บทที่ 232 คุณจะรับมันไหวไหม
“ผมกลับก่อนนะครับ”
“อืม เดินทางปลอดภัยนะคะ”
ฉินอีหลินยิ้มและบอกลาลี่โม่อวี่ ครั้งนี้เขาออกไปกับเธอตั้งนาน บริษัทก็ต้องมีเรื่องอีกเยอะที่ต้องจัดการแน่
“อืม”
ลี่โม่อวี่กอดลาอย่างอาลัยอาวรณ์ สักพักถึงจะปล่อยมือ แต่ยังคงไม่ลุกขึ้น
“คุณรีบไปเถอะ”
ฉินอีหลินถูกอารมณ์เด็กน้อยของเขาทำให้ไม่รู้ว่าจะยิ้มหรือร้องไห้ดี ก็เลยยื่นมือผลักเขาออก แต่ไม่ได้ระวังเลยสะเทือนถึงปากแผล
“ระวังหน่อย เจ็บไหม?”
ลี่โม่อวี่เห็นฉินอี้หลิน จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ตกใจเหมือนมีศัตรูเข้ามา กลัวว่าแผลของเธอจะฉีกออกอีก
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เจ็บ คุณรีบไปเถอะ ดึกมากแล้ว”
ฉินอีหลินเห็นท่าทางผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง ก็พูดเสียงเบาเร่งเขาอีกรอบ
“อืม”
ลี่โม่อวี่ตอบรับ เขายื่นมือออกมาและดึงศีรษะของฉินอีหลินทันที ค่อยๆ ประทับริมฝีปากบนปากบางๆ “ผมไปแล้ว ค่อยมาหาใหม่”
กระทั่งลี่โม่อวี่ หายไปจากสายตาของฉินอีหลินแล้ว เธอถึงเอามือมาลูบริมฝีปาก ยิ้มออกมาอย่างหวานซึ้ง
“เขาไปแล้ว?”
เมื่อหลงเซี่ยวเทียนเดินไปถึงห้องหนังสือ ก็คิดขึ้นได้ว่ามีเอกสารสองฉบับอยู่บนรถ แต่ยังไม่ลงจากตึก เขาก็เห็นว่าล่างตึกไม่มีเงาของลี่โม่อวี่แล้ว
“ค่ะ”
ฉินอีหลินพยักหน้า และถามออกมา “พ่อคะ บอดี้การ์ดสองคนนั้นที่พ่อให้ฉันอยู่ไหนคะ? ฉันยังไม่เคยเจอเลยสักครั้ง”
“พ่อให้พวกเขาไปทำเรื่องอื่นก่อน ไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว”
“ค่ะ”
ฉินอีหลินพยักหน้ารับ แต่กลับยังลังเลคิดอยากจะพูดอะไรต่อ
หลงเซี่ยวหลานเห็นว่าหญิงสาวยังมีอะไรอยากพูด เขาเลยไม่ได้รีบไปเอาเอกสาร นั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก
“พ่อคะ เราโจมตี ตระกูลลี่มากพอแล้วค่ะ จะหยุดได้ไหมคะ?”
ฉินอีหลินคิดไปคิดมา ถึงจะอ้าปากพูด
ตอนที่ฉินอีหลินและหลงเซี่ยวเทียนพูดคุยกันเรื่องนี้ลี่โม่อวี้ กลับเดือดดาลอย่างบ้าคลั่ง
“เห้อห้าว! ฉันมีเรื่องให้แกทำ ดูว่าแกจะกล้าทำไหม!”
ลี่โม่อวี้โกรธจนปัดแก้วชาบนโต๊ะตกลงไปแตก ใบหน้าเย็นชา เขาคิดไม่ถึงว่าเห้อห้าวจะไม่คิดว่าคำพูดของเขาเป็นเรื่องจริง ช่วงนี้เขาพูดดีเกินไปใช่ไหม
“พี่ใหญ่ ขอโทษครับ……ผม…….”
เห้อห้าวอ้ำๆ อึ้งอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ความจริงตอนนี้จะพูดอะไรก็ผิด เขารู้ว่าชิวหันเยียนเป็นพี่สะใภ้ของตระกูลนี้ที่ต้องเก็บไว้ แต่ว่าเขารักเธอมากเกินไปจริงๆ
จากผู้หญิงสองคนที่ต้องเริ่มเป็นแม่บ้านใน ตระกูลลี่ เขาก็สนใจเธอ
เธอชอบตามเงาของพี่ใหญ่ พี่ใหญ่เดินไปไหน เธอก็มองไปที่นั่น เธอชอบทำอาหารที่พี่ใหญ่ชอบด้วยตัวเอง ถ้าหากพี่ใหญ่กินเยอะ เธอก็ดีใจไปตั้งหลายวัน เธอชอบเก็บห้องนอนให้พี่ใหญ่ด้วยตัวเอง จัดเสื้อผ้า จัดการทุกเรื่องของพี่ใหญ่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
สายตาของเธอมีไว้มองพี่ใหญ่แค่คนเดียว กลับไม่เคยใส่ใจเลยว่า ข้างหลังของเธอ ก็มีสายตาหนึ่งคู่จ้องมองเธอมาโดยตลอด
เธอชอบกินเผ็ด แต่พี่ใหญ่ไม่ชอบ เธอก็ไม่กินอาหารที่เผ็ดอีกเลย ถึงแม้เห้อห้าวก็ไม่ชอบกินเผ็ด แต่ว่าเพื่อคู่ควรกับเธอ เขาพยายามกิน ถ้าหากวันหนึ่งพวกเขาได้ไปเดทกันอย่างบริสุทธิ์ใจล่ะ เธอชอบผู้ชายใส่ชุดเล่น แต่ว่าพี่ใหญ่มักจะสวมชุดสูท เธอก็เรียนชุดที่เหมาะกับชุดสูท แต่ว่าเห้อห้าวกลับเริ่มใส่ชุดเล่น ถ้าหากวันหนึ่งเธอมองเขามากกว่านี้ล่ะ
ชิวหันเยียนรักลี่โม่อวี่ มานานแค่ไหน เขาก็รักชิวหันเยียนมานานเท่านั้น ชิงหัวเยียนเปลี่ยนแปลงเพื่อลี่โม่อวี้เท่าไหร่ เขาก็เปลี่ยนแปลงเพื่อชิวหันเยียนเท่านั้น ชิวหันเยียนรักอย่างขมขื่นแค่ไหน เขาก็รักอย่างขมขื่นยิ่งกว่า
เห้อห้าวรู้ว่าชิวหันเยียนจะถูกปล่อยเป็นการส่วนตัว เขาเผชิญหน้ากับพี่ใหญ่ที่โมโหอยู่ แต่ว่าเขาไม่สนใจ ใครให้เขาไปรักเธอล่ะ
“พี่ใหญ่ ขอโทษครับ ผมรู้ว่าชิวหันเยียนคือคนที่พี่สะใภ้จะให้อยู่ต่อ แต่ว่า…..ผมยอมรับโทษทุกอย่าง”
ใบหน้าของเห้อห้าวไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด ชิวหันเยียนสำหรับเขา ก็เหมือนฉินอีหลินสำหรับ ลี่โม่อวี่ เขาจำเป็นต้องปกป้องคนที่เขารัก ต่อให้สายตาของเธอไม่เคยมีเขาเลย
“ถ้าหากมีเรื่องอะไรกับอีหลิน คุณจะรับไหวไหม?”
ลี่โม่อวี่ไม่โกรธแต่กลับยิ้ม ชิวหันเยียนเป็นคนยังไง เห้อห้าวทำไมจะไม่รู้ เขาไม่เข้าใจเลย ทำไมแค่ผู้หญิงคนเดียวทำให้เขาหลงใหลได้ขนาดนี้
“ขอโทษครับ……”
“พอแล้ว! ช่วงนี้แกไม่ต้องไปทำงาน งานในมือก็ส่งให้คนอื่นซะ เรื่องที่สำคัญก็ส่งให้เซียวน่าย คิดดีๆ ว่าเพื่อผู้หญิงคนเดียวมันคุ้มหรือไม่คุ้ม!”
ลี่โม่อวี่ตอนนี้ไม่อยากเห็นลูกน้องคนนี้แล้ว เขากลัวว่าเขาจะทำเรื่องอะไรที่ใจร้อน มองเห้อห้าวเย็นชาสักพัก เขาถึงพูดว่า
“ครับ”
ต่อมา เห้อห้าวไม่มีความเห็นที่แตกต่างออกไปเลย แถมยังดีใจขึ้นเล็กน้อย เขาวางแผนทำเรื่องเลวที่สุดไว้แล้ว แต่ว่าพี่ใหญ่ไม่เพียงให้เขาหยุดงาน และไม่ได้สอบถามเรื่องอื่น
ในใจเห้อห้าวซาบซึ้ง เขาหยักหน้ารับ โค้งตัวเดินถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ถึงได้หันตัวเดินจากไป
หลังจาก ลี่โม่อวี่มองเห็นเห้อห้าวออกไป ในใจก็ไม่เป็นสุข ถ้าหากชิวหัวเยียนกลับมาเป็นอิสระ คนที่จะได้รับการคุกคามคนแรกคือฉินอีหลิน
คิดถึงตรงนี้หลี่โม่อวี่ ก็ขมวดคิ้วขึ้น ก็รีบรับสายของฉินอีหลิน
“ฮัลโหล อีหลอน ชิวหันเยียนไปแล้ว ช่วงนี้จะออกไปไหนระวังหน่อยนะ”
“ไปแล้ว?”
เมื่อกี้ฉินอีหลินคุยกับหลงเซี่ยวเทียนพูดจบ เตรียมตัวจะขึ้นตึก แต่กลับได้รับข้อความ เธอตกใจจนดูอีกรอบ แต่คิดถึงความอบอุ่นให้ชั้นบล็อกวันนั้น เธอก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ควรแปลกใจ แต่ไหนแต่ไรมาวีรบุรุษก็ต้องผ่านด่านสาวงามทั้งนั้น เห้อห้าวปล่อยเธอแล้ว ก็ไม่เสียหน้า”
“อีหลิน……”
ลี่โม่อวี่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรอีก เป็นเขาที่ชะล่าใจ เขารู้อยู่แก่ใจว่าเห้อห้าวคิดยังไงกับชิวหันเยียน แต่กลับให้เขาดูแลผู้หญิงคนนั้น ถ้าหากเขาส่งให้เซียวน่าย หรือว่าคนอื่น บางทีก็อาจจะไม่มีเรื่องที่แก้ยากในตอนนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ วันนั้นเห็นท่าทางของเห้อห้าง ฉันก็รู้ว่ารั้งชิวหันเยียนไม่ได้ เป็นคุณที่ตาบอดเชื่อลูกน้องจนเกินไป”
ยิ้มเล็กๆ สักพัก ฉินอีหลินน้ำเสียงก็ผ่อนคลายลง และพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ ฉันจะระวังค่ะ”
แต่ว่าหลังจากวางสายโทรศัพท์ ฉินอีหลอนกลับถอนหายใจอย่างอึดอัด ตอนนี้ความรู้สึกของเธอไม่มีความรู้สึกดีเลยสักนิด
เรื่องไฟไหม้โรงพยาบาล องค์กร “K” ก็ได้รับข่าวสารแล้ว เธอไม่ได้ถูกคลอกตาย งั้นพวกเขาก็คงลงมือต่อแน่ แต่ชิวหันเยียนกลับใช้เวลาช่วงนี้หลบหนีไป สนับสนุน องค์กร “K” อย่างเต็มที่
เนื่องจากความแค้นของพวกเขาในอดีต บอกกับครั้งที่แล้วเธอทำให้ชอวหันเยียนเสียหน้าอย่างมาก ถ้าหากเธอยังเก็บไว้ในใจ ก็คงไม่ใช่ชิวหันเยียนที่เธอรู้จักแล้วล่ะ
จู่ๆ ฉินอีหลินก็รู้สึกปวดหัวมากๆ ลูกตาค่อยๆ ปิดลง มันเป็นคลื่นแห่งความไม่สงบที่เกิดขึ้นอีกระลอกหนึ่ง