ประตูห้องลับถูกเปิดออกอีกครั้ง ในที่สุดฉินอีหลินก็ไม่พบกับลี่โม่อวี่และหลงจิ่นเซวียนในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง
หัวใจของฉินอีหลินที่หนักอึ้งมาทั้งวันตอนนี้ค่อยๆผ่อนคลายลงเมื่อได้มองหน้าพวกเขาสองพ่อลูก
ลี่โม่อวี่มองเห็นคนที่เขาเฝ้าคิดถึงกลับมาอย่างปลอดภัย หัวใจที่หนักอึ้งก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นอุ้มเด็กน้อยเดินเข้าไปรับ ตรวจดูเธอจนทั่วหนึ่งรอบ “คุณเป็นยังไงบ้าง พวกเขาทำอะไรกับคุณ”
สิ้นคำพูดนั้น เขาพึ่งนึกได้ว่าข้างๆของฉินอีหลินมีคนอีกสองคน ดวงตาทะมึนมองไปยังลูกน้องทั้งสองของAbner
ลูกน้องสองคนนั้นได้รับสายตาตักเตือนจากลี่โม่อวี่ หัวใจเต้นระรัว ว่ายังคงจ้องตอบกลับไป
ใบหน้าของลี่โม่อวี่นิ่งขรึมขึ้น ความเหี้ยมโหดแผ่กระจายออกมาทั่วตัว
ทั้งสองต้านทานต่อลี่โม่อวี่ไม่ไหวจริง กัดฟันแน่น ไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้นสบตาอีกครั้งก่อนเดินจากไปเงียบๆ
จนกระทั่งห้องลับถูกปิดลง ฉินอีหลินที่กลั้นหัวเราะอยู่ข้างๆสุดท้ายก็ทนไม่ไหวหัวเราะเสียงดังออกมา
หลงจิ่นเซวียนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็ร่วมมือประมือกับแม่เธอ “ลุงลี่ทำคนไม่ดีตกใจกลัวหนีไปเลย ลุงลี่ทำคนไม่ดีตกใจกลัวหนีไปแล้ว”
ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้หญิงข้างๆและเสียงดีใจของลูกสาว รังสีเหี้ยมโหดก็ค่อยๆจางไป แต่ยังมีใบหน้าเคร่งขรึม ถามฉินอีหลินอีกครั้ง “คุณเป็นยังไงบ้าง”
ฉินอีหลินเห็นใบหน้าจริงจังของลี่โม่อวี่เธอจึงหุบยิ้มแต่ดวงตายังคงยิ้มอยู่ “วางใจเถอะ ฉันจะเป็นอะไรได้ยังไง”
จูบลูกสาวเธอเบาๆอย่างรักใคร่ เธอเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ให้ลี่โม่อวี่ฟังเสียงเบา แต่หลงจิ่นเซวียนที่อยู่ข้างๆยังคงเอียงหูตั้งใจฟังการกระทำที่กล้าหาญของแม่ อารมณ์ก็ขึ้นๆลงๆตามฉินอีหลิน รอจนกระทั่งแม่เขาเธอเล่าจบ หัวใจดวงเล็กๆของเธอก็วางใจ ดวงตาแวววาวมองไปยังฉินอีหลิน
ฉินอีหลินมองท่าทางน่ารักของลูกสาวตัวเอง อดไม่ได้ยื่นมือออกไปบีบจมูกเธอ ยู่ปากมองเธอ “เจ้าเด็กคนนี้ หัวเราะอะไร”
เห็นเพียงหลงจิ่นเซวียนยื่นมือเล็กทั้งสองข้างของเธอออกมา “แม่เก่งมากค่ะ แม่เป็นฮีโร่ มีแม่แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าคนร้ายจะมารังแกแล้ว”
ได้ยินดังนั้น หัวใจของฉินอีหลินก็รู้สึกเจ็บปวด
ลูกยังเล็กขนาดนี้ ยังต้องมารับความลำบากที่นี่ เป็นเพราะเธอที่เป็นแม่ทำหน้าที่ได้ไม่ดี ถ้าหากเธอแข็งแกร่งขึ้นอีกสักนิด หลงจิ่นเซวียนลูกสาวของเธอก็คงไม่ต้องมาติดอยู่กับเธอในห้องลับนี้ในทุกๆวัน
แต่ลี่โม่อวี่ที่อยู่ข้างๆได้ฟังเหตุการณ์ที่ฉินอีหลินเล่า รู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ บวกกับเมื่อสักครู่สังเกตได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของฉินอีหลิน ไม่จากปวดใจก็คงทำไม่ได้
ไม่ว่าเรื่องอะไรเธอก็ยืนหยัดต่อสู้อย่างเข้มแข็งด้วยตัวเองคนเดียว เพื่อลูก เพื่อครอบครัว เธอไม่บ่นเลยสักคำ แต่บาดแผลที่เจ็บปวดในใจของเธอสามารถบอกกับใครได้บ้าง
ลี่โม่อวี่พ่นลมหายใจ วางลูกสาวในอ้อมแขนลง เขาจูงฉินอีหลินไปที่เตียงอย่างอ่อนโยน จับผมที่ตกลงมาบังหน้าทัดหลังหูให้เธอ “อีหลิน…..”
ลี่โม่อวี่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ฉินอีหลินกลับได้ยินถึงความปวดใจของเขาทั้งหมด
หัวใจอุ่นขึ้น แต่ช่วงเวลาที่จากไปเธอเข้มแข็งขึ้นมามากแล้ว เธอเชื่อว่าตัวเองสามารถยืนหยัดรับทุกสิ่งทุกอย่างได้
“ลี่โม่อวี่ ฉันไม่ใช่ฉินอีหลินคนเดิมแล้ว ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงฉัน”
ฉินอีหลินยิ้มน้อยๆ น้ำเสียงร่าเริง
หัวใจลี่โม่อวี่เจ็บปวด ไม่รู้จะพูดอะไร
การเปลี่ยนแปลงของเธอทำไมเขาจะไม่รับรู้ ความแข็งแกร่งของเธอ ความรับผิดชอบของเธอ อยู่ในสายตาของเขาทุกอย่าง เขาพ่นลมหายใจ จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง
ช่วงเวลาที่อยู่ในห้องลับนี้ เธอคิดเพื่อเขาอยู่ตลอด คิดเพื่อนจิ่นเซวียน ทว่าไม่คิดจะรักตัวเองเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับติดหนี้ความรักและการดูแลที่เธอควรจะได้รับ
ลี่โม่อวี่อดไม่ได้แนบหน้าลงกับแก้มของเธอ บอกด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังวางใจ “อดทนอีกไม่กี่วัน เพียงแค่อดทนอีกไม่กี่วัน ผมจะต้องพาคุณกับจิ่นเซวียนออกไปได้อย่างปลอดภัย คุณวางใจ”
ความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านใบหน้าของเขามาทำให้หัวใจของฉินอีหลินอุ่นขึ้น ความจริง แค่เป็นที่ที่มีเขา จะยากแค่ไหนเธอก็จะยืนหยัดต่อไป
เพียงแต่ฉินอีหลินมีความสงสัย ทำไมลี่โม่อวี่ถึงมั่นใจว่าอีกไม่กี่วัน เขาจะสามารถพาพวกเราออกไปได้ล่ะ”
ความสงสัยนั้นสะบัดออกจากหัวไม่ได้ ฉินอีหลินอดไม่ได้ถามออกไป “คุณกับพ่อฉันมีเรื่องอะไรปิดบังฉันอยู่ใช่ไหม”
ลี่โม่อวี่ชะงัก จากนั้นตบลงบนหลังของเธอเบาๆด้วยความรักและสงสาร “เรื่องนี้คุณไม่ต้องคิดมาก”
หัวคิ้วฉินอีหลินขมวด ไม่ยอม “คุณรีบบอกมาสิ ทำไมถึงได้มั่นใจว่าเราจะออกไปได้ คุณกับพ่อฉันมีอะไรปิดบังฉันอยู่กันแน่”
ลี่โม่อวี่ยังคงไม่ตอบ เขายื่นมือไปตบไหล่ฉินอีหลินเบาๆ จากนั้นเอ่ยปลอบเสียงเบา “นี่เป็นเรื่องระหว่างผู้ชาย คุณไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้ามายุ่ง”
ความตั้งใจเดิมของเขาเพียงปกป้องให้ฉินอีหลินปลอดภัยเท่านั้น ล้มเลิกความคิดของเธอ เรื่องบางเรื่องไม่รู้ซะจะดีกว่า แผนการครั้งนี้เขาเพียงต้องการให้เธอปลอดภัยก็เท่านั้น
ฉินอีหลินแบกภาระมามากพอแล้ว ตอนนี้เปลี่ยนให้เขาได้ดูแลเธอบ้าง
ไม่คิดว่าเมื่อฉินอีหลินได้ยินดังนั้นแล้วกลับติดว่ากำลังดูถูกเธอ กระตุ้นความยิ่งในศักดิ์ศรีของเธอให้เพิ่มขึ้น
เมื่อเห็นว่าไม่ว่าจะถามยังไง ลี่โม่อวี่ก็ไม่ยอมเปิดปากพูด ฉินอีหลินพลันยกยิ้มสดใส น้ำเสียงก็อ่อนหวานราวกับสายไหม “โม่อวี่…..”
น้ำเสียงราวกับมารร้าย ไม่เหมือนเสียงปกติของฉินอีหลิน ลี่โม่อวี่ขนลุกขึ้นมาทันที แต่ก็ยังนิ่ง “มีอะไรหรือเปล่า”
“โม่อวี่…..”
ฉินอีหลินเรียกขึ้นมาอีกครั้ง
ลี่โม่อวี่มีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจ หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะใช้มารยาหญิงกับเขา เขาลี่โม่อวี่ดูเหมือนเป็นคนไม่มีความอดทนขนาดนั้นเลยหรือไง
ใครจะรู้ อยู่ๆฉินอีหลินก็เก็บท่าทางออดอ้อนฉอเลาะ น้ำเสียงเปลี่ยน เสียงไพเราะ “หลายวันก่อนผู้อำนวยการลี่คล้ายบอกกับฉันว่าให้ฉันรอก่อนสามวัน ฝั่งของเขามีวิธีการไม่เลว เหมือนประธานลี่จะเป็นคนฉลาดเฉียบแหลม ฉันว่าเขาพูดแล้วยังไงก็ต้องทำได้”
ฉินอีหลินมองลี่โม่อวี่เล็กน้อยแล้วพูดต่อ “แต่ว่านะ หากแผนการของพวกคุณเกิดปะทะกัน แผนการนี้พลาดไปจะทำยังไง ฉันไม่อยากให้พวกเราตายอยู่ที่นี่หรอกนะ”
เมื่อได้ยินฉินอีหลินพูดถึงลี่อานโก๋ ใบหน้าของลี่โม่อวี่ก็เข้มขึ้น ริมฝีปากเม้มแน่นขึ้น
“หรือว่าคุณอาจจะลองบอกแผนการระหว่างคุณกับพ่อของฉันให้ฟังหน่อย ถึงตอนนั้นคุณอาจจะร่วมมือกับผู้อำนวยการลี่ก็ได้ บางทีโอกาสที่เราจะหนีออกไปได้อาจจะมีมากนะ”
ฉินอีหลินจับสีหน้าท่าทางของลี่โม่อวี่ไม่วางตา ลองเลียบเคียงถาม
“ร่วมมือหรอ”
พอลี่โม่อวี่ได้ยินประโยคนั้น ในที่สุดก็อดไม่ได้หัวเราะเยาะ “รอเขาช่วยพวกเราหรอ กลัวแต่ว่าพอเราออกจากถ้ำเสือคงจะได้เข้าถ้ำหมาป่าอีกรอบสิ”