บทที่ 248 ไม่มีทางทรยศ
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ฉินอีหลินจะพูดว่าไม่ซึ้งใจก็คงปลอม แต่ว่าตอนนี้เธอกลับสนใจความปลอดภัยของลี่โม่อวี่มากกว่า
“ที่นี่มีไส้ศึก ตอนที่ตำรวจมา ทั้งคนทั้งหลักฐานก็อยู่ พวกเขาทำกันอย่างไม่มีรูรั่ว ผมอยากจะพลิกสถานการณ์ยังไม่มีโอกาสเลย”
พูดถึงเรื่องนี้ ลี่โม่อวี่ก็หัวเราะแห้งๆ เลือดในดวงตายิ่งเข้มข้นขึ้น ดีจัง ไม่กี่ปีมานี้ไม่มีใครกล้ายุแหย่เขา วันนี้มีเรื่องเข้ามามากมาย ทำให้ “Bossใหญ่เมืองกั่งซื่อ” เกือบจะถูกล้ม
“เมื่อกี้เสี่ยวเซวียนพูดกับฉันว่า เพราะว่าเรื่องนี้ หุ้นบริษัทของพวกคุณถึงได้ร่วงลง”
ฉินอีหลินเห็นสีหน้าลี่โม่อวี่ไม่ดี ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนที่เธอคิด เธอเหลือบมองลี่โม่อวี่ ลองถามหยั่งเชิง
“อืม ตอนนี้บริษัทเกือบล้มละลาย ยังมีคนแอบรับซื้อหุ้นอยู่ลับหลัง”
“รับซื้อหุ้น?”
ฉินอีหลินได้ยินแบบนี้สีหน้าก็เปลี่ยน เธอรู้ว่าหุ้นสำคัญกับบริษัทแค่ไหน “ได้ตรวจสอบไหมคะว่าเป็นใคร?”
“ไม่แน่ใจ แต่ว่าเซียวน่ายกำลังตรวจอยู่”
ลี่โม่อวี่พูดถึงเรื่องนี้สีหน้าก็หนักใจไม่น้อย นี่มันเกี่ยวกับชื่อเสียงของบริษัท จะสะเพร่าไม่ได้เลยสักนิด
“หรือจะเป็น คู่แข่งบริษัทของคุณ?”
ความจริงตอนแรกฉินอีหลินคิดว่าเป็นลี่จิ่ง แต่ว่าลี่จิ่งไม่น่าจะมีความสามารถขนาดนั้น
“คู่แข่งบริษัทของผมไม่มีใครที่ไหนกล้าลงมือขนาดนี้กับผม และยังคุยกับคนข้างบนได้อีก”
ไม่ใช่ลี่โม่อวี่ไม่เคยคิดปัญหานี้ แต่ว่าเขาคิดไม่ออก ว่า คู่แข่งบริษัทของเขาคนไหนที่ทำแบบนี้ได้
พูดถึงตรงนี้ ลี่โม่อวี่ก็นึกถึงเมื่อก่อนตอนที่สีดีโอคุยกับลี่อานโก๋ สายตาของลี่อานโก๋กังวลและไร้เรี่ยวแรง
เรื่องที่ทำให้ตระกูลลี่กังวลมีไม่มาก และเขาก็ไม่รู้ว่า เขาไปทำผิดกับเทพเจ้าในเมืองหลวงคนไหน
ทุกคนไม่มีใครสงสัยองค์กร”K”เลย ในเมื่อเขาเป็นของอำนาจนอกประเทศ คงไม่ขยายมาถึงเมืองหลวงหรอก
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้”
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้”
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ เซียวน่ายและเห้อห้าวก็เข้ามาในห้องพร้อมกัน
เห้อห้าวถือการ์ดสีแดงอยู่ในมือ ด้านนอกมีของตกแต่งสีทอง ตรงกลางมีคำเชิญตัวใหญ่ๆ สีทองสองตัว
“นี่คือการ์ดเชิญของ ตระกูลเจิ้งของประธานเติ้งซู่ ตั้งใจจัดงานเลี้ยงเพื่อล้างมลทินให้คุณ”
ตระกูลเจิ้ง？
ฉินอีหลินขมวดคิ้วคิดไปคิดมา เมื่อก่อนเธอเคยฟังฉินตงไห่บอกว่าบริษัทนี้ เขาบอกว่าตระกูลเจิ้งเป็นประธานบริษัทระดับต้นๆ ในเมืองกั่งซื่อ มีทั้งเงินทุนและอำนาจที่มองข้ามไปไม่ได้เลย
“คิดไม่ถึงว่า เติ้งซู่จะพิถีพิถันขนาดนี้ ตอนที่คุณอ่อนไหวง่ายขนาดนี้ ก็จัดงานเลี้ยงล้างมลทินให้”
ฉินอีหลินเห็นการ์ดเชิญสวยงามมาก ในใจก็ดีใจแทนลี่โม่อวี่ เพื่อนในธุรกิจไม่น่าคบ คิดไม่ถึงว่า เติ้งซู่จะดีขนาดนี้
แต่เห้อห้าวและเซียวน่ายได้ยินแบบนี้กลับถอนหายใจออกมา ฉินอีหลินรู้ว่าอารมณ์ทั้งสองคนนี้ผิดปกติ สายตาของเธอเป็นประกายแห่งความสงสัย
เธอพูดอะไรผิดไปไหม?
“พี่สะใภ้ เติ้งซู่เป็นศัตรูอันดับต้นๆ ของพี่ใหญ่”
เซียวน่ายเหลือบตามองเห้อห้าวก่อน และหันหน้ากลับมาอธิบาย
เขาและพี่ใหญ่ ยังมีพี่สะใภ้ที่ยังคบหากันไม่นาน ไม่รู้วิธีการคบหาและรายละเอียดเล็กน้อยของพวกเขา เขาแค่สงสัยว่า ศัตรูของ บริษัทตระกูลลี่ กรุ๊ปเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉินอีหลินกลับไม่รู้
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็มองเห้อห้าวอีก กลับเห็นว่าเห้อห้าวทำแววตาบอกให้เงียบ
ฉินอีหลินคิดได้อย่างคล่องแคล่ว หลังจากเซียวน่ายอธิบาย ก็รู้ต้นสายปลายเหตุอย่างชัดเจน
เห็นว่าลี่โม่อวี่กำลังลำบาก เลยอยากใช้โอกาสนี้ให้ตกหลุมพราง คนที่จิตใจแคบแบบนี้ ยากที่จะเป็นอากาศธาตุ
แต่ว่าฉินอีหลินไม่ได้สนใจแค่เรื่องพวกนี้ จู่ๆ เธอก็เห็นว่า ระหว่างที่เธอคบหากับลี่โม่อวี่ เธอไม่เคยอยากไปเข้าใจเรื่องที่ผ่านมาและตอนนี้ของลี่โม่อวี่เลย
“พี่ใหญ่ จะทำยังไงต่อ”
เห้อห้าวก็คิดอย่างละเอียด เขารู้สถานการณ์ของเขา มากกว่าเซียวน่าย ตอนนี้เห็นฉินอีหลินอึดอัด เขาก็ไม่อยากพูดถึงประเด็นนี้ต่อ
“ในเมื่อเขาเชิญอย่างจริงใจจขนาดนี้ ผมจะไม่ไปได้ยังไงกัน”
ลี่โม่อวี่เห็นฉินอีหลินอึดอัดเล็กน้อย ในใจก็อึดอัดตามไปด้วย เขาไม่สนว่าด้านหน้ายังมีคนอีกสองคนยืนอยู่ ก็ดึงหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอด และเงยหน้าพูดกับเห้อห้าวทันที
หลังจากฉินอีหลินรับรู้การกระทำของลี่โม่อวี่ ก็ดิ้นสักพัก ด้านหนึ่ง เพราะว่าเธอทุกข์ใจ แถมเห้อห้าวและเซียวน่ายยังอยู่ เธอก็ดิ้นได้ไม่ง่าย แต่อีกด้านหนึ่ง ก็เพราะว่าเขาทั้งสองคนอยู่ เธอถึงรู้สึกเขินอาย
ตอนที่กำลังลังเลว่าจะทำยังไงดี เธอกลับได้ยินคำพูดของลี่โม่อวี่ เธอขมวดคิ้ว น้ำเสียงของฉินอีหลินไม่เห็นด้วย “นี่ไม่ใช่ส่งคุณไปให้คนอื่นรังแกหรอกเหรอ? ฉันไม่เห็นด้วย”
ลี่โม่อวี่เห็นฉินอีหลินคิดแทนเขาจริงๆ ในหัวใจกลับอบอุ่นขึ้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาอธิบาย
ลูบหัวผู้หญิงในอ้อมกอดเบาๆ เขาพูดกับเห้อห้าวต่อว่า “แกไปตอบกลับ เจิ้งซู่ ผมจะไปตามเวลานัด ให้เขาไม่ต้องกังวล”
“ครับ”
เห้อห้าวได้ยินคำสั่งของลี่โม่อวี่ ก็เดินออกไปข้างนอก พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งนาน นั่นเป็นคนที่เติบโตด้วยกันตั้งแต่เด็ก เป็นฟืนกับไม้ เป็นช้อนกับส้อม……
“เดี๋ยวก่อน เจอสายรึยัง?”
ลี่โม่อวี่เห็นเห้อห้าวจะออกไป ก็เรียกเขาไว้ ทำงานด้วยกันมาตั้งหลายปี สัญญาลับไม่มีเลยสักนิด
“หาเจอเรียบร้อยแล้ว”
พูดถึงสาย ดวงตาของเห้อห้าวก็เย็นชา “คือ เหล่าซาน”
เหล่าซานเป็นพี่น้องที่ทำงานด้วยกันมา เมื่อก่อนตอนที่ลี่โม่อวี่สู้กำผู้มีอิทธิพลทางมืด(กลุ่มมาเฟีย) เขาเป็นผู้นำให้ไม่น้อย
แต่ว่าความหยิงเขาเยอะ เมื่อก่อนทำผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคนตาย ถ้าหากไม่ใช่ลี่โม่อวี่จ่ายเงินให้เขาหลุดพ้น ตอนนี้ก็คงเข้าไปนานแล้ว
แต่ว่า เหล่าซานกลับไม่รู้ถึงบุญคุณ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ลี่โม่อวี่สมควรต้องทำ และยังด่าว่าเขาไม่สนใจไมตรีจิตในตอนนั้น ให้เขาแค่ดูแลผับและเลือกพนักงานใหม่
แต่ไม่รู้ว่า เพียงแค่เชื่อถือเขา ลี่โม่อวี่ถึงได้วางใจให้รับสมัครงาน ยังไม่รู้ว่ารายละเอียดเล็กๆ เขาจะส่งมันไปถึงไหน
เหล่าซานทำให้เขาผิดหวังจริงๆ
“จะจัดการยังไง?”
เซียวน่ายก็เปิดปากถาม
เขาและเห้อห้าวเป็นคนที่ร่วมฝ่าฟันกับลี่โม่อวี่ในตอนแรก” ผู้บุกเบิก” เหล่าซานไม่ใช่คนแปลกหน้า แต่ว่าตอนนี้เหล่าซานกลับหักหลังน้ำใจของพี่น้อง ทำเรื่องแบบนี้ออกมา พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดี
ความจริงเมื่อก่อนลี่โม่อวี่เดาไว้แล้ว แต่กลับไปยอมเชื่อ ตอนนี้ได้ยินคำถามของเซียวน่าย เขาหลับตาลงครึ่งหนึ่ง สักพักถึงพูดออกมา “ทำตามกฎ”
ฉินอีหลินไม่รู้ว่า” เหล่าซาน” เป็นใคร แต่ว่าเธอกลับเห็นว่าลี่โม่อวี่ต่อสู้และเสียใจ
เขาไม่ใช่คนที่จะแสดงความรู้สึกออกมา แต่ตอนนี้ในใจของเขาเจ็บปวดจนแขนทั้งสองข้างไร้เรี่ยวแรง
ฉินอีหยินทำอะไรไม่ได้ ก็เลยค่อยๆ เอามือของเธอจับมือเขาไว้
ลี่โม่อวี่ คุณยังมีฉัน ฉันไม่มีวันที่จะหักหลังคุณ
