ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 197

ตอนที่ 197

บทที่ 197 ความอึดอัดในที่เดียวกัน

ลี่โม่อวี่หันไปมองดูฉินอีหลินที่กำลังคุยกับแม่ของเธออย่างอ่อนโยน แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงเรื่องๆ หนึ่งมาได้ เพราะตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเป้าหมายที่จะไปตอนนี้เป็นที่ไหนกันแน่

“ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปที่ไหนกันหรือครับ?” ลี่โม่อวี่ถามลี่อานโก๋ขึ้น พลางขมวดคิ้วแน่น

ลี่อานโก๋ที่ถูกถามแบบนั้นก็ชะงักไปทันที ตอนนี้ที่เขากำลังพาพวกเขากลับไปนั้น เขาเองก็ยังไม่ได้คิดเลยว่าจะพาพวกเขาไปพักที่ไหนกันแน่

ลี่อานโก๋ยกมือขึ้นขยับปีกหมวกของตัวเอง ก่อนจะครุ่นคิดถึงตอนก่อนหน้าที่เขาจะออกมารับฉินอีหลินกับลี่โม่อวี่มา

ตอนนั้นหยางผิงช่วยสวมหมวกให้เขาอย่างอ่อนโยน พลางยิ้มพูดกับเขาว่า : “ครั้งนี้ โม่อวี่ต้องกลับมาแน่ๆ”

“เด็กคนนั้นใกล้จะกลับมาแล้วล่ะ”

ลี่อานโก๋เองก็จัดระเบียบชุดทหารของเขาพลางตอบคล้อยตามไปด้วย หากลูกของเขากลับมาจริง ต่อให้ลี่อานโก๋ต้องพลีชีพเขาก็ยอม

“แล้วถ้าลูกกลับมาครั้งนี้ คิดว่าเขาจะพักที่ไหนหรือ?” สำหรับคำถามของภรรยาของเขาแบบนี้ ลี่อานโก๋เองก็เกือบจะพูดออกไปว่า ให้พักที่บ้านของเขา แต่พอคิดถึงช่องว่างระหว่างพวกเขากับลี่โม่อวี่แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะลังเลขึ้นมา

พวกเขาต่างก็อยากให้ลี่โม่อวี่กลับบ้านทั้งนั้น แต่ก็กังวลว่าลี่โม่อวี่จะยอมหรือเปล่า ถ้าหากไปบังคับเขาล่ะก็ จะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขา ยิ่งแตกระแหงไปมากกว่านี้หรือ?

พอเห็นว่าลี่อานโก๋ทำท่าทีลังเล หยางผิงก็พูดด้วยจิตใจที่แน่วแน่ว่า : “เขาต้องกลับมาแน่นอนอยู่แล้ว จะมีที่ไหนอยู่แล้วสบายใจเท่าอยู่ที่บ้านอีกล่ะ”

พอเห็นแววตารอคอยของภรรยาตัวเอง ลี่อานโก๋ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี จึงทำได้แค่พูดตอบรับ ก่อนจะออกจากบ้านไป

มาตอนนี้ เดิมทีเขาคิดว่าลี่โม่อวี่คงไม่มีทางที่จะเลือกกลับมากับเขาอย่างแน่นอนแล้วแท้ๆ แต่ดันกลับมาด้วยกันกับเขาเสียได้ เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้

ในเมื่อลูกของเขากลับมา จะให้เขาอยู่ที่ไหนดีนะ?

สุดท้ายแล้ว ลี่อานโก๋ก็ไม่อยากให้ภรรยาของเขาผิดหวัง เพราะนอกจากภรรยาแล้ว เขาเองก็อยากที่จะชดใช้ให้กับลูกชายของเขาด้วย แล้วก็หวังว่าอาจจะสานสัมพันธ์ให้ฟื้นกลับคืนขึ้นมาเหมือนเดิม

“พวกเธอเพิ่งจะออกกันมา อย่างไรก็ต้องพักผ่อนให้ดีๆ ให้ได้พักผ่อนเต็มที่ อีกอย่างหากแม่ของนายได้ยินว่านายจะกลับไปล่ะก็ เธอต้องดีใจแน่ๆ” ลี่อานโก๋ลดเสียงของตัวเองให้อ่อนลง แถมในน้ำเสียงยังแฝงไปด้วยความอ้อนวอนอยู่เล็กน้อย อย่างไม่รู้ตัว

แต่คำพูดดังกล่าวนี้เหยียบย่ำถึงข้อห้ามของลี่โม่อวี่พอดี

ลี่โม่อวี่คิดถึงวันแรกที่ถูกพวกเขาทิ้งได้ ขณะที่เขาต้องฝืนทนกับความทุกข์ยากลำบากนั้น เขาได้มองเห็นเด็กคนอื่นๆ ได้ยิ้มพูดออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของพ่อกับแม่ของพวกเขา ทำให้เขาหวังว่าตัวเองอาจจะสามารถได้รับความรักจากพ่อแม่ของตัวเองแบบนั้นบ้าง แล้วก็หวังไว้ด้วยว่าพ่อแม่ของตัวเองนั้น จะโผล่มาบอกเขาตรงหน้าอย่างกะทันหันว่า พวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทอดทิ้งเขาเสียหน่อย!

แต่ผลลัพธ์ล่ะ? เขาเฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่า อีกทั้งผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาทำได้เพียงกอดเพื่อรับความอบอุ่น จากเด็กคนอื่นๆ ที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในสถานเด็กกำพร้าเช่นกัน เขาจึงต้องพยายามยอมรับบาดแผลที่มีของตัวเองไว้อย่างโดดเดี่ยว แล้วค่อยๆ ก้าวเดินมาทีละก้าวจนมาถึงทุกวันนี้ได้

แล้วตอนนี้ล่ะ? พ่อแม่ที่ทอดทิ้งลูกของตัวเองอย่างไม่ใยดี ตอนนี้กลับโผล่มาต่อหน้าของตัวเอง แล้วมาบอกเขาว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ของเขา หรือว่าพวกเขารักเขางั้นหรือ? คิดจะมาเริ่มแก้ไขใหม่เพื่อให้กลับไปดีเหมือนเดิมอย่างนั้นหรือ?

ในโลกนี้มันมีเรื่องแบบนั้นที่ไหนกัน?

เดิมทีสายตาของลี่โม่อวี่อ่อนโยนลงเพราะฉินอีหลินก็กลับมาเยือกเย็นขึ้น ก่อนจะตอบกลับไปอย่างเสียดสีว่า : “แม่หรือครับ? ผมโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่เล็ก ทำไมจู่ๆ ถึงมีแม่โผล่มาได้ล่ะครับ? น่าแปลกจริงๆ เลย”

ลี่อานโก๋ที่ได้ยินคำพูดของลี่โม่อวี่ที่ดูเหมือนว่าจะเยาะเย้ยตัวเองนั้น ในใจของเขาไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด แต่กลับรู้สึกผิดมากกว่าเดิม

เขามองดูลูกชายของตัวเองทุกวันนี้ มันยากที่จะคิดเหลือเกินว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ลูกชายของเขาต้องประสบพบเจออะไรมาบ้าง ต้องได้รับความทุกข์ความยากลำบากมากแค่ไหน กว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้กลายเป็นคนที่เข้มแข็งและโดดเด่นแบบนี้

สำหรับลี่โม่อวี่ที่กลายเป็นแบบนี้นั้น เขาทั้งรู้สึกภาคภูมิใจ อีกทั้งรู้สึกผิดผสมปนเปกันไปด้วย

ลี่อานโก๋นิ่งเงียบไปอยู่นาน พลางคิดไตร่ตรองอะไรมากมายหลายอย่างในใจ แต่กลับไม่แสดงอะไรออกมาให้รู้เลย

แต่หลังจากผ่านไปได้สักพัก ลี่อานโก๋ก็พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า : “ฉันรู้ว่าไม่ว่าพวกเราจะทำอย่างไร ก็ไม่สามารถชดใช้บาดแผลที่ได้รับมาตลอดยี่สิบกว่าปีหรอกนะ อีกทั้งยังไม่สามารถลดความรู้สึกผิดที่ฉันมีให้กับแม่ของนายได้เลยสักนิด แต่ว่าฉันกับแม่ของนายสามารถชดใช้เวลาทั้งหมดที่สูญเสียไปให้ได้นะ จะดูถูก จะเยาะเย้ยอะไรก็ตามใจ แต่ฉันหวังแค่ให้นายเห็นแก่สายสัมพันธ์สักนิดก็ยังดี เพื่อจะได้กลับไปอยู่สักสองสามวัน แม่ของนายเองก็รู้ว่าวันนี้นายจะกลับไป ก็เลยทำอาหารที่นายชอบไว้ตั้งมากมายเลย”

สำหรับคนที่มีจิตใจห้าวหาญอย่างลี่อานโก๋แล้ว การที่เขาสามารถพูดคำแบบนี้ออกมาได้ ไม่ใช่แค่มีสีหน้าอ่อนโยนถึงจะทำได้เท่านั้น แต่ยังต้องมีความกล้ามากอีกด้วย โดยเฉพาะคำพูดของเขาตอนนี้นั้น นอกจากจะมีความขอร้องอยู่แล้ว ยังแฝงไปด้วยการเอาใจที่เต็มเปี่ยม

สิ่งที่เขาพูดมานั้น ทำให้คนขับรถแทบจะคิดว่าตัวเองยังฟังผิดไปเลย

คนขับรถคนนั้นดูเหมือนว่ากำลังตั้งใจขับรถอย่างเงียบๆ ซึ่งเนื้องานของเขาคือต้องตั้งใจขับรถห้ามวอกแวก แต่ตอนนี้เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนอารมณ์ขึ้นอย่างมาก จึงทำให้เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองตอนนี้ได้เลยแม้แต่นิด

แม่หรือ? สายสัมพันธ์ทางสายเลือดงั้นหรือ? ผู้อำนวยการลี่เป็นพ่อของชายคนนี้งั้นหรือ?

พอลองคิดไตร่ตรองดูแล้ว ผู้ชายคนนี้กับผู้อำนวยการลี่ก็โตมาดูละม้ายคล้ายคลึงกันอยู่ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้ยินผู้อำนวยการลี่พูดเลยว่า เขามีลูกชายแบบนี้อยู่ด้วย

หรือว่าเป็นลูกนอกสมรสกัน?

ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินข่าวลือในกองทัพมาอยู่บ้าง ว่าผู้อำนวยการลี่นั้นมีลูกนอกสมรสอยู่คนหนึ่ง

น่าจะใช่แล้วล่ะนะ?

ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้สึกได้อย่างไร ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาดูจะไม่ลงรอยกันเสียเท่าไหร่ แถมคำพูดของเขาก็ยังดูอ่อนโยนกับชายวัยรุ่นคนนั้นอีกด้วย

ถึงแม้คนขับรถจะไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ เลยก็ตาม แต่ในใจของเขาตอนนี้ กลับพุ่งพล่านทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นแบบนี้มานานหลายปีแล้ว

ลี่อานโก๋เป็นคนที่รักษาระเบียบวินัยในกองทัพ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเขามาก่อนเลย

อีกทั้งตอนนี้ลูกนอกสมรสของเขากลับปรากฏตัวขึ้นมาอีก

แบบนี้มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับ เทพเจ้ากำลังทำลายความรู้สึกของเขาให้พินาศไปอย่างไรอย่างนั้น

อีกอย่างการที่เขารู้เยอะแบบนี้ แล้วยังจะรับประกันความปลอดภัยได้อยู่หรือเปล่าเนี่ย?

ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เลยว่า คนขับรถคนนี้นั้นเริ่มเป็นห่วงความปลอดภัยของตัวเองขึ้นมาแล้ว

ซึ่งคนขับรถตัวน้อยๆ ก็ยังไม่รู้เช่นกัน ว่าลี่อานโก๋นั้นไม่คิดที่จะปิดบังอะไรลูกชายของเขาเลยแม้แต่น้อย เขาทำเรื่องผิดกับลูกของตัวเองมาอย่างมากมาย ถ้าหากตอนนี้ยังปิดบังสถานะที่รุ่งโรจน์ของเขาไว้อีกล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ไม่สมควรที่จะเป็นมนุษย์แล้วล่ะ!

จริงๆ แล้วเขาก็อยากจะอาศัยความพยายามของตัวเอง เพื่อที่จะได้มอบอนาคตที่กว้างไกลให้กับลี่โม่อวี่อยู่เช่นกัน!

แต่ลี่อานโก๋ก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะชดใช้ทุกอย่างให้กับลี่โม่อวี่โดยที่จะไม่ยุ่งอะไร กับความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาน ระหว่างเขากับลี่โม่อวี่อีก

ลี่โม่อวี่เองก็ทำเสียงหึอย่างเย็นชา น้ำเสียงที่เยือกเย็นของเขานั้น ทำให้คนที่ได้ยินคิดไม่ออกเลยว่า นี่เป็นคำพูดของคนที่มีสายเลือดเดียวกันหรือเปล่า

“อาหารที่ผมชอบหรือครับ? คุณรู้จริงๆ หรือครับว่าผมชอบอะไร? ผู้อำนวยการลี่ที่เป็นผู้มีหน้าที่ปกป้องประเทศ พร้อมด้วยคุณนายหยางที่อ่อนโยนและสวยเพียบพร้อม จะมาเป็นห่วงเด็กกำพร้าคนนี้ว่าชอบกินอะไรงั้นหรือครับ?”

ลี่อานโก๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็เหมือนกับลิ้นจุกปาก เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีในตอนนี้ เพื่อให้ลูกของตัวเองนั้นลดการป้องกันตัวเองแบบนี้เสียที

จากเดิมทีแววตาที่เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา ก็ถูกแทนที่ไปด้วยความเหนื่อยอ่อนและหมดหนทางแทน

พลันฉินอีหลินก็ยื่นมือมาดึงเขาไว้ ก่อนที่กำลังจะพูดล้อเลียนเขาขึ้นมา แต่ชั่วขณะนั้นเธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ลี่โม่อวี่อยู่ที่ฐานทัพนั้น เขาก็ได้เล่าเรื่องราวชีวิตและครอบครัวให้เธอฟัง เธอก็เข้าใจว่ามีความขัดแย้งอยู่หน่อยๆ ในนั้น เป็นเพราะเรื่องราวในชีวิตที่ดูคล้ายจะเหมือนก็ไม่เหมือน ทำให้เกิดความผูกพันแบบเดียวกัน แต่ก็คงจะไปตัดสินอะไรมากไม่ได้ ขุนนางเองก็ยากที่จะตัดสินเรื่องครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของพ่อแท้ๆ หรือแม้แต่เป็นครอบครัวสายเลือดเดียวกันโดยแท้ก็ตาม

แต่เธอก็หวังว่าลี่โม่อวี่อาจจะลดความเกลียดชังที่มีในใจลงบ้าง เพื่อที่จะลองเปิดรับพ่อแม่ของตัวเอง จะได้ดีกันกับทั้งสองฝ่าย

แต่ความจริงแล้ว ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลี่โม่อวี่ก็ได้รับบาดเจ็บมามาก จนยากที่จะลบออกไปได้ง่ายๆ

ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงลองคลี่คลายบรรยากาศที่แสนอึดอัดนี้ลง ใครกันที่ทำให้คนที่อยู่ในที่เดียวกันแบบนี้ ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อึดอัดด้วยนะ

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท