บทที่ 204 จะให้เขาทำอย่างไร
แน่นอนว่าความคิดนี้ไม่ได้ใช่หยางผิงที่คิดคนเดียว คนที่เฉลียวฉลาดอย่างผู้อำนวยการลี่ ไฉนเลยจะคิดไม่ถึง เขานั้นคิดเรื่องนี้ก่อนหน้าหยางผิงเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสที่จะพูดออกมาเท่านั้นเอง
ตอนนี้ในบ้านของตระกูลลี่ เหลือเพียงลี่อานโก๋กับลี่จิ่งสองคนเท่านั้น แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ร้อนระอุเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ ทำให้ในบ้านยิ่งรู้สึกเยือกเย็นมากกว่าเดิม
ส่วนลี่จิ่งนั้นก็ยังคงรักษาท่าทีก่อนหน้านี้ไว้อยู่เหมือนเดิม เขาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าลี่อานโก๋โดยไม่ได้ขยับไปไหน พร้อมด้วยก้มหัวลงต่ำและรู้สึกหวาดกลัวไปด้วย และคิดไปด้วยว่าจะมีวิธีไหน ที่ตัวเองสามารถจะหลุดพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้
ทำให้บรรยากาศในตอนนี้นั้น คล้ายกับทุกอย่างจะหยุดนิ่งไปเลย
ผ่านไปอยู่นาน ลี่อานโก๋ก็ถอนหายใจเบาๆ เพื่อทำลายความเงียบที่ไม่ปกติโดยรอบ ลี่อานโก๋จ้องมองลี่จิ่งที่กำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าของตัวเอง เพียงแค่จ้องแบบนั้น ก็ทำให้ลี่จิ่งตัวสั่นเทิ้ม ผู้อำนวยการลี่ที่อยู่ในตำแหน่งสูงมาตลอด เพียงแค่มองปราดเดียวก็ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวได้แล้ว
พอคิดถึงตอนที่ฉินอีหลินบอกว่า ลี่โม่อวี่แพ้อาหารทะเลแล้วก็คื่นฉ่าย อีกทั้งอาหารพวกนี้ลี่จิ่งเป็นคนเลือกสรรด้วยตัวเอง ทำให้ลี่อานโก๋เดาถึงสาเหตุได้ทันที
ก็เป็นเพียงการใช้เล่ห์เพทุบายระหว่างเด็กๆ เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานก็เท่านั้น ไม่ว่าจะตระกูลไหนก็มีกันทั้งหมด เพียงแต่เมื่อได้เจอเรื่องพวกนี้เข้ากับตัวเอง ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น อีกอย่างเมื่อเจอแบบนี้ หากเขาไม่อยากจะโกรธ ก็คงเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว
คนเป็นพ่อที่ไหนไม่หวังให้ลูกได้ดิบได้ดีกันล่ะ แต่ลี่จิ่งที่อยู่ต่อหน้าเขาตรงนี้นั้น ทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก
“ลูกกลัวว่าหากพี่ชายของลูกกลับมา แล้วจะมาแย่งสมบัติที่มีของลูกไปหมดหรือไง?” ลี่อานโก๋ถามออกไปด้วยจิตใจที่เยือกเย็น ทั้งๆ ที่เขายังมีชีวิตอยู่ดีแท้ๆ แต่ลูกของเขากลับคิดแผนการที่จะฮุบสมบัติไว้ทั้งหมดเสียอย่างนั้น
“มะ…ไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ” ลี่จิ่งรู้สึกสั่นเทิ้มไปทั้งร่างกาย พร้อมพูดด้วยเสียงกัดฟันที่สั่นเครือ ซึ่งในใจเขาก็คิดอยู่แบบนั้นจริงๆ แต่ไม่อาจพูดออกมาได้ เพราะเขาไม่กล้าที่จะแบกรับผลที่ตามมาจริงๆ
ลี่อานโก๋เห็นแบบนั้นก็ส่ายหัวอย่างผิดหวัง ถ้าหากลูกของเขายอมรับผิดได้อย่างอาจหาญ เขาก็คงไม่หดหู่เหมือนอย่างตอนนี้แน่นอน
แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าทำไมลี่จิ่งถึงทำแบบนี้ นอกจากสมบัติของตัวเองแล้ว ก็เกี่ยวกับเรื่องความรักความเอาใจใส่ที่จะมีให้เขาด้วย เรื่องแบบนี้ในสายตาของเขาเอง แทบจะไม่ต้องไปแก่งแย่งอะไรเลย ด้วยพลังที่มีของตัวเอง เขาจะไปสนใจของที่เหลือไว้แบบนั้นทำไม
“ไร้เดียงสานัก!” ลี่อานโก๋พูดอย่างเยือกเย็น โดยที่ไม่พูดอะไรต่อ แล้วก็ไม่หันไปมองลี่จิ่งอีก ในสายตาของเขา ลี่จิ่งก็เป็นเพียงเด็กที่ยังไม่โตเท่านั้น ถึงแม้ลี่จิ่งจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขาก็ตาม แต่ก็เลี้ยงดูมานานหลายปี จะบอกให้ตัดเลยก็คงจะตัดไม่ลง
ซึ่งพอลี่โม่อวี่กลับมา จึงทำให้เขารู้สึกผิดอยู่ในใจ อีกทั้งยากที่จะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ต่อเขาด้วย
ตอนแรกเขาคิดว่าลี่จิ่งสามารถเข้าใจวิธีทำของเขาได้ แต่ที่แท้เขาก็คิดผิด
หรือว่าในตอนแรกเขาคิดมากเกินไปหรือเปล่านะ? ลี่อานโก๋คิดแบบนั้น ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
ขณะที่ลี่อานโก๋กำลังจมอยู่กับความคิดนั้น ลี่จิ่งกลับน้ำตาคลอเพราะได้ยินคำว่า ‘ไร้เดียงสา’ เขาไร้เดียงสาแล้วมันอย่างไรล่ะ? หรือสิ่งที่เขาคิดมันไม่ถูก? เดิมทีการที่ลี่โม่อวี่กลับมา สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่เขา โดยที่ไม่มีใครสนใจเขาเลยแม้แต่นิด
พอรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของลี่จิ่ง ลี่อานโก๋ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าควรจะต้องมานั่งคุยกับลี่จิ่งดีๆ หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้เป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ลี่จิ่งเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองและซื่อตรง ถ้าหากเรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นต่อหน้าของเขาเองล่ะก็ ลี่อานโก๋ก็คงจะไม่มีทางเชื่อแน่นอน ว่าลี่จิ่งจะทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้
ระหว่างที่กำลังคิดไปไกลนั้น ลี่อานโก๋ก็นึกขึ้นได้ว่า ช่วงใกล้ๆ นี้ได้ยินรายงานจากลูกน้องของเขา ว่าก่อนหน้านี้ที่ลี่โม่อวี่ปรากฏตัวอยู่ที่ฐานทัพของทหาร คนของกองทัพต่างก็พูดคุยนินทากัน เรื่องที่ว่าลี่โม่อวี่เป็นลูกนอกสมรสของเขา ทำให้เขาอดจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะข่าวลือนั้น แล้วก็มีคนมายุยงเขา แล้วเขาจะทำเรื่องพวกนี้ออกมาได้งั้นหรือ?
พอลี่อานโก๋รู้ว่าสิ่งที่เขาเดาไว้นั้นเป็นความจริง ก็บอกไม่ถูกทันทีว่าในใจรู้สึกอย่างไร เขาค่อยๆ ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ลุกขึ้น”
ลี่จิ่งที่ได้ยินแบบนั้นก็แข็งทื่อไปทั้งร่างกาย เขามองไปหาพ่อของตัวเองพร้อมด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ นี่เขาให้อภัยตัวเองแล้วงั้นหรือ? เขายังคิดอยู่เลยว่า เขาน่าจะได้รับโทษที่ตัวเองทำผิดไปอย่างรุนแรงแล้วแท้ๆ ทำให้ลี่จิ่งไม่กล้าที่จะเชื่อเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าของตัวเองตอนนี้เลย
พ่อของเขาจะให้อภัยเขาแบบนี้เลยงั้นหรือ?
พอเห็นสีหน้าของลี่จิ่ง ลี่อานโก๋ก็คิดขึ้นได้ว่า ปกติแล้วตัวเองไม่ได้เคร่งขรึมมากเกินไป แล้วทำไมลูกของตัวเองถึงได้กลัวเขาแบบนี้กันล่ะ พอเห็นแบบนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง : “ลุกขึ้นมาสิ”
ลี่จิ่งเช็ดน้ำตาของตัวเองออกแล้วลุกขึ้นยืน เพียงแต่เขายังคงก้มหัวอยู่แบบนั้น
“หลังจากนี้อย่าทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก ต่อให้พี่ชายของลูกกลับมา ก็ไม่มีทางกระทบอะไรกับลูกทั้งนั้น” ลี่อานโก๋ไม่อยากที่จะเห็นเหตุการณ์อะไรอย่างวันนี้อีก ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้น ถ้าหากหลังจากนี้สองพี่น้องเกลียดกันเข้ากระดูกดำมากกว่านี้ แล้วเขาจะทำอย่างไรได้ล่ะ?
ลี่จิ่งที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย
“โทรไปหาพวกเขาซะ แล้วบอกว่าพวกเราจะออกไปกินข้าวข้างนอก เวลากลับมาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเมื่อไม่เห็นใครในบ้าน” ลี่อานโก๋กำชับเสร็จ เขาก็เดินออกไปข้างนอกทันที หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หันกลับมาพูดกับลี่จิ่งว่า : “โทรเสร็จก็รีบออกมาด้วยล่ะ”
ลี่จิ่งพยักหน้ารับ ลี่อานโก๋เห็นแบบนั้นก็วางใจก่อนจะก้าวเท้ายาวออกไปข้างนอก
ลี่จิ่งจึงรีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล! ว่าไงลี่จิ่ง มีอะไรหรือ?” เสียงที่ดังออกมาจากอีกฝ่ายเป็นเสียงที่ดูแหบแห้งและมีอายุ แต่ก็ฟังดูเหมือนยังหนุ่มๆ อยู่เลย
“คุณปู่ครับ เดี๋ยวพวกเราจะออกไปกินข้าวข้างนอกกันนะครับ ก็เลยโทรมาบอกคุณปู่ก่อน จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง คุณปู่ก็มาที่นี่ด้วยสิครับ เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ให้”
“ได้ พวกหลานไปกันเถอะ!” คุณปู่ลี่พูดจบก็วางสายทันที
พอเสียงตู๊ดๆๆ ดังออกมา แววตาของลี่จิ่งก็นิ่งขรึมลงทันที
ลี่จิ่งหันหน้ากลับไปมองลี่อานโก๋ที่นั่งอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้ทำอะไรอีก เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกได้ แต่เขาก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ทำให้ลี่โม่อวี่โกรธจนต้องจากไปอย่างไม่หวนกลับได้
พอคิดได้แบบนี้ ลี่จิ่งก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันแอบก่นด่าอยู่ในใจ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาล่ะก็ ตัวเขาก็คงไม่ถูกคนที่บ้านจับได้แบบนี้ แถมยังต้องมาเสียหน้าต่อหน้าลี่โม่อวี่อีก
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น ลี่จิ่งก็คิดขึ้นมาได้ว่า ตอนที่เขาหาข้อมูลอาหารที่ลี่โม่อวี่ชอบนั้น คนพวกนั้นรู้เพียงว่าลี่โม่อวี่ไม่ชอบกินอะไร แต่กลับไม่รู้ว่าที่ลี่โม่อวี่ไม่กินเพราะแพ้
พอคิดได้แบบนี้ แววตาของลี่จิ่งก็มืดทึบลงไปอีก จนแทบจะไม่เห็นก้นบึ้ง ดูเหมือนว่าตัวเขาคงจะต้องมองลี่โม่อวี่ใหม่เสียแล้ว เพราะมีอะไรแอบซ่อนไว้มากมายเหลือเกิน
พลันลี่จิ่นก็ยิ้มมุมปากที่ดูกระหายเลือดขึ้น จะเก็บซ่อนอะไรไว้ลึกแค่ไหนแล้วอย่างไรล่ะ มันต้องมีสักวันที่ฉันจะต้องทำให้นาย ไม่อาจจะมาโผล่หน้าในเมืองนี้ได้ตลอดไปอีกอย่างแน่นอน
เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วก็มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองด้วย