บทที่ 240 โทษคุณปู่ที่แย่งน้องสาว
ตอนที่อยู่ข้างนอกลี่โม่อวี่อยากพูดว่า ให้ฉินอีหลินจัดการเห้อห้าว ตอนนี้เห็นฉินอีหลินไม่ลงโทษเห้อห้าว ในใจของเขาก็ซาบซึ้ง ตอนนี้ยังได้ยินคำพูดจากใจของผู้หญิงคนนี้
หัวใจของหลี่โม่อวี่เต้น ใบหน้าก็อ่อนโยนขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้น……พี่สะใภ้ ผมไปก่อนนะครับ วันหน้าจะมาหาใหม่”
เห้อห้าวเห็นท่าทางของคนทั้งคู่ ก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้โทษตัวเองจริงๆ แต่ว่าความกังวลของเขายังไม่คลายลง แถมยังทุกข์ใจหนักขึ้น
คนที่รักแอบรักมานานหลายปี ใช้เขาเป็นเครื่องมือทำร้ายผู้หญิงของพี่ชาย จะให้เขายอมรับได้ยังไง
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าลี่โม่อวี่หลีกเลี่ยงให้เขาใกล้กับชิวหันเยียน แต่ว่าวิธีการจับชิวหันเยียนกลับค่อยๆ ผุดเข้ามาในหัวใจของเขา
เห้อห้าวรักเธอ และยอมกลายเป็นคนโง่เพื่อเธอ แต่ว่าข้อเสนอแรกเธอคุ้มค่า แต่หันชิวเยียนไม่คุ้ม
ตื่นจากฝัน ภาพฝันสลายแล่ว ไม่มีใครรู้ว่าเห้อห้าวเจ็บปวดแค่ไหน
ฉินอีหลินเห็นเห้อห้าวเดินออกไปแล้ว ในใจค่อยๆ ถอนหายใจ ทุกคนมีคนร้ายของตัวเอง ลี่โม่อวี่เป็นคนร้ายของเธอ แต่ชิงหันเยียนเป็นคนร้ายของเห้อห้าว
“คุณนอนไปสองวันแล้ว ทำให้ผมตกใจแทบแย่”
ลี่โม่อวี่หลังจากฉินอีหลินกลับมาอีกครั้ง ก็ค่อยๆ แสดงความรู้สึกในใจออกมา ถ้าเมื่อก่อน ไม่สนเขาจะกังวลใจแค่ไหนก็ไม่พูดประโยคนี้ออกมา แต่ว่าตอนนี้เขาพูด เขายอมพูดจากับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าดีๆ
“หมอว่ายังไงบ้าง?”
ฉินอีหลินมองเด็กทั้งสองคนที่มองเธออยู่ ยิ้มและพูดว่าลี่โม่อวี่ว่า
“คุณคิดมากเกินไป แค่ร่างกายอ่อนล้า ตอนนั้นปวดหัวก็เลยเป็นลม แต่ว่าหลังจากนั้นก็หลับมาตลอด”
ตอนแรกลี่โม่อวี่ได้ยินหมอบอกว่าวันนี้ถึงจะฟื้น ยังตกใจไปบ้าง หลังจากนั้นถึงรู้ว่า “หลับ” ไม่ใช่” สลบ” ถึงจะวางใจได้ “จาก องค์กร”K”‘เริ่มต้นขึ้น คุณก็ไม่ได้นอนกลับอย่างสบายอีกเลย ยังต้องปวดหัวในทุกๆ วัน เหนื่อยเกินไป ช่วงเวลานี้คุณก็พักผ่อนให้เต็มทีเถอะ”
“ค่ะ โอเค”
ฉินอีหลินก็ไม่เลี่ยง เมื่อก่อนเหนื่อยเพราะงานบริษัทต้องลงมือทำด้วยตนเอง และบวกกับลี่โม่อวี่ที่คอยกดดันเธอเพิ่มไปอีก ถึงได้ยุ่งแบบไม่มีเวลาพัก แต่ตอนนี้หลงเซี่ยวเทียนมาที่กั่งซื่อแล้ว และลี่โม่อวี่ก็ “ไม่กล้า” กดดัน บริษัทหลงกรุ๊ปจำกัด สาขาย่อย ต่ออีก เธอถึงได้พักผ่อนได้เต็มที่
ลูบหัวเด็กทั้งสองคนเบาๆ เธอยิ้มจางๆ มีความสุขแล้วไม่แบ่งปัน นั่นถือว่าเป็นคนโง่ที่แท้จริง
เวลาที่อยู่โรงพยาบาลผ่านไปเร็วมาก ไม่ทันไรก็เกือบหนึ่งเดือนแล้ว
ไม่ต้องกลับมาฉีกอีก ในที่สุดบาดแผลของฉินอีหลินก็หายเกือบปกติแล้ว บวกกับลี่โม่อวี่รักษาความปลอดภัยที่โรงพยาบาลอย่างดี เธอไม่มีโอกาสได้เจอเรื่องกังวลใจอะไร ร่างกายของเธอกลับมาเป็นปกติดี
“ให้คุณลงไปเดินเล่นข้างล่างกับเธอ คุณจะเข็นเก้าอี้อยู่ทำไม? แผลที่ขาของฉันเหลือแค่แผลเป็น เดินได้แล้วค่ะ”
ตอนเช้าฉินอีหลินบอกว่าถ้ามีเวลาว่างให้ลี่โม่อวี่พาเธอออกไปเดินเล่น สุดท้ายเขากลับเข็นเก้าอี้นั่งมา เดือนนี้ มือของลี่โม่อวี่ไม่ไกลไปจากเก้าอี้เข็นเลย
“ที่หน้าอกของเธอมีแผล ขยับมากไปไม่ได้”
ใบหน้าของลี่โม่อวี่เคร่งขรึม ไม่ได้ข่มขู่เลยสักนิด
“นี่คือคำสั่งของหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้!”
ฉินอีหลินเกือบจะเป็นบ้า หลังจากวันนั้นที่เธอฟื้นขึ้นมา หมอบอกลี่โม่อสี่ว่า เธอขยับมากไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ก็เริ่มตั้งแต่ใส่เสื้อผ้ายันกินข้าว แม้แต่เรื่องเล็กๆ ถ้าฉินอีหลินไม่ได้ปฏิเสธเสียงแข็ง จนถึงยอม” ตาย” แม้แต่เธอจะเข้าห้องน้ำเขายังจะไปเป็นเพื่อน
“ยังไงก่อนที่คุณจะเดินได้คล่องแคล่ว คุณก็ต้องเป็นเพื่อนกับเก้าอี้เข็นไปก่อน”
ลี่โม่อวี่พูดถึงตรงนี้ก็ยิ้มไปสักพัก และพูดต่อว่า “ผมก็เป็นเพื่อนกับมันเหมือนกัน”
“เป็นเพื่อนกับใครล่ะ?”
อานหน้าเพิ่งเดินเข้ามาได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของลี่โม่อวี่ ก็ยิ้มและถามขึ้น
“แม่”
ฉินอีหลินเห็นแม่เข้ามา ในที่สุดก็เหมือนได้เจอศาลผู้พิพากษา “ฉันอยากออกไปเดินเล่น เขายังให้ฉันนั่งรถเข็น!”
“เรื่องของพวกแก ฉันไม่สน”
อานหน้าพอใจในการกระทำของลี่โม่อวี่มากๆ ก็ควรจะเป็นแบบนี้ ไม่สามารถตามใจฉินอีหลินได้ทุกเรื่อง ถ้าเธอไม่ได้เข้มแข็งขนาดนี้ แม้แต่บาดแผลฉีกขาดถึงสองครั้ง กระดูกของเธอก็คงจะรับไม่ไหวแล้ว
ยกกล่องข้าวในมือขึ้นมา อานหน้ายิ้ม “ตุ๋นไก่กระดูกดำมาให้ เพิ่มแรงเพิ่มเลือด”
“หือ เด็กสาวฉิน ไม่เจอกันหนึ่งเดือน สีหน้าไม่เลว”
ตอนที่อานหน้ากำลังคุยกับฉินอีหลินอยู่นั้น หยางเฟิงก็เดินเข้ามา
ยังเป็นชุดจงซานที่ยับยู่ยี่ แต่ที่แตกต่างออกไปก็คืออากาศยิ่งเยือกเย็นขึ้น เขาถอดเสื้อเชิ้ตที่ยับยู่นี่ตัวนั้นออก เปลี่ยนเป็นเสื้อขนสัตว์ที่ยังยู่ยี่แทบ
สรุปแล้ว หยางเฟิงให้ความประทับใจกับฉินอีหลินไว้ นอกจาก “ประสาท” ก็คือ “ยับยู่ยี่”
“โอ้ คุณชายลี่ก็อยู่ ผมคิดถึงคุณมากๆ เลยครับ”
ลี่โม่อวี่เห็นท่าทางของหยางเฟิงเปลี่ยนไป ก็ไม่ได้สนใจ หรืออาจเป็นเพราะชินตั้งนานแล้ว
“คุณหยาง”
ลี่โม่อวี่ทักทายเพียงแค่สองคำ คำหลังจากนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว ถ้าหากวันนี้เขาสนใจไอ้นี่ เขาก็จะพูดกับตัวเองได้ทั้งวัน
และ เรื่องนี้ลี่โม่อวี่เคยมีประสบการณ์แบบนั้น
“คุณแม่ คุณพ่อ!”
เมื่อก่อนตอนที่ฉินอีหลินเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก หลงจิ่วเซวียนและหลงหมิงเจ๋อก็แอบให้คนขับรถพาพวกเขามาโรงพยาบาล ตอนนี้ผ่านมานานแล้ว ความกล้าของพวกเขาก็ไม่ได้หายไปไหน
ถึงแม้อานหน้าสั่งให้เด็กทั้งสองคนอยู่บ้าน แต่ว่าหลังจากที่หลงจิ่นเซวียนอออดอ้อน คนขับรถก็ยังคงพาเด็กๆ มาส่ง
“คุณยายไม่ได้ให้พวกเธออยู่บ้านอย่างเชื่อฟังเหรอ?”
อานหน้าเห็นเด็กทั้งสองคนเข้ามา ตั้งใจชักสีหน้าขึ้น ความจริงเธอไม่ได้ไม่ให้เด็กๆ มา เพียงแค่วันนี้ หยางเฟิงก็อยู่ เธอไม่อยากให้เขาเจอกับหลงจิ่นเซวียน
“แต่ว่าจิ่วเซวียนคิดถึงแม่แล้ว”
หลงจิ่นเซวียนหดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของพี่ชาย สีหน้าน้อยใจ
ใบหน้านั้นทำให้ลี่โม่อวี่ใจอ่อน เพียงแค่จำยอมต่อการแสดงของลูกสาว
“เธอคือเสี่ยวจิ่วเซวียนเหรอ”
หบางเฟิงได้ยิน” จิ่นเซวียน” สองคำนี้ ดวงตาก็ค่อยๆ เป็นประกายขึ้นมา
เมื่อก่อนเขาได้รับการช่วยเหลือจากหลงเซี่ยวเทียน จนได้รับข้อมูลของ H1 ตอนนี้เห็นหลงจิ่นเซวียน “หน้าจริง” ยิ่งดีใจกว่าเดิม แต่แกล้งทำเป็นเมตตาและยิ้มอย่างอ่อนโยน “จิ่นเซวียน ออกไปตรวจร่างกายกับคุณปู่ไหม มีเครื่องเล่นสนุกเยอะเลยนะ”
“พี่คะ”
หลงจิ่นเซวียนเห็นคนแปลกหน้าคุยกับตัวเอง ครั้งนี้ก็กลัวจนเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของหลงหมิงเจ๋อจริงๆ
และหลงหมิงเจ๋อเห็นคนตรงหน้าเสื้อผ้ายับยู่ยี่ หนวดเต็มหน้า โดยเฉพาะดวงตาเล็กๆ คู่นั้นที่จ้องน้องสาวเขาอยู่ ท่าทีแบบนี้เหมือนคนร้ายไม่งั้นก็คิดอะไรร้ายๆ
“อุ้มน้องเข้ามาในอ้อมกอด หลงหมิงเจ๋อตะโกนออกมา
“แม่ครับ ต้องโทษคุณปู่ที่มาแย่งน้องสาว!”