บทที่ 196 อย่าโทษฉันเลย
ในอีกด้านหนึ่งของลี่โม่อวี่ที่กำลังร้อนรนอยู่ ลี่อานโก๋ดูสีหน้าเรียบเฉยอย่างมาก ตั้งแต่ขับรถออกมากับฉินอีหลิน
สำหรับฉินอีหลินแล้ว เธอมั่นใจว่าลี่อานโก๋ไม่มีทางทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายแน่นอน ดังนั้นนอกจากความคิดที่ยังอาลัยอาวรณ์คนในครอบครัวนั้น เธอก็ไม่ได้กังวลใจอะไรอีกเลย
แล้วลี่อานโก๋ล่ะ? ในเมื่อภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เสียแค่ว่าเขาไม่ได้พาลูกชายของเขากลับไปเท่านั้น ที่ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจอยู่หน่อยๆ แต่เรื่องอื่นก็ถือว่าได้ผลประโยชน์ ดังนั้นดูๆ แล้วก็คุ้มค่าอยู่
“ผู้อำนวยการครับ ด้านหลังของเรามีแท็กซี่คันหนึ่งขับตามพวกเรามาตลอดเลยครับ แถมยังส่งสัญญาณให้พวกเรา คล้ายกับกำลังจะบอกว่าให้หยุดอย่างไรอย่างนั้นล่ะครับ” คนขับรถรายงานขึ้นด้วยความสงสัย
“อะไรนะ?” ลี่อานโก๋ได้ยินแบบนั้นก็หันหลังไปดูรถที่ตามหลังมา ถึงแม้จะเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่คนที่นั่งอยู่ข้างคนขับนั้น เขาเห็นได้ชัดเลยว่าคือลี่โม่อวี่ เป็นเพราะคนขับรถไม่รู้จักมักจี่กับเขา จึงจำเขาไม่ได้ แต่สำหรับลี่อานโก๋แล้ว ต่อให้ลูกของตัวเองกลายเป็นเถ้าถ่านไปหรืออย่างไรก็ตาม เขาก็จำได้เสมอ
“หยุดรถ รีบหยุดรถเดี๋ยวนี้!” ลี่อานโก๋พลันเอนกายมา ตะโกนออกคำสั่งเสียงดังกับคนขับรถ
“หึๆ แม่หนูน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะมีพลังดึงดูดมากกว่าที่ฉันคิดเสียอีกนะเนี่ย เพิ่งจะจากมาไม่ทันไร เจ้าหมอนี่ก็ทนไม่ไหว จนต้องตามมาแบบนี้แล้ว” พอมองเห็นลูกชายของตัวเองกลับมา ในใจของลี่อานโก๋ตอนนี้ก็รู้สึกดีใจจนหาอะไรเปรียบไม่ได้
“อะไรนะ?” ฉินอีหลินยังไม่ทันได้สติกับเรื่องที่เกิดขึ้นที
รถหยุดลงที่ข้างทาง รถแท็กซี่ที่ตามมาด้านหลังเองก็หยุดตามลงเช่นกัน พลันลี่โม่อวี่ก็เดินลงมาจากรถแท็กซี่คันนั้น ก่อนจะเดินมาเปิดประตูด้านที่ลี่อานโก๋นั่งอยู่
“หลบไปข้างๆ หน่อยสิอีหลิน” ลี่อานโก๋หันไปพูดกับฉินอีหลินที่ตอนนี้ยังคงนิ่งอึ้งอยู่แบบนั้น
“อ้อ ค่ะ” พอได้สติกลับมา ฉินอีหลินก็เขยิบไปนั่งด้านข้าง เธอหันไปมองผู้ชายที่เข้ามานั่งข้างๆ อย่างกะทันหัน เธอก็อดที่จะไม่เชื่อสายตาตัวเองไม่ได้
“ทำไมคุณถึงมาได้? คุณไม่ได้พาลูกกลับไปส่งหรอกหรือ? คุณมาทำไมกันที่นี่เนี่ย?” ฉินอีหลินถามเป็นชุด
“ลูกกลับไปกับพ่อของคุณน่ะ ส่วนผมก็ตามมาด้วยกันกับคุณ ถ้าหากเทียบกับจิ่นเซวียนแล้ว คุณทำให้ผมไม่ว่างใจเสียยิ่งกว่าเธออีก” หลังจากได้เจอกับฉินอีหลินแล้ว ในใจของลี่โม่อวี่ก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
“แล้วคุณจะไปเมื่อไหร่ล่ะ? แล้วการค้าขายของคุณล่ะจะทำอย่างไร?” พอได้ยินว่าลี่โม่อวี่จะมาอยู่ด้วยกันกับเธอ ในใจของฉินอีหลินก็รู้สึกเบิกบานใจไม่น้อย แต่พอคิดอีกด้านหนึ่ง ก็เริ่มเป็นห่วงในธุรกิจของลี่โม่อวี่ขึ้นมา
หากพูดถึงเรื่องธุรกิจแล้ว มันมีความสำคัญกับผู้ชายคนหนึ่งมากๆ เธอจึงไม่อยากให้ตัวเอง เป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจของเขาล่าช้าไปแม้แต่น้อย
ลี่โม่อวี่รู้ว่าฉินอีหลินกำลังกังวลใจอะไรอยู่ จึงฉีกยิ้มที่มุมปากให้กว้างขึ้น
เขาจ้องมองไปที่ฉินอีหลินอย่างจริงจัง ในแววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ปัดอย่างไรก็ไม่ไป
“ถ้าเทียบกับคุณแล้ว เรื่องธุรกิจน่ะ มันจิ๊บจ๊อยไปเลย เป็นเพราะคุณเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในชีวิตของลี่โม่อวี่คนนี้อย่างไรล่ะ!” ลี่โม่อวี่ที่พูดความในใจออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้ฉินอีหลินนิ่งอึ้งไป ก่อนที่เธอจะหน้าแดงวาบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แต่ฉินอีหลินก็กระแอมขึ้น พยายามเก็บซ่อนความเขินอายที่มี ทุกคนต่างก็โตกันขนาดนี้แล้ว หากยังทำท่าทีเขินอายอยู่อีกล่ะก็ หากพูดให้ใครฟังมันจะน่าอายขนาดไหนกัน?
“ทำไมก่อนหน้านี้ผมถึงไม่รู้กันเลยนะ ว่าคุณเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้น่ะ?” เป็นเพราะฉินอีหลินทำตัวแบบไม่เป็นธรรมชาติ จึงทำให้เขาจับพิรุธได้เร็วขนาดนี้ เขาก็แค่อยากจะหยอกล้อเธอเล่นนิดหน่อย แต่ก็กลัวว่าจะแรงเกินไป จนฉินอีหลินไล่เขาลงจากรถ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ยิ้มกลับไป หลังจากนั้นก็มองไปยังลี่อานโก๋อย่างเรียบเฉย
“ผมพูดจากใจจริงนะ พอคุณไปผมก็เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณขึ้นมา อย่างไรผมก็ไม่มีทางวางใจ ที่จะส่งคุณไปที่ห้องทดลองอะไรนั่นหรอก”
“ไม่ต้องพูดมากแล้วน่า” ฉินอีหลินจ้องมองไปยังผู้ชายตรงหน้า ก่อนจะพูดตัดบทเขาขึ้น
ลี่อานโก๋ก็ยังนั่งอยู่ด้านหน้าคนขับ การที่ลี่โม่อวี่พูดว่าฉินอีหลินจะได้รับบาดเจ็บนั้น เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่เชื่อใจลี่อานโก๋ ฉินอีหลินจึงไม่อยากให้บรรยากาศในตอนนี้ ดูกระอักกระอ่วนไปมากกว่านี้
“คนบ้า” ฉินอีหลินหันหน้าไปมองทางนอกหน้าต่าง บางทีเธอเองก็ไม่ทันสังเกตว่า รอยยิ้มของตัวเธอเองตอนนี้มันสวยงามมากแค่ไหน
ส่วนลี่อานโก๋นั้น เดิมทีก็นั่งฟังบทสนทนาของทั้งสองคน ที่ดูคล้ายกำลังจะจีบกันอย่างสนอกสนใจ แม้แต่คนขับรถที่อยู่ข้างๆ เขา ก็ยังเห็นว่าผู้อำนวยการของเขาตอนนี้ อารมณ์ดีขึ้นมาก
ก็เพราะว่าลูกชายของตัวเองกลับมาอยู่นี่แล้วอย่างไรล่ะ!
แต่พอได้ฟังลี่โม่อวี่พูดจนจบ ก็รู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาทันที
ไม่ว่าจะพูดปลอบใจฉินอีหลินบ้างล่ะ หรือกลัวว่าฉินอีหลินจะได้รับบาดเจ็บบ้างล่ะ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่เชื่อใจตัวเองเลยสักนิด
รู้อยู่แก่ใจว่าฉินอีหลินเป็นผู้หญิงที่ลี่โม่อวี่รักที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะมีอิทธิพลมากแค่ไหนก็ตาม หรือจะดูถูกฉินอีหลินแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่มีทางเพิกเฉยกับความรู้สึกของฉินอีหลินได้ และยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีทาง ทำเรื่องอะไรที่ทำให้ฉินอีหลินได้รับบาดเจ็บเด็ดขาด
แต่พอได้มาเจอกับความไม่เชื่อใจและระมัดระวังตัว ของลูกชายตัวเองแบบนี้ ลี่อานโก๋ก็ทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆ เท่านั้น
เห็นได้ชัดเลยว่าลี่โม่อวี่ ไม่ได้สนใจเลยว่า ลี่อานโก๋จะจนปัญญาแค่ไหนก็ตาม
พอเขาหันเป็นเห็นด้านนอกตัวรถ ว่ามีร้านขายโทรศัพท์อยู่ร้านหนึ่ง เขาก็ให้คนขับรถหยุดรถทันที
“ฉันจะไปซื้อมือถือสักเครื่องหน่อย นายเอาบัตรประชาชนมาให้ฉันสิ จะได้ช่วยจัดการซื้อซิมการ์ดให้” ตอนที่ลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินถูกจับตัวไปครั้งก่อน มือถือของทั้งสองคนก็ถูกยึดไปด้วย จึงทำให้ตอนนี้หากจะติดต่ออะไร ก็ไม่สะดวก
ในใจของลี่โม่อวี่เองก็นึกขึ้นได้ หลังจากที่พวกเขาถูกจับไปจนได้กลับมา ก็ผ่านมานานแล้ว ฉินอีหลินเองก็ไม่อาจจะโทรไปบอกข่าวอะไรกับแอนนาได้เลย จริงๆ แล้วในใจของฉินอีหลินเองก็รู้สึกคิดถึงแอนนาเช่นกัน
แต่สิ่งที่คุ้มค่าที่จะพูดถึงก็คือ ก่อนหน้านี้ที่ลี่โม่อวี่ถูกหลงเซี่ยวเทียน ส่งไปอยู่ในกลุ่ม K ทำให้พวกของแสดงตัวตนต่างๆ ถูกส่งไปให้กับหลงเซี่ยวเทียนจนหมด และตอนที่เขากลับมา ของพวกนั้นก็กลับมาอยู่ที่เขาโดยอัตโนมัติ
พลันลี่โม่อวี่ก็ได้มือถือสองเครื่องมาอยู่ในมืออย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นมือถือมียี่ห้อ มีทั้งสีดำและสีขาว
“ซิมการ์ดฉันผมใส่ให้เรียบร้อยแล้วนะ ผ่านมาก็นานขนาดนี้ คุณก็ควรจะโทรไปรายงานให้แม่รู้ข่าวคราวได้แล้วนะ” ลี่โม่อวี่ยื่นมือถือไปให้ฉินอีหลินก่อนจะยิ้มพูดขึ้น
ฉินอีหลินก็หยิบมือถือมา ก่อนจะรู้สึกซาบซึ้งใจ ในความเอาใจใส่ของลี่โม่อวี่
พอคิดถึงแม่ขึ้นมา เธอก็รีบกดโทรหาอย่างรวดเร็ว ด้วยเรื่องของตัวเองที่เกิดขึ้นนั้น ต้องทำให้แม่ของเธอรู้สึกกระวนกระวายใจแน่ๆ เธอจึงรู้สึกผิดอยู่ในใจอย่างมาก
“ฮัลโหล อีหลินหรือเปล่า?” พลันมีเสียงสงสัยของแอนนาดังขึ้นของอีกสาย
“แม่ หนูกลับมาอย่างปลอดภัยแล้วนะคะ”
“ปะ…ปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรใช่ไหมลูก?”
“ไม่ค่ะ ตอนนี้หนูรู้สึกมีชีวิตชีวามากเลยค่ะ”
แอนนาถามเพื่อยืนยันมากแค่ไหน ฉินอีหลินก็ตอบรับประกันไปมากแค่นั้น ตอนนี้ราวกับหินที่หนักอึ้งอยู่ในใจของแอนนาถูกยกออกไปแล้ว ที่จริงเธอได้ยินมาจากสามีของเธอนานแล้วว่า ลูกสาวของตัวเองกลับมาอย่างปลอดภัย แต่หากเธอไม่ได้ยินจากปากของลูกสาวตัวเองแล้วล่ะก็ เธอไม่อาจวางใจได้จริงๆ
“ลูกนี่ก็จริงๆ เลยนะ เซี่ยวเทียนบอกแม่ตั้งนานแล้วว่าลูกกลับมาแล้ว แต่ทำไมตอนนี้ถึงเพิ่งจะโทรหาแม่กันล่ะเนี่ย?” หลังจากแน่ใจแล้วว่าลูกของตัวเองไม่เป็นอะไร แอนนาที่รู้สึกผ่อนคลายไปแล้ว ก็กลับบ่นขึ้นมาแทน
“ก่อนหน้านี้ทำมือถือหล่นหายก็เลยติดต่อไม่ได้อย่างไรล่ะคะแม่ ตอนนี้หนูได้มือถือกลับมาแล้ว หนูก็ต้องโทรหาแม่เป็นคนแรกสิคะ! แม่อย่าด่าหนูเลยนะ” เป็นภาพที่หายากที่จะได้เห็นฉินอีหลินพูดออดอ้อนกับแม่แบบนี้
แม้แต่ลี่อานโก๋ก็รู้สึกได้เช่นกันว่า ตอนนี้ฉินอีหลินรู้สึกมีความสุขมากแค่ไหน ทำให้เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ เขาถึงจะได้เห็นลี่โม่อวี่ทำตัวเหมือนกับเป็นลูกของเขาบ้าง
พอคิดถึงตรงนี้ ลี่อานโก๋ก็รู้สึกใจคอแห้งเหี่ยวขึ้นมาทันที