนั้นพวกเขาต้องมุ่งไปยังห้องทดลอง เพื่อไปช่วยเด็กคนนั้นอย่างบ้าระห่ำแน่ๆ
Abner เอี้ยวตัววิ่งกลับไปที่ห้องทำงาน เพื่อหยิบปืนพกขนาดกะทัดรัดมาหนึ่งกระบอก ตัวอย่างทดลองที่ว่านี้ เขาไม่มีทางที่จะปล่อยมันไปแน่นอน
แต่ทันทีที่ Abner วิ่งมาถึงห้องทดลอง ที่หลงจิ่นเซวียนถูกกักขังอยู่ อย่างกระหืดกระหอบนั้น เขากลับพบว่าด้านในไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
นี่เขามาช้าไปงั้นหรือ?……
“ถามลี่อานโก๋หน่อย ว่าคนของเขาอยู่ที่ไหนกัน พวกเราจะได้ไปหา” ขณะที่เสียงระเบิดค่อยๆ ลดหายลงไปนั้น ลี่โม่อวี่ใช้มือหนึ่งอุ้มร่างกายของหลงจิ่นเซวียน อีกมือหนึ่งป้องไว้ที่หัวของเธอ เพราะกลัวว่าจะมีเศษหิน ปลิวกระเด็นมาโดนตัวของเธอ
“ตุ้มหูหายไปแล้ว!” ฉินอีหลินยกมือขึ้นมาลูบที่ติ่งหูของเธอตามสัญชาตญาณ ขณะที่เธอกำลังจะพูดว่าตัวเองพบตุ้มหูแล้วนั้น แต่กลับทำหายไปจนได้ขณะที่เธอกำลังหลบหนีมาเมื่อสักครู่นี้ พอรู้แบบนั้นหน้าเธอก็แดงก่ำ แววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
“ไม่เป็นอะไรหรอก” ลี่โม่อวี่เองก็คิดไม่ถึงว่า ตุ้มหูอันนั้นจะมาหายในเวลาสำคัญแบบนี้ แต่เรื่องมันก็เกิดไปแล้ว เขาก็ไม่อยากที่จะไปพูดถึงอะไรให้มากความ เขาเอื้อมมือไปจับแขนของฉินอีหลินเอาไว้ ก่อนจะพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า : “ตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่นี่กันแล้วนะ อย่างไรก็ต้องได้เจอกับพวกเขาอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”
ขณะที่พูดอยู่นั้น ลี่โม่อวี่ก็พบว่าที่อยู่ไม่ห่างจากเขามากนัก มีนักวิจัยที่สวมชุดสีขาวสองคน ที่หลบหนีออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน พลางยื่นเด็กในมือมาให้ฉินอีหลิน เขาเห็นแบบนั้นจึงเดินไปสับมือเข้าที่หลังคอ ให้พวกเขาสลบไป
“นี่คุณทำอะไรกันน่ะ?” เสียงร้องตะโกนของฉินอีหลินทำให้หลงจิ่นเซวียนตกใจขึ้นมา แต่ขณะที่เธอถามออกไป พลันเธอก็รู้ความหมายที่ลี่โม่อวี่ทำลงไปแบบนั้น เธอจึงพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่จะเดินไปเปลี่ยนเป็นใส่ชุดของนักวิจัยทั้งสองคนนั้น
“ผู้อำนวยการลี่ต้องไปช่วยคนที่อยู่ ‘ชั้นใต้ดิน’ นั่น แต่การที่พวกเราไปที่ห้องทดลองนั่น อาจจะไปเจอกับพวกนั้นก็ได้”