บทที่ 261 ไม่รู้ว่าคุณกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่
ซือหั้วเป็นคนสนิทของซือหลิวชื่อ นับว่าเป็นคนใช้ระดับหัวหน้าของพระราชวังซือ ความคิดนั้นรอบคอบกว่าใคร เธอได้ยินน้ำเสียงของฉินอีหลินที่ไม่พอใจการจัดการของเจ้านายตัวเอง แต่กลับไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา
“คุณผู้หญิงได้มอบครัวให้คุณนายน้อยทำโจ๊ก และก็อาหารเรียกน้ำย่อยเล็กน้อย นอกจากนี้ยังอุ่นรังนกให้คุณนายเล็กไว้หนึ่งถ้วย เวลาไหนที่คุณนายเล็กอยากจะดื่ม ก็ใช้ให้ซือฉีไปเอาก็พอ”
ซือหั้วเห็นคุณผู้ชายตัวเองคิ้วขมวด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จึงพูดว่า เธอรู้ดีว่าเวลาไหนควรจะพูด เวลาไหนควรจะหุบปาก บทพูดไหนที่ฟังได้ บทสนทนาอะไรที่ควรเลือกจะลืม
ไม่อย่างนั้นเธอไม่ได้ไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าของคนรับใช้ในวัยเพียงแค่ 20ปี
“พวกเธอออกไปเถอะ”
ซือเซี่ยโบกมือ ส่งสัญญาณให้ทั้งสองคนออกไป แล้วจึงพูดกับฉินอีหลินว่า พ่อของฉันเห็นด้วยที่จะให้เราทั้งสองคนออกไปแล้ว
“ไปช่วยลี่โม่อวี่หรือ”
ฉินอีหลินเมื่อได้ยินซือเทียนกังให้ตนเองออกไป ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย รีบเอ่ยปากถามว่า
แต่ว่าซือเซี่ยไม่ได้ตอบเขาตรง ๆ เขาเพียงยกถ้วยโจ๊กตรงหน้าขึ้น พูดว่า “ไม่ว่าจะยังไง ตอนนี้เธอก็เป็นคุณนายน้อยของบ้านตระกูลซือ ออกไปข้างนอกก็จะทำเรื่องให้เสียหน้าแก่ ตระกูลซือ ไม่ได้ แม้ว่าจะออกไปเดทกับชู้รักเธอก็ต้องไม่ทำให้ฉันจับได้ ตระกูลซือไม่สามารถรับความอับอายแบบนี้ได้”
ฉินอีหลินเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่า ที่แท้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ายินยอมให้ตัวเองแต่งกับเขา เพื่อที่จะสามารถออกไปได้
คิดถึงตรงนี้ ฉินอีหลินก็ยกถ้วยโจ๊กขึ้นมาดื่มอย่างมีความสุข และเดี๋ยวก็ยังมีซุบรังนกอีก ชีวิตดีจริง ๆ
ผ่านไปหนึ่งวัน ฉินอีหลินก็ฟื้นฟูกำลังกลับมาบ้าง ซือเซี่ยพาเธอเดินออกไปทางภูเขาด้านหลัง
เธอตื่นตาตื่นใจตลอดทางที่ไป ยิ่งเดินไปไกล คนยิ่งน้อย สิ่งก็สร้างก็ยิ่งทันสมัย จนสุดท้ายพวกเขาเดินมาถึงพื้นที่โล่งกว้าง จู่ ๆ ก็มีเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่ตรงนั้น
“ไม่เลวนี่ ฉันคิดว่าชีวิตนี้เธอคงจะไม่ใช้ยานพาหนะที่ทันสมัยเสียแล้ว”
ซือเซี่ย ไม่ได้ตอบกลับอะไร ก้าวขากำลังจะเข้าไปด้านใน
“รอเดี๋ยว ชุดของเราทั้งคู่คงไม่เหมาะหรือเปล่า……”
ซือเซี่ย พูดเรียบเฉยและชายตามองไปที่ฉินอีหลิน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ก็ก้าวขึ้นเครื่องไป
ฉินอีหลินเห็นว่าไม่มีใครเตรียมชุดที่เหมาะสมให้ทั้งสองคน แต่ซือเซี่ยกลับขึ้นไปแล้ว จึงได้ขึ้นตามไปบนเฮลิคอปเตอร์
เอ๋ รอบนี้ไม่ได้ทะลุมิติ แต่ตรงข้ามกันเลย……
“วงศ์ตระกูลที่ตัดขาดกับโลกภายนอกแบบพวกคุณนั้นเรื่องมาก ตอนนี้เทคโนโลยีทันสมัยก็ไม่ใช่ ไม่มีทีวี ไม่มีคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ทำไมถึงคิดถึงเครื่องบินแล้วล่ะ”
เธอเลือกที่ที่อยู่ห่างไกล ซือเซี่ย ไปพอสมควร จากพูดกันเสร็จแล้ว ก็หลับตางีบสักพัก
สามารถเจอลี่โม่อวี่แล้ว
เธอคิดถึงเสน่ห์ของเขาในวันนั้น แม้ว่าเขาจะถูกปืนมากมายเล็งมา ก็ยังทำหน้าไม่สะทกสะท้าน ความคิดในใจนั้นแทบอยากจะกลืนกินเธอลงไป แม้ว่าจะไม่ได้ไปมานานมากขนาดไหน แต่สำหรับฉินอีหลินแล้ว เธออดทนกับความทรมานจากความคิดถึงไม่ไหวแล้ว
โดยเฉพาะการกักขังลี่โม่อวี่ที่ต้องทุกข์ทรมาน แต่เธอกลับอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของคนอื่น
ไม่ถึงสองชั่วโมง พวกเขาก็ลงจอดในสนามใหญ่กลางสวน
เธอลงมาก่อน แต่กลับไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
“ซือเซี่ย ที่นี่ที่ไหน”
“ที่นี่คือ เมืองตี้ตู”
ซือเซี่ยลงจากเครื่องก็เดินตรงไปข้างใน ตอนนี้ที่พวกรับใช้ที่เฝ้าอยู่ข้าง ๆ สาวใช้ต่าง ๆ ก็รีบกล่าวทักทาย
“มาทำอะไรที่ เมืองตี้ตู”
ฉินอีหลินที่เห็นจนชิน ก็เดินตามติด ซือเซี่ย กลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไว้
“คนที่เธอจะช่วยอยู่ข้างใน”
ปกติซือเซี่ยเป็นคนพูดคุยช่างปราศรัย แต่ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงไม่อยากพูดคุยกับฉินอีหลินมากนัก
ฉินอีหลินเป็นผู้หญิงที่มีเสหน่มากคนหนึ่ง แต่ ซือเซี่ยรู้ดีว่า เธอไม่มีวันเป็นของเขาได้ เขาจึงเลือกที่จะตัดไฟแต่ต้นลม
“ฉันได้ให้ลูกน้องซื้อโทรศัพท์ไว้ให้เธอแล้ว สักครู่ก็กลับมาแล้ว เธอกลับไปพักที่ห้องก่อนเถอะ”
“ค่ะ”
ฉินอีหลินก็ไม่ได้ตามติดงอแง รู้ว่าสามารถติดต่อโลกภายนอกได้ เธอจึงเดินตามคนรับใช้ไปที่ห้องพักแต่โดยดี
ห้องไม่ได้ใหญ่ แต่ก็ไม่เล็ก ภายในห้องตกแต่งแนวย้อนยุค แต่ไม่ได้วิจิตรปราณีตเท่าที่บ้าน ที่นี่เหมือนสตูดิถ่ายทำที่รีบสร้างขึ้นมา หรือว่าที่นี่พวกเขาก็ไม่ค่อยได้มาบ่อย ๆ
ฉินอีหลินเพิ่งจะนั่งลงไม่นาน ก็มีสาวรับใช้ส่งโทรศัพท์เข้ามาให้เธออย่างนอบน้อม “คุณนายน้อย ซิมโทรศัพท์ได้ใส่ให้เรียบร้อยแล้ว สามารถใช้งานได้เลย”
เธอรับโทรศัพท์มา ยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณ”
สาวใช้ท่าทีตกใจถอยออกมา แล้วก็หันหลังเดินออกไป
ในหัวมีภาพใบหน้าของลี่โม่อวี่ แววตาของฉินอีหลินนั้นหนักแน่นขึ้นมา
“คุณลุงลี่ ได้ข่าวว่าลี่โม่อวี่ถูกขังที่ เมืองตี้ตูใช่ไหมคะ”
อีหลินหรือ เขาอยู่
ลี่อานโก๋คิดไม่ถึงว่าฉินอีหลินจะโทรศัพท์หาเขา รู้สึกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนนั้นเขาคิดว่าเด็กคนนี้เอา
ลี่โม่อวี่อยู่หมัด และจิตใจก็งดงาม แต่ตอนนี้เขาพบว่า ความผูกพันของเธอกับลูกชายแบบเพื่อนก็มีมากเช่นกัน
ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ เธอคงไม่โทรหาเขาเพื่อสอบถามทุกข์สุขของลี่โม่อวี่ เพราะยังไงตอนนี้ เขาก็เหมือนยาเสพติด ที่ใคร ๆ ก็กลัว ถ้าไม่ระวังก็อาจพลาดท่าไปตลอดชีวิต
“แล้ว ฉันไปเยี่ยมเขาได้ไหมคะ”
ฉินอีหลินถามอย่างระมัดระวัง กลัวว่าลี่อานโก๋จะไม่อนุญาต เธอคิดถึงเขามากจริง ๆ เป็นห่วงว่าเขาจะได้รับอันตราย
“แม้แต่ฉันยังไม่ได้เจอเขาเลย”
ลี่อานโก๋ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ แล้วจึงถามว่า: “พวกเธอไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า หลายวันนี้ฉันได้ไปหาเพื่อนเก่าแก่หลายคน แต่พวกเขาแต่ละคนต่างก็หวาดกลัว ตอนนี้แม้แต่ท่านปู่เองก็ยังหมดหนทาง อีหลิน บอกผมมาตามตรง เขาไปทำอะไรมา”
“ฉันเองก็ไม่รู้ แค่คืนเดียวทุกอย่างก็กลายเป็นแบบนี้”
ฉินอีหลินพูดไปครึ่งหนึ่ง และเก็บไว้อีกครึ่ง จริงที่เขาถูกทำร้ายจนหมดสภาพแบบนี้ภายในคืนเดียว แต่เธอรู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร
ไม่ต้องคิดอะไรมากเธอก็รู้ เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของ วงศ์ตระกูลที่ตัดขาดกับโลกภายนอก แน่ ๆ
“คุณลุงลี่ หนูยังมีธุระอีกนิดหน่อย ขอวางสายก่อนนะคะ”
ตอนนี้ฉินอีหลินไม่อยากจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เธอแค่อยากหาโอกาสที่จะช่วยลี่โม่อวี่เท่านั้น ไม่อย่างนั้นสองวันที่ผ่านมาที่เธอต้องทุกข์ทรมานก็เท่ากับสูญเปล่า
วางสายแล้ว ฉินอีหลินก็วิ่งตึง ๆ ไปจนสุดระเบียง–ห้องของซือเซี่ย
“ซือเซี่ย ฉันจะไปพบ ลี่โม่อวี่ ตอนนี้ได้ไหม”
ฉินอีหลินไม่ได้เคาะประตูก็เปิดเข้าไปเลย ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพของชายที่กำลังเปลือยกายอยู่ ดีที่ ซือเซี่ย ไว แค่พริบตาก็ใส่เสื้อผ้าแล้ว
ซือเซี่ยคิ้วขมวดมองฉินอีหลินที่อยู่หน้าประตู “เป็นคุณนายน้อยของตระกูลซือ แม้แต่มารยาทการเคาะประตูก็ทำไม่เป็นหรือ”
แม้ว่าการกระทำของซือเซี่ยเมื่อสักครู่จะรวดเร็วมาก แต่สิ่งที่ฉินอีหลินไม่ควรมองก็มองไปแล้ว ตอนนี้หน้าก็เริ่มแดง เพราะว่าเธอวู่วามเอง “ขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ฉันแค่อยากจะถามว่าฉันไปพบลี่โม่อวี่ได้ไหม?”
ซือเซี่ยมองไปที่ฉินอีหลิน แล้วก็เริ่มจัดระเบียบเสื้อผ้า “คุณไปพักผ่อนก่อน ผมจะจัดการให้ แต่ว่า ถึงแม้ว่าคุณจะไปพบคนรักเก่า ก็ต้องระวังภาพลักษณ์ของตระกูลซือ อย่าลืมสถานะตอนนี้ของตัวเอง!”