บทที่ 199 เมื่อตอนนั้น ฉันผิดเอง
ฉินอีหลินได้ยินแบบนั้นก็แข็งทื่อไปทั้งตัว ก่อนจะมองไปที่ลี่โม่อวี่เพราะไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
ไม่ใช่เพราะว่าเธอความรู้สึกไวหรือว่าอย่างไรหรอก เธอไม่ใช่คนที่สนใจว่าใครจะเรียกเธอว่าแบบนี้ เพราะผู้ช่วยของลี่โม่อวี่เองก็เรียกเธอแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่ตอนนี้ สถานะของลี่โม่อวี่ไม่เหมือนกันกับตอนนั้น เพราะฉะนั้นไม่อาจที่จะทำตัวเหมือนกับเมื่อก่อนได้หรอกนะ
ตอนนี้ทุกคนต่างก็มองว่าเธอเป็นแฟนสาวของลี่โม่อวี่กันหมด ถ้าหากเธอยอมรับคำว่าพี่สะใภ้นั้นล่ะก็ ก็เท่ากับว่าเธอยอมรับในสถานะที่ตัวเองเป็น ก็เหมือนกับที่ลี่โม่อวี่ยอมรับพ่อกับแม่นั่นล่ะ
หากเป็นฉินอีหลินเมื่อก่อน เธอไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่เปิดเผยแบบนี้มาก่อนแน่นอน เพราะเธอให้ความสำคัญกับความคิดของลี่โม่อวี่และให้เขาเป็นคนหลักที่ตัดสินใจ
พอรู้สึกได้ว่าสายตาของฉินอีหลินมองมาที่ตัวเอง ลี่โม่อวี่ก็ขมวดคิ้วขึ้นแน่น ก่อนจะส่งสายตาปลอบใจไปให้ฉินอีหลินจากนั้นก็มองไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ตน ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย : “อย่าไปนับญาติมั่วซั่วแบบนั้นสิ พวกเราสนิทกันแล้วหรือ?” น้ำเสียงของเขาดูเยาะเย้ยโดยไม่ปิดบังเลยแม้แต่นิด
สีหน้าของทุกคนก็แข็งทื่อขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของลี่อานโก๋ตอนนี้ยิ่งแดงก่ำ เขากำหมัดขึ้นแน่น เผยให้เห็นความคิดที่อยู่ในใจของเขาได้อย่างดี
ขณะที่ลี่อานโก๋กำลังจะระเบิดความโกรธออกไปนั้น ภรรยาของเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รีบยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ เป็นการบอกว่าไม่ให้เขาทำอะไร
ลี่อานโก๋จึงอดกลั้นความรู้สึกในใจลง เมื่อได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาคลอของภรรยาตัวเอง ก่อนจะทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ เขากระทืบเท้าเดินเข้าไปด้านในบ้าน โดยไม่หันมามองลี่โม่อวี่เลยแม้แต่น้อย
หยางผิงที่เห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจโล่งอก ขอเพียงเขาไม่โมโหใส่โม่อวี่ก็ดีแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ยังพอมีหวังที่จะให้ลูกของตัวเองยังอยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไปได้อีก
ถึงแม้ว่าจะคิดแบบนี้ก็ตาม แต่แววตาของเธอก็แดงก่ำ อดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดในใจ ก่อนจะกล่าวเรียกลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินขึ้น : “มาเถอะจ้ะ ทุกคนต่างก็หิวจนไส้กิ่วหมดแล้ว! รีบเข้าไปกินข้าวกันเถอะ!” พูดจบ เธอก็มองไปทางลี่โม่อวี่อย่างมีความหวัง
แต่ลี่โม่อวี่กลับไม่ได้สนใจเธอ เขามองไปที่แผ่นหลังของลี่อานโก๋ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยริมฝีปากที่เรียวบางและเย็นยะเยือก : “หวังว่าผู้อำนวยการลี่จะช่วยจัดหารถให้สักคันนะครับ จะดีกว่าถ้าพวกเราไปกินข้าวกันที่โรงแรมน่ะครับ”
พูดจบเขาก็จูงมือของฉินอีหลินหันหลังเดินจากไปทันที โดยไม่รอคำตอบของผู้ชายคนนั้น
หยางผิงรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก สีหน้าเต็มไปด้วยความรีบร้อน เธอรีบรุดมาตรงหน้าของลี่โม่อวี่ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างรั้งเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน : “ด้านในบ้านก็ดีอยู่แล้วนะโม่อวี่ จะไปอยู่ที่โรงแรมทำไมกัน! ที่โรงแรมสบายเหมือนกับอยู่ที่บ้านตรงไหนกันล่ะ” หยางผิงพูดอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่าจะไปทำให้ลี่โม่อวี่ไม่พอใจเข้า
ลี่อานโก๋ที่กำลังจะเดินข้ามธรณีประตูเข้าไป ก็ชะงักเท้าพลางขมวดคิ้ว ก่อนที่ความเดือดดาลทั้งหมดจะมารวมอยู่ที่ใจอย่างแข็งกร้าว : “เจ้าลูกไม่รักดี!” เขาเผยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมา เสียงนั้นทำให้สีหน้าของลี่โม่อวี่ดูเยือกเย็นขึ้นมาก
หยางผิงเห็นแบบนั้นก็ยิ่งกระสับกระส่ายมากเข้าไปใหญ่ เธอมองไปที่สามีของเธอด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว ลี่อานโก๋เห็นแบบนั้นก็ตะลึงงันไป เขาคิดอยากจะโต้เถียงกลับ แต่กลับหยุดปากไว้ด้วยน้ำตาของหยางผิงแทน
เฮ้อ…พอเถอะ ทำไมต้องคิดเล็กคิดน้อยอะไรให้มากมาย เดิมทีเมื่อตอนนั้นพวกเขาก็ทำผิดเอง มาตอนนี้ลูกของพวกเขาจะเอาแต่ใจตัวเองโกรธใส่พวกเขาแบบนี้ ก็ให้เขาทำไปแล้วกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นของเขานั้น ทำให้ลี่อานโก๋จำต้องยอมรับ พร้อมด้วยในใจที่รู้สึกผิดอย่างมาก แต่คำพูดอ่อนหวานเหล่านั้น อย่างไรเขาก็ไม่อาจจะพูดออกมาได้จริงๆ
เขาทอดถอนใจยาว ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว เพราะเขากลัวว่าหากอยู่ไปมากกว่า จะอดไม่ได้ที่จะไปทุบตีลูกของตัวเอง เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เขาจะต้องรู้สึกเสียใจอย่างแน่นอน
น้ำตาที่มาออกันอยู่ที่เบ้าตาของหยางผิงพลันร่วงหล่นลงมา เธอค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะหันหน้าไปฉีกยิ้มให้กับพวกเขา แล้วพูดขึ้นว่า : “ไม่ต้องไปสนใจพ่อหรอกนะ อารมณ์เขาก็เป็นแบบนั้นล่ะ อีกอย่างที่นี่ก็เป็นบ้านของลูก ถ้าลูกไม่อยู่ที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ!”
ทุกคนต่างก็มองออกว่า รอยยิ้มที่มีของหยางผิงนั้น เป็นรอยยิ้มที่ฝืนมากแค่ไหน
ฉินอีหลินเองก็เช่นกัน ก่อนหน้าที่เธอยังไม่ได้มาที่นี่ เธออาจจะยืนอยู่ข้างลี่โม่อวี่และอาจจะสนับสนุนให้เขาไม่ต้องกลับมาที่บ้าน แต่พอเห็นวิธีที่ผู้หญิงตรงหน้าของเธอคนนี้ทำจริงๆ แล้ว เธอเองก็จำต้องยอมรับว่า เธอเองก็ลังเลใจเช่นกัน
เธอเองก็เป็นแม่คนเช่นกัน เธอจึงเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอได้อย่างดี ถ้าหากลูกของตัวเองไม่สนใจไม่ถามไถ่อะไรแบบนี้ ฉินอีหลินก็ไม่กล้าคิดเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร
อีกอย่าง ความรู้สึกในแววตาของเธอนั้น ก็ไม่ใช่ของปลอมเลยแม้แต่นิด
พลันฉินอีหลินก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ผู้หญิงคนนั้นยังคงมองไปที่ลี่โม่อวี่อย่างอ้อนวอน เพื่อรอคอยให้เขาพยักหน้าตอบรับ แล้วอยู่ที่นี่
เพียงแต่ลี่โม่อวี่ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้น เขาหันไปมองมือของแม่ของเขาที่จับแขนเขาไว้ พลันดวงตาเขาก็มีแต่ความเกลียดชังแวบเข้ามา
ผู้หญิงตรงหน้าของเขาตอนนี้ยิ่งมาแสดงความรักให้เขาเห็นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจมากเท่านั้น แล้วเมื่อปีนั้นเธอไปไหนเสียล่ะ? มาตอนนี้เขาโตขึ้นแล้ว ก็คิดจะให้เขากลับไปง่ายๆ แบบนี้หรือ ฝันไปก่อนเถอะ!
ลี่โม่อวี่คิดได้แบบนี้ ใบหน้าของเขาก็มีแต่ความอึมครึมเข้ามาแทนที่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย เขาเหลือบมองไปที่ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความรอคอยคนนั้น ก่อนจะยิ้มขึ้นอย่างเยาะเย้ย
“บ้านงั้นหรือครับ? ผมไม่รู้เลยนะครับ ว่าผมมีบ้านแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ลี่โม่อวี่พูดอย่างเยือกเย็น ความเย็นชานั้นมันพุ่งทะลุเข้าไปในใจของหยางผิงเลยทีเดียว
ฉินอีหลินได้ยินแบบนั้นก็ทำตาสลด ก่อนจะยื่นมือไปกำแผ่นมือที่กว้างใหญ่ของลี่โม่อวี่ไว้แน่น เธออยากให้เขาได้รู้ว่า ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม เธอก็จะอยู่ข้างๆ เขาเสมอ
พอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาที่มือ ในใจของลี่โม่อวี่ก็รู้สึกสงบลงขึ้นเยอะ
“อีกอย่างขอให้จำไว้เลยนะครับว่า ผมไม่มีพ่อ!” คำพูดที่โหดร้ายของลี่โม่อวี่นั้น ทะลุเข้าไปในใจของทุกคน จนต้องมองลี่โม่อวี่อย่างตกตะลึง
“โม่อวี่ทำไมลูกพูดแบบนี้ล่ะ! พ่อของลูกน่ะ เขา…” หยางผิงเหมือนคิดจะอธิบายอะไรบางอย่าง แต่กลับพูดไม่ออก
ลี่โม่อวี่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งทำหน้าเยือกเย็นเข้าไปใหญ่ ความรู้สึกดูถูกในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น นี่คิดจะบังคับให้เขากลับมาอยู่ที่บ้านตระกูลลี่หรือไงกัน? ช่างน่าหัวเราะจริงๆ พอคิดได้แบบนี้ ลี่โม่อวี่ก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
“โม่อวี่ตอนนั้นแม่ผิดเอง แม่ขอโทษลูกด้วยนะ!” หยางผิงเห็นท่าทีของเขาแบบนั้น ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที จึงรีบเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ ก่อนจะทนรับความกดดันในใจไว้ไม่ไหว จึงปล่อยร้องไห้โฮออกมา
ไม่มีแม่คนไหนในโลกนี้ ที่จะทนรับความเย็นชาของลูกตัวเองแบบนี้ได้หรอกนะ
แต่ลี่โม่อวี่กลับไม่ได้สนใจอะไรในท่าทีของเธอเลย เขายังคงทำสีหน้าเย็นชาแบบนั้น ก่อนที่จะเตรียมสะบัดมือของหยางผิงออก เพิ่งที่จะจูงมือของฉินอีหลินจากไป
แต่ชั่วขณะนั้นเอง มือของลี่โม่อวี่ก็รู้สึกได้ถึงแรงประหลาด เขาหันหน้ามามองด้วยความสงสัย ก็พบเข้ากับสายตาของฉินอีหลินพอดี ลี่โม่อวี่ที่เห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ยุ่งมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้ฉันทั้งหิวแล้วก็เหนื่อยมากๆ เลยนะคะ” ฉินอีหลินพูดพลางมองไปที่ลี่โม่อวี่อย่างน่าสงสาร ท่าทางของเธอแบบนั้นจะว่าน่าสงสารก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นล่ะ
พอลี่โม่อวี่เห็นแบบนั้น เขาจึงชะงักมือไป แต่เขาก็รู้ว่าทำไมเธอถึงตั้งใจทำแบบนี้ เขาจึงปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ลี่โม่อวี่ถอนหายใจดังเฮือก แต่ยังคงขมวดคิ้วแน่นอยู่แบบนั้น : “ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปกินข้าวกันเถอะ”
ฉินอีหลินได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนหวานให้ลี่โม่อวี่ทันที
เขายื่นมือไปลูบเส้นผมอันอ่อนนุ่มของฉินอีหลิน จากนั้นก็จูงมือของเธอเดินเข้าบ้านไป เพียงแต่เขาไม่หันมามองหยางผิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาตอนนี้เลย