ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 202

ตอนที่ 202

บทที่ 202 ฉันไม่ได้เป็นคนทำ

พอรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาที่ผิดปกติของลี่โม่อวี่ ฉินอีหลินก็มองลี่โม่อวี่ที่มองไปตามโต๊ะอาหาร ถ้าหากยังไม่เห็นก็ว่าไปอย่าง แต่พอได้เห็น มุมปากของฉินอีหลินก็อดไม่ได้ที่จะเผยอขึ้น

ลี่โม่อวี่ไม่กินผักขึ้นฉ่าย แถมยังแพ้อีกด้วย อีกทั้งอาหารบนโต๊ะหลายอย่าง ก็ล้วนแล้วแต่มีผักขึ้นฉ่ายใส่อยู่ละลานตาไปหมด ลี่โม่อวี่เองก็ไม่กินพวกอาหารทะเล มีหลายครั้งฉินอีหลินเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าคนรูปร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรเช่นนี้ ที่ดูแข็งแรงสุขภาพดีกำยำอย่างลี่โม่อวี่ จะแพ้อะไรเยอะขนาดนั้น

พอคิดไปถึงตอนที่ผู้อำนวยการลี่พูดบนรถว่า หยางผิงเตรียมอาหารที่เขาชอบไว้ตั้งหลายอย่าง ฉินอีหลินจึงไม่รู้ว่า ควรจะแสดงท่าทีกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไรดี จริงๆ แล้ว……

ถ้าหากไม่ใช่ว่าเธอรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นไม่ได้เสแสร้งเอาใจใส่ลี่โม่อวี่ล่ะก็ เธอก็คงสงสัยว่าทุกคนคงรังเกียจลี่โม่อวี่เข้าแล้วล่ะนะ

ลี่โม่อวี่วางตะเกียบลงพร้อมทั้งเลิกคิ้วขึ้น อีกทั้งยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ผ่านไปอยู่นานกว่าเขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : “ที่แท้……”

ลี่โม่อวี่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นต่อ : “ที่แท้ของพวกนี้คือของที่ผมชอบกินนั่นเอง ช่างอุดมสมบูรณ์จังเลยนะครับ!” น้ำเสียงของเขาแสดงให้เห็นถึงการเยาะเย้ยอย่างมาก ซึ่งทุกคนบนโต๊ะอาหารเองก็ฟังเข้าใจกันทั้งหมด

“ทำไมล่ะโม่อวี่? ลูกลองชิมอาหารที่แม่ทำดูก่อนสิ รสชาติไม่เลวเลยนะ” แววตาของหยางผิงดูพร่ามัวแปลกๆ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมขนาดเธอถึงพยายามเอาอกเอาใจเขามากขนาดนี้ แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชิมอาหารที่เธอเป็นคนทำเลยสักคำเดียว

ลี่โม่อวี่เผยอมุมปากยิ้ม ด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมลง เขาชายตามองไปที่หยางผิงทีหนึ่ง ก่อนจะไม่พูดอะไรขึ้นอีก

พอมองเห็นสีหน้าที่น่าสงสารของผู้หญิงคนนั้น ฉินอีหลินก็รู้สึกอดทนต่อไปไม่ไหว แต่คิดดูอีกที ลี่โม่อวี่เองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ

หลังจากคิดได้แบบนั้น ฉินอีหลินก็เปิดปากพูดขึ้น : “คุณป้าคะ ลี่โม่อวี่เขา…เขาแพ้พวกอาหารทะเลกับผักขึ้นฉ่ายน่ะค่ะ” พอฉินอีหลินพูดจบ ตัวเธอเองก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองสีหน้าของหยางผิงด้วย

เธอเหมาะสมที่จะได้รับความรักกลับไป แต่วันนี้เธอก็ได้รับผลในสิ่งที่เธอทำลงไป ทุกๆ คนต้องแบกรับภาระในสิ่งที่ตัวเองทำ ซึ่งหยางผิงก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

หยางผิงพอได้ยินแบบนั้น มือที่คีบอาหารให้ลี่โม่อวี่ก็ชะงักไป แววตาเริ่มมีน้ำตาคลอขึ้น : “ทำไมถึง…ทำไมถึงเป็นแบบนี้…” น้ำเสียงของเธอ เต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อได้

ลี่อานโก๋มองเห็นสีหน้าของภรรยาที่รักของเขา ก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา สายตาที่เย็นชาของเขาหันไปมองที่ลี่จิ่งทันทีอยู่นาน โดยไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาเลย

ในใจของลี่จิ่งตอนนี้เองก็รู้สึกกระวนกระวายไม่แพ้กัน ในตอนแรกได้ยินว่าแม่ให้พ่อไปลองสืบหาอาหารที่ลี่โม่อวี่ชอบ เขาจึงลองไปสืบหาดูเองด้วย แล้วเลือกแต่สิ่งที่ลี่โม่อวี่เกลียด แต่คิดไม่ถึงว่าลี่โม่อวี่จะถึงขั้นแพ้อาหารพวกนี้ ทำให้ครั้งนี้ เขาเหมือนหันหน้าเขาหากระบอกปืนจริงๆ

เมื่อหันสายตาไปสบตาเข้ากับลี่อานโก๋ ลี่จิ่งก็รีบหลบสายตาทันที

ลี่อานโก๋ขมวดคิ้วแน่น เพียงแค่มองปราดเดียว เขาก็เดาออกได้ว่าเหตุการณ์ตรงหน้ามันเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ว่าลูกของเขาจะพยายามปิดไว้แค่ไหนก็ตาม แต่วิธีการของเขาก็ไม่มีทางเล็ดลอดออกไปจากสายตาของเขาได้

“เพี๊ยะ!” เสียงเพี๊ยะดังขึ้น ดึงดูดความสนใจจากคนบนโต๊ะได้ทั้งหมด

ลี่อานโก๋เอามือตบลงบนโต๊ะอย่างแรง จนจานชามต่างๆ สะเทือน ทำให้ซุปต่างๆ หกล้นออกมานอกชาม จนมันไปเปื้อนผ้าคลุมโต๊ะ เขาจ้องไปที่ลี่จิ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะแค่นเสียงออกมาว่า : “นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”

พอผู้อำนวยการลี่พูดแบบนั้น ฉินอีหลินกับลี่โม่อวี่ ต่างก็เข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้งทันที

ถึงแม้ว่าการที่หยางผิงจะใช้วิธีที่ดูงุ่มง่าม ในการแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลี่โม่อวี่ก็ตาม แต่ถึงผู้หญิงทุกคนจะไม่ได้เฉลียวฉลาดเสียทั้งหมด แต่ทันทีที่หยางผิงได้สติ เธอก็นึกถึงตอนแรก ที่ลี่จิ่งไปหาข้อมูลอาหารที่ลี่โม่อวี่ชอบขึ้นได้ พอคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกเยือกเย็นขึ้นในใจ นี่หรือว่า……

หยางผิงในตอนนี้เหมือนจะเข้าใจในความคิดของลี่จิ่งได้ สำหรับตระกูลแล้ว ไม่ว่าจะมีลูกกี่คน ลูกคนโตจะเป็นคนสำคัญที่สุด

ถ้าหากลี่โม่อวี่กลายเป็นหนึ่งในตระกูลของพวกเขา แบบนี้อำนาจและตำแหน่งที่มีในตระกูลของเขาจะต้องสั่นคลอนแน่นอน

แต่เธอเป็นแค่แม่คนหนึ่ง ซึ่งคนเป็นแม่ไม่มีทางยอมให้ลูกๆ ของตัวเองต้องมาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันเองแบบนี้แน่นอน

หยางผิงถอนหายใจดังเฮือก ก่อนที่จะไม่ไปคิดถึงเรื่องดังกล่าวให้มากขึ้นไปอีก

ทางด้านลี่จิ่ง ที่รู้ว่าสายตาของทุกคนกำลังจับจ้องอยู่ ก็รู้สึกตระหนกในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตัวเขาไม่มีทางที่จะให้แม่สงสัยได้เด็ดขาด

พอคิดได้แบบนี้ ลี่จิ่งก็เงยหน้าขึ้น มองตรงเข้าไปยังดวงตาของหยางผิง ราวกับว่าการทำแบบนี้ สิ่งที่เขาทำทั้งหมดจะได้บรรเทาลง และทุกคนอาจจะเชื่อเขาได้บ้าง

“บางทีตอนที่ผมถามไป อาจจะมีคนที่เป็นศัตรูคู่แค้นของพี่ใหญ่ ลงมือปล่อยข่าวที่ไม่ดีแบบนี้ก็เป็นได้นะครับ แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ครั้งนี้ผมก็เป็นคนผิดอยู่ดี” ลี่จิ่งพูด เสแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง แต่กลับปิดบังสีหน้าที่ล่อกแล่กไปมาไม่อยู่

พอลี่อานโก๋ได้ยินแบบนั้น ในแววตาก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่ลูกที่ดูดีในสายตาของเขา กลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นคนไม่จริงใจแบบนี้ไปเสียแล้ว

“เชื่อผมนะครับพ่อ ผมไม่ได้ทำจริงๆ นะครับ!” ลี่จิ่งยังคงพูดปฏิเสธ

ในขณะที่คนอื่นยังไม่ได้พูดอะไร เขาก็พูดออกมาเองทั้งหมดคนเดียว ในตอนแรกฉินอีหลินยังคิดว่าเขาเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่พอได้เห็นวันนี้ เธอก็รู้ได้ทันทีว่าความคิดของตัวเองไม่ผิด นี่เป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเลยว่า คนที่ไม่รู้อะไรกลับถูกใช้ประโยชน์เต็มๆ

หยางผิงทำใจสงบนิ่ง ถ้าหากเขาหาข้ออ้างที่ดีกว่านี้เธอก็คงจะหลงเชื่อแน่ๆ แต่ข้ออ้างแบบนี้มันค่อนข้างจะบกพร่องไปหน่อย ต่อให้อยากจะเชื่อแค่ไหนก็ไม่อาจเชื่อลงได้

ในใจของหยางผิงรู้สึกขมขื่น เรื่องที่ตัวเองทำไปยังไม่รู้จักยอมรับ แต่กลับสาดความผิดไปบนตัวของพี่ใหญ่อีก ช่างทำให้เธอผิดหวังเสียเต็มประดาจริงๆ

“พอได้แล้ว!” ลี่อานโก๋ตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล พลางจ้องเขม็งไปที่ลี่จิ่ง รู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้ช่างเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ ไม่ยอมเอาตามแบบอย่างของพี่ใหญ่ ไม่ยอมพยายามตามพี่ใหญ่ให้กลับมาอยู่บ้านตระกูลลี่ แต่กลับกังวลว่าหากลี่โม่อวี่กลับมา เขาจะสูญเสียตำแหน่งและอำนาจในตระกูลไปแทน ช่างโง่เขลาจริงๆ

“คุกเข่าลงไปซะ!” ลี่อานโก๋ขมวดคิ้วจนแทบจะตั้งเป็นเส้นตรง พร้อมด้วยใช้สายตาที่เย็นชาจ้องไปยังลี่จิ่ง

ลี่จิ่งเห็นดังนั้นก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นในใจ พร้อมทั้งกลัวจนตัวสั่นงันงก เขาคุกเข่าลงไปกับพื้น เพื่อขอร้องให้ลี่อานโก๋ให้อภัย

การกระทำแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายิ่งทำให้ลี่อานโก๋ผิดหวังในตัวลี่จิ่งมากอีกเท่าไหร่ ลูกชายของเขาไม่ควรจะเป็นคนขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้ ถ้าหากเขากล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับ ซึ่งเขาเองก็กลัวว่าเขาจะไม่อาจทำอะไรลูกได้ลงคอ

จริงๆ แล้วสิ่งที่เขาเป็นห่วงก็คือ…ธรรมชาติของมนุษย์เนี่ยล่ะ

พอคิดได้แบบนี้ ใบหน้าของลี่อานโก๋ก็เก็บความผิดหวังไว้ไม่อยู่

หยางผิงเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยกลิ่นไอที่คุกรุ่นไปด้วยความโกรธ ราวกับคนในครอบครัวที่กินข้าวไปด้วยโมโหไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น

หยางผิงขาอ่อนนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหนักหน่วง พร้อมด้วยความเจ็บปวดใจที่ส่อออกมาทางแววตา

การตอบสนองของแต่ละคนตรงหน้า ล้วนแล้วแต่ถูกลี่โม่อวี่เห็นทั้งนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะทนทุกข์ทรมานอย่างไรก็ตามแต่ แต่ลี่โม่อวี่รู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่ดี ลี่โม่อวี่ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งจูงมือของฉินอีหลิน พร้อมทั้งพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าพวกเขาเลย น้ำเสียงเองก็ฟังไม่ออกว่ามีความอ่อนโยนแฝงอยู่ในนั้นหรือเปล่า : “ไปกันเถอะ พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกัน”

ฉินอีหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่เคยโต้แย้งอะไรกับลี่โม่อวี่มาก่อน ในเมื่อคนของตระกูลลี่ไม่ต้อนรับพวกเขา พวกเขาก็ต้องจากไป

จริงๆ แล้ว ละครอะไรพวกนี้ ไม่ใช่อะไรที่น่าดูเลยด้วยซ้ำไป

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท