ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 200

ตอนที่ 200

บทที่ 200 ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี

แต่กับหยางผิงนั้นเธอรู้สึกดีใจอย่างมาก ขอแค่ได้อยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ขอเพียงลูกของเธออยู่ เธอก็มีโอกาสที่จะได้ชดใช้ความผิดที่มีได้

หยางผิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออก ก่อนจะส่งสายตาที่ซาบซึ้งขอบคุณไปให้ฉินอีหลิน เป็นเพราะคำพูดชักจูงของเธอ ทำให้ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเธอตั้งใจทำ

พอคิดได้แบบนี้ ในใจของหยางผิงก็รู้สึกซาบซึ้งในตัวเด็กคนนี้อย่างมาก พลางคิดว่าลูกสะใภ้ของตัวเองคนนี้ อาจจะกลายเป็นคนที่คอยปรับความเข้าใจให้กับเธอและลี่โม่อวี่ได้ ความหวังในใจของหยางผิงจึงมีเพิ่มมากขึ้นทีเดียว

ลี่อานโก๋เองที่เฝ้าสังเกตเหตุการณ์ด้านนอกอยู่ในบ้านอย่างเงียบๆ ก็เช่นกัน ถึงแม้ว่าสีหน้าเขาจะแสดงว่าไม่สนใจลี่โม่อวี่ก็ตาม แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่เขาเอาใจใส่มากที่สุดก็คือลี่โม่อวี่นี่ล่ะ ในเมื่อความสัมพันธ์พ่อลูกมันเปลี่ยนแปลงจนมาเป็นแบบทุกวันนี้แล้ว จะไม่ให้เขาเสียใจได้อย่างไรล่ะ

พอคิดถึงตรงนี้ ลี่อานโก๋ก็รู้สึกพึงพอใจฉินอีหลินมากเข้าไปอีก ก่อนจะสงสายตาที่ชื่นชมไปให้ฉินอีหลินโดยไม่ปิดบัง แต่ฉินอีหลินนั้นไม่ได้ทันสังเกตเห็นสายตาของเขาก็แค่นั้น

จริงๆ แล้วเขารู้สึกผิดต่อลี่โม่อวี่อย่างมาก เป็นเพราะตระกูลลี่ทำผิดต่อเขา ดังนั้นหากเขาแสดงอารมณ์โกรธไปตอนนี้ ก็ไม่มีทางที่จะบังคับให้ลี่โม่อวี่อยู่ที่นี่ได้อย่างแน่นอน อย่างที่ภรรยาของเขาได้พูดเอาไว้ หากทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดุเดือดไปมากกว่านี้ ก็รั้นแต่จะทำให้ลูกของพวกเขา ยิ่งเกลียดพวกเขามากขึ้นไปกว่านี้

แต่ถึงเขาจะเข้าใจมากแค่ไหนก็ตาม แต่เวลาจะทำมันกลับยากลำบากเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เจอกับคนที่แข็งกร้าวแบบลี่โม่อวี่แล้วล่ะก็ ต่อให้เขาเป็นผู้อำนวยการที่สง่างามมากแค่ไหน ก็หมดหนทางที่จะไปต่อได้อยู่ดี

พอทุกคนเห็นว่าลี่โม่อวี่ยอมที่จะอยู่ต่อต่างก็ดีใจขึ้นมาอย่างท่วมท้น ส่วนลี่จิ่งที่หลังจากพูดคำว่าพี่สะใภ้ออกไปแล้วนั้น เขาก็ยืนอยู่เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นออกมาอีกเลย

ลี่จิ่งมองตามแผ่นหลังของลี่โม่อวี่ไป พลางแววตาก็ฉายแววที่ทำให้คนเดาไม่ออก แต่เพียงแค่เขากำหมัดขึ้นก็รู้ได้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

คำว่าพี่สะใภ้ที่เขาพูดออกมานั้น ก็แค่คำพูดที่เต็มไปด้วยการหยอกล้อเท่านั้น เขาคาดว่าฉินอีหลินคงจะไม่ยอมรับง่ายๆ เขาไม่รู้สึกว่าพี่ชายในนามของเขา จะไปสนใจผู้หญิงที่ไม่มีสมองอะไรแบบนั้นได้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ฉลาดขนาดนั้นก็ตาม หากพูดถึงฉินอีหลินแล้วล่ะก็

แต่การที่เกลี้ยกล่อมลี่โม่อวี่ได้นั้น ก็ต้องยอมรับว่ามีความสามารถอยู่ทีเดียว พอคิดได้ถึงตรงนี้ ลี่จิ่ง ก็ยิ้มขึ้นอย่างเหยียดหยาม

ในเมื่อลี่โม่อวี่ไม่อยากทำความรู้จักกับเขา แล้วเขาจะไปทำแบบนั้นกับลี่โม่อวี่ทำไมล่ะ!

ยิ่งเห็นว่าแม่ของเขายุ่งตลอดทั้งบ่าย เพื่อรอคอยเขากลับมา ทั้งลงครัวเอง ทั้งเก็บกวาดห้องด้วยตัวเอง โดยเฉพาะห้องที่เก็บกวาดนั้น ก็อยู่ใกล้ๆ กับห้องนอนของพวกเขาอีกด้วย

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำทั้งหมดนี้ ทำให้ลี่จิ่งคิดถึงสมัยเด็กๆ ที่เขาต้องนอนอยู่คนเดียว ตอนนั้นตัวเองนอนไม่หลับทั้งคืนด้วยความกลัว ซึ่งลี่อานโก๋กับหยางผิงเองก็ไม่เคยคิดจะให้เขา ย้ายไปนอนติดกับห้องของพวกเขามาก่อนเลย

แต่ไม่ว่าจะทำดีเช่นไร ก็รู้สึกห่างไกลอยู่ดี เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่อาจเข้าไปแทนที่ ลี่โม่อวี่ที่อยู่ในใจของพวกเขาได้เลย

เขาไม่เคยได้รับความเอาใจใส่จากพ่อกับแม่ขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ลี่โม่อวี่กลับเลือกที่จะไม่สนใจแทน ช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเสียจริง

พอคิดถึงตรงนี้ ลี่จิ่งก็รู้สึกเย็นชาในใจ ก่อนที่แววตาจะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

อย่างที่ดู้เทาได้พูดเอาไว้ หากลี่โม่อวี่กลับมาที่บ้านตระกูลลี่เมื่อไหร่ล่ะก็ เขาต้องอยู่อย่างลำบากแน่นอน ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าก็พอจะมองออกแล้ว ว่าตัวเองในตอนนั้น แม้แต่ที่จะในตระกูลลี่ก็คงจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ

และเป็นเพราะฉินอีหลิน ลี่โม่อวี่จึงยอมเข้าบ้านตระกูลลี่โดยดี แต่ใครจะรู้ล่ะว่าลี่โม่อวี่จะให้อภัยคนตระกูลลี่ เพราะว่าฉินอีหลินหรือเปล่า ถ้าหากลี่โม่อวี่เป็นแบบนั้นจริงๆ ล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นเขาก็คง……

ระหว่างที่คิดอยู่นั้น ลี่จิ่งก็กำหมัดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ผ่านไปอยู่นานกว่าเขาจะปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิม เขาถอนหายใจดังเฮือก ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องรับแขกด้านใน ด้วยสีหน้าที่เป็นปกติ

ลมที่พัดมาอย่างกะทันหันวูบหนึ่ง ทำให้คนรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกสุดขั้ว พลันร่างกายของลี่จิ่งก็หายไปจากที่ตรงนั้น ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

ส่วนอีกด้านหนึ่งของมุมโลก ถึงแม้ว่ากลุ่ม K จะถูกทำลายไปหมดแล้วก็ตาม แต่คนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังนั้นก็ยังไม่ถูกพบตัว ซึ่งตอนนี้เขากำลังนั่งอ่านนิตยสารอยู่ในบ้านพักอย่างสบายใจเฉิบ

ด้านนอกของตัวบ้านนั้น มีผู้ชายสีสวมชุดคลุมสีดำผืนใหญ่ ค่อยเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ หมวกสีดำที่เขาสวมอยู่ปิดใบหน้ากว่าครึ่งของเขาไว้ ทำให้คนมองไม่ออกเลยว่า ตอนนี้เขามีสีหน้าอย่างไรกันแน่

พลันมุมปากของชายคนนั้นก็เผยรอยยิ้มขึ้น โดยที่ไม่มีทางรู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เขาแอบซ่อนตัวอยู่ที่มุมๆ หนึ่ง พลางมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง เหมือนเขาจะดูคุ้นเคยกับที่นี่เสียด้วย

เขามองดูบอดี้การ์ดที่กำลังเดินลาดตระเวนไปมาอย่างเงียบเชียบ พลันชายชุดดำคนนั้นก็ยกมือขึ้นดึงหมวกเอาไว้ ก่อนจะพุ่งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว

เขาอยากที่จะถามคนนั้นให้แน่นอนไปเลยว่า ในตอนแรกที่เรื่องพวกนั้นเกิดที่ฐาน ทำไมเขาถึงไม่ออกมือช่วยเหลืออะไรเลย ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไร ที่ควรจะไปถามถึงปัญหาแบบนี้ด้วย

ด้านในบ้านพัก คนที่ถูกเรียกว่าเป็นนายท่านนั้น กำลังนั่งเอนกายพิงโซฟามองไปข้างนอกหน้าต่าง ด้วยสีหน้าที่สบายอกสบายใจ ไม่รู้เลยสักนิดว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำให้บรรยากาศที่ว่าดูแปลกๆ ไปอย่างบอกไม่ถูก

พลันชายชุดดำคนนั้นก็ปีนขึ้นมาที่หน้าต่างอย่างฉับพลัน ก่อนจะมองเข้าไปในตัวบ้านพักอย่างเยือกเย็น พวกเขาอยู่ที่ฐานนั่นตามคำสั่ง แต่เขาคนนี้กลับอยู่เสพสุขอยู่ด้านนอก แม้แต่ที่นั่นโดนทำลายไปแล้ว เขาก็ยังคงเสพสุขอยู่แบบนี้ต่ออีก

คนบนโซฟาพลันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่นอกหน้าต่าง จึงนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

Mr.Reade คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือยังโผล่มาตรงหน้าเขาได้อีก พลันแววตาก็มีแต่ความเยือกเย็นเข้ามาแทนที่ มีชีวิตอยู่ก็ดีสิ ตอนนี้กำลังมีประโยชน์พอดี

ถึงแม้ว่าในใจจะคิดแบบนั้น แต่สีหน้าของ Mr.Reade ตอนนี้กลับแสดงสีหน้าท่าทางที่ดีใจออกมา เขาเสแสร้งทำหน้าทำตาปลื้มปีติมองไปที่คนนั้น พลางเอียงหน้ามาอีกด้านอย่างช้าๆ ก่อนที่จะมีเงาหนึ่งออกมาจากข้างกำแพง

พอชายชุดดำเห็นแบบนั้นก็ตัวแข็งทื่อไปทันที ถึงเขาคิดจะหนีไปตอนนี้ แต่เขาก็ยังตีหน้าตายแบบนั้นไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมา เขาเองก็มีเหตุผลของเขา ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะแบบนี้ล่ะก็ วันนี้เขาก็คงไม่มาแน่ๆ

ในช่วงที่ไร้เสียงพูดคุยนั้น เขาก็ถูกเชิญเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็ว

Mr.Reade ขมวดคิ้วหันไปส่งสายตาให้กับชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนที่เขาจะเข้าใจ แล้วเดินออกไปสำรวจรอบนอกแทน

ถ้าหากมีคนกำลังแอบมองทั้งหมดอยู่ล่ะก็ สิ่งที่รอต่อไปก็คงมีแต่ความตายเท่านั้น จึงไม่มีใครเลยที่กล้าจะสงสัยในวิธีการของ Mr.Reade เลยแม้แต่คนเดียว

หลังจากที่รอให้ลูกน้องของเขาออกไป บรรยากาศก็ตกเข้าสู่ความเงียบสงบอยู่นาน บ้านพักที่กว้างใหญ่หลังนี้ เหลือเพียงแค่สองคนที่กำลังจ้องตากันอยู่เท่านั้น

คล้ายกับกำลังหลบหนีอะไรบางอย่าง เพราะในบ้านพักตอนนี้ ไม่ได้เปิดไฟอะไรไว้เลย มีเพียงแค่แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากด้านนอก กระทบกับร่างกายของทั้งสองคนเท่านั้น ทั้งสองคนตอนนี้ต่างก็ถูกความมืดปกคลุมไว้อยู่ ทำให้ภาพตอนนี้ดูแปลกๆ ตาไปเสียหน่อย

ผ่านไปอยู่นาน ชายชุดดำที่สวมหมวกสีดำ ก็ไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกโกรธเกลียดในใจไว้ได้ ก่อนจะพูดทำลายความเงียบขึ้น

“ทำไมล่ะครับ?”

“อะไรคือทำไม?” นายท่านขมวดคิ้ว โดยที่ไม่หันมามองคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันเขาก็จุดซิการ์สูบไปด้วย

แต่ไหนแต่ไรเขาก็สูบซิการ์จากคิวบาเป็นประจำ สาเหตุเพราะเขาเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘ถ้าหากรู้สึกว่าตัวเองเป็นใหญ่ในโลกนี้แล้วล่ะก็ ให้สูบซิการ์คิวบาเสียสิ’

เมื่อได้ยินแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไปทันที ก่อนที่แววตาจะมีแต่ความเยือกเย็นมากขึ้นไปอีก เขาพยายามอดกลั้นความโกรธที่มีอยู่ในใจ พร้อมถามขึ้นต่อด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย : “ทำไมตอนที่ฐานทัพเกิดเรื่อง คุณถึงไม่ออกมือมาช่วยอะไรบ้างเลยล่ะครับ?”

เขาไม่เข้าใจจริงๆ นี่ไม่ใช่แค่ฐานทัพของพวกเขาเท่านั้น แต่เป็นฐานทัพของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้ด้วย แต่เขาก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้ ทำเป็นมองไม่เห็น ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นเหมือนเดิม

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท