ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 189

ตอนที่ 189

บทที่ 189 จะชนะหรือแพ้ก็จะเห็นในครั้งนี้

“งั้นดี ตกลงตามนี้ คุณระวังหน่อย อย่ามีพิรุธอะไร”

ลี่อานโก๋เห็นเครื่องสังเกตการณ์มืดไปชั่วครู่ ก็รู้ว่าฉินอีหลินได้รับข้อความแล้ว มุมปากยกยิ้มขึ้น จากนั้นจึงตัดการติดต่อกับฉินอีหลิน

“คุณฉิน ไปเถอะ”

ตอนนี้Abnerได้วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ใบหน้าเรียบนิ่งผายมือ “เชิญ” บอกใบ้ให้เธอเดินต่อไปที่ห้องทดลองพร้อมกับเขา

ทว่าตอนนี้ในใจของฉินอีหลินนั้นมีแผนการ เธอพยักหน้าเดินนำ พร้อมทั้งมองสังเกตภาพฝาผนังด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

“ภาพม้าขาวหรอ”

ฉินอีหลินพลันชะงักเท้า มองภาพเขียนพู่กันตรงหน้าอย่างไม่มั่นใจ เธอจ้องมองสังเกตลายเส้น พลันอุทานเสียงดังอย่างตกตะลึง “ไม่คิดว่าคนอย่างพวกคุณก็แขวนภาพวาดพู่กันจีน”

“วัฒนธรรมของประเทศคุณนั้นงดงามมากจริงๆ”

Abnerก็ไม่ปิดบังถึงความชื่นชอบที่มีต่อจีน เขาปล่อยให้ฉินอีหลินหยุดมองชื่นชมภาพนั้น

“นี่คือภาพร้อยหงส์ ยังมีน้ำเต้าหยก……..จุ๊จุ๊ พวกคุณมีของดีไม่น้อยเลยทีเดียวนี่”

ฉินอีหลินใบหน้าตกใจราวกับได้เปิดโลก หันกลับมา เธอก็ได้เจอภาพวาดน้ำมันตรงหน้า “Hand of God”

นั่นเป็นภาพวาดน้ำมันสุดท้ายของชีวิตโดยศิลปินที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่งของประเทศFในยุคกลาง ว่ากันว่าคนที่เคยเห็นภาพนี้ในตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นขุนนางที่มีอำนาจและโหดร้าย ยังมีขโมยขโจรเร่ร่อนตามตลาด ล้วนก้มหัวสารภาพบาป

แม้ว่าคำพวกนี้ดูจะไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ แต่ฉินอีหลินเข้าใจ ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ภาพนี้ก็เป็นภาพที่ประเมินราคาไม่ได้ “พวกคุณนี่เป็นศิลปินจริงๆ”

“ไม่คิดว่าคุณฉินจะชื่นชอบอะไรแบบนี้”

Abnerเดินตามฉินอีหลินช้าๆ บอกยิ้มๆ

“นี่ ฉันชอบของพวกนี้ตลอด ฉันขอเดินดูรอบๆหน่อยได้ไหมคะ”

ฉินอีหลินเห็นการระมัดระวังในดวงตาของเขา เธอบอกด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ทำให้คุณเสียเปรียบหรอก ถ้าคุณยอม ฉันจะบอกความลับที่คุณอยากรู้หนึ่งอย่าง วางใจได้ ฉันแค่อยากชื่นชมภาพ และแน่นอน ฉันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ยังอยากจะให้ทั้งสองคนนั้นอยู่กับฉัน”

Abnerไม่ได้ตอบรับในทันที แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมฉินอีหลินชอบเดินอยู่ในฐาน เพื่อภาพหรอ เขาไม่มั่นใจ

แต่เขาเชื่อว่า ถึงจะให้ปีกกับพวกเขา พวกเขาก็บินออกไปไม่ได้

คิดได้แบบนั้น Abnerจึงพยักหน้า จากนั้นเอ่ยเตือน “อย่าคิดเล่นลูกไม้ ที่นี่มีกล้องเต็มไปหมด หากทำให้ผมเห็นว่าคุณทำอะไร ระวังความปลอดภัยของลูกคุณไว้”

“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว”

ฉินอีหลินก็ไม่ใส่ใจ เมื่อสักครู่ลี่อานโก๋ก็บอกแล้ว คนพวกนั้นพรางตัวอยู่บริเวณรอบๆนี้แล้ว เชื่อว่าไม่ต้องรอให้เขาได้จับผิดการกระทำเล็กน้อยๆของเธอ พวกเธอก็คงได้ออกไปแล้ว

ที่จริงแล้วฉินอีหลินไม่ได้สนใจภาพพวกนี้เลยสักนิด แต่เธอเพียงต้องการเปิดทางให้เหล่าทหารที่กำลังบุกเข้ามาได้อย่างสะดวก ยังไงมีคนดูแล ก็คงง่ายเข้าไปอีก

“พูดมาสิ ความลับอะไร”

ฉินอีหลินพูดอย่างสบายใจ “เลือดของฉันกับหลงจิ่นเซวียนสามารถเปลี่ยนข้อบกพร่องเดิมของH1ได้”

“จริงหรอ”

Abnerชะงัก จากนั้นใบหน้าก็ค่อยๆแสดงออกถึงความกระตือรือร้น

หัวข้อนี้เขาวิจัยมานานหลายปี ตอนนี้เห็นผลลัพธ์แล้ว จะไม่ให้เขาไม่ดีใจได้ยังไง

“โกหกคุณแล้วฉันจะได้อะไร”

ฉินอีหลินเห็นท่าทางของชายตรงหน้าก็อดส่งเสียงเย้ยหยันในลำคอไม่ได้ จากนั้นจึงพูดถากถาง

Abnerก็ดูออกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่กล้าโกหกเขา ตอนนี้หัวใจเขานั้นตื่นเต้นดีใจ ล้มล้างความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ที่ชายคนนั้นให้เขารวบรวมข้อมูลของH1ให้ “คุณกลับไปก่อนเถอะ การทดลองวันนี้ไม่ต้องทำแล้ว”

ได้ยินดังนั้น ฉินอีหลินก็พยักหน้ารับเบาๆ จากนั้นหมุนตัวเดินไปทางห้องลับ แม้ว่าฐานนี้มีทางเลี้ยววกวนมากมาย แต่การจดจำทางของเธอนั้นดีเยี่ยม ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทาง

พึ่งจะกลับมาถึงห้องลับ ฉินอีหลินก็กะพริบตาส่งให้ลี่โม่อวี่อย่างอดไม่ได้ ท่าทางตื่นเต้นดีอกดีใจของเธอทำให้ลี่โม่อวี่งงงวย

“ทำไม ดีใจอะไรขนาดนั้น”

เดิมลี่โม่อวี่กำลังหลับตาพิงผนังฝึกสมาธิ ได้ยินเสียงประตูเปิด เขาก็รีบเปิดตาขึ้น ความจริงทุกครั้งที่ฉินอีหลินออกไป เขามักจะกลัวมาก

เขากลัวว่าตอนนี้ฉินอีหลินออกไปนั้นกระโดดโลดเต้น แต่เมื่อกลับมาก็อาการร่อแร่ ยังไงซะคนพวกนี้ก็ไม่ได้มีคนดี

“ฉันช่วงชิงโอกาสการไปเดินเล่นข้างนอกจากคนกลุ่มนั้น ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในนี้ทั้งวัน”

ฉินอีหลินตั้งใจใช้น้ำเสียงร่าเริงบอกออกไป แต่ใบหน้าที่หันหลังให้กล้องนั้นไม่ได้ตื่นเต้นตามขนาดนั้น ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม

ฉินอีหลินพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้

นักโทษประหารคนหนึ่งต้องถูกเฆี่ยนสองร้อยครั้งทุกวัน วันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า

แต่มีอยู่วันหนึ่ง คนลงโทษเฆี่ยนเขาแค่หนึ่งร้อยครั้ง เขารู้สึกขอบคุณ ราวกับว่าเขาได้รับความเมตตาอย่างสูง

คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าเย้ยหยันของฉินอีหลินยิ่งเด่นชัด

ลี่โม่อวี่รู้ว่าไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายๆ นึกถึงกล้องวงจร ตอนนี้เขาจึงยิ้มน้อยๆโอบฉินอีหลิน บอกเบาๆ “อืม”

หลงจิ่นเซวียนยังหลับอยู่ ฉินอีหลินดึงลี่โม่อวี่นอนลงแล้วใช้วิธีเดิมในการถ่ายทอดข่าวสาร

ลี่โม่อวี่รับรู้ในทุกๆคำ แม้ว่าเขาจะปิดเปลือกตา แต่ทว่ายังคงระแวดระวัง

“ผู้อำนวยการลี่ส่งทหารมาช่วยเรา ตอนนี้เหล่าทหารได้บุกเข้ามาบริเวณป่าโดยรอบฐานนี้แล้ว”

แม้ใบหน้าของลี่โม่อวี่จะไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ แต่ก็ตกใจอยู่ในใจไม่น้อย

ตอนแรกที่เขาโดนจับเข้ามา แม้จะปิดตา แต่เขาได้ผ่านเส้นทางยากลำบาก เขายังสัมผัสได้ถึงการซ่อนตัวของสถานที่แห่งนี้และมาตรการป้องกันนั้นรัดกุมเพียงใด

แต่ลี่อานโก๋สามารถส่งทหารจากจีนมายังประเทศYได้อย่างเงียบเชียบ แน่นอนว่าต้องมีอาวุธ อีกทั้งยังสามารถพรางตัวอยู่หน้าถ้ำเสือ

ไม่กลัวว่าเสือจะได้กลิ่นเหยื่อหรอ

แต่เมื่อคิดถึงการทำงานของลี่อานโก๋ ลี่โม่อวี่พลันถอนหายใจ ใครเป็นเหยื่อก็ยังไม่แน่

แผนปลอมเป็นหมูเพื่อกินเสือ เขาเองก็ทำมาตลอดหลายปี ลี่อานโก๋แป้งทอดแก่ๆแบบนี้ ก็คงจะไม่เลวหรอก

แต่เขาพลันนึกถึงคำมั่นกับหลงเซี่ยวเทียนขึ้นมา เขาขมวดคิ้วหนักขึ้น ลี่โม่อวี่ยังคงไม่วางใจ

คิดมาถึงตรงนี้ เขาจึงยื่นมือไปกุมแขนของฉินอีหลิน จากนั้นเขียนทีละขีดบอกถึงความคิดในใจของเขา

“ฝั่งพ่อของคุณก็มีแผน ทั้งสองฝั่งอย่าต่อสู้กันเอง คุณบอกลี่อานโก๋ ให้เขาระวังหน่อย”

ในใจของฉินอีหลินนั้นกังวลไม่น้อยไปจากลี่โม่อวี่ เธอไม่คิดว่าพ่อของเธอเองก็มีกำลังมากมายขนาดนั้น สามารถตีเสมอแก๊งKได้ สามัญชนไม่สู้กับขุนนาง ตอนนี้เธอเป็นห่วงความปลอดภัยของหลงเซี่ยวเทียน

แต่ตอนนี้เธอรู้ว่าไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนี้ เธอจึงจับมือลี่โม่อวี่ในแบบเดียวกัน บอกใบ้ว่าเข้าใจแล้ว

แพ้ชนะ

จะชนะหรือแพ้ก็จะเห็นในครั้งนี้

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท