ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 239

ตอนที่ 239

บทที่ 239 ความรักทำให้กลายเป็นคนโง่

“เฮ้อ……”

ถึงแม้ฉินอีหลินจะถูกแยกจากคนอื่นได้ทันเวลา แต่ว่าบาดแผลยังถูกกระแทกไม่หยุด

เธอรู้สึกอย่างชัดเจนว่าบาดแผลกำลังฉีกออก เลือดสีแดงสดกำลังไหลออกมา เปียกไปถึงเสื้อผ้า

เจ็บ นี่คือความรู้สึกที่ฉินอีหลินมีในตอนนี้

“แม่คะ แม่ครับ!”

ตอนนี้ลี่โม่อวี่พาเด็กทั้งสองคนลงจากชิงช้าสวรรค์และพากันวิ่งเข้ามา หลงจิ่นเซวียนได้ยินเสียงปืน จู่ๆ ก็คิดถึงตอนที่อยู่ใน องค์กร”K” ในมือของคนคนนั้นก็ถือปืนอยู่ และวันนั้นที่พวกเขาออกมา ก็เกิดการปะทะกันขึ้น

ชีวิตไม่ใช่ละคร เสียงปืนทุกนัดหมายถึงความตาย ถึงแม้หลงจิ่นเซวียนยังเด็ก และไม่รู้การตายที่แท้คืออะไร แต่ว่าเธอยังคงหวาดกลัว นั่นคือความรู้สึกส่วนลึกของจิตวิญญาณ

“แม่ครับ แม่เป็นอะไรไป?”

หลงหมิงเจ๋อก็กลัวเหมือนกัน แต่ว่าเขากลับละเอียดกว่าน้องสาวเขาเห็น ใบหน้าของฉินอีหลินซีดขาวจนน่ากลัว กว่าความกลัวของเขา เขายิ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของแม่มากขึ้น

“แม่ไม่เป็นอะไร”

ตอนนี้ฉินอีหลินเจ็บจนอยากร้องไห้ แต่ว่าเธอกลับทำไม่ได้ ตอนนี้ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ว่าเป็นแม่มากกว่า เธอไม่ควรเพราะว่าตัวเอง และทำให้เด็กๆ หวาดกลัว

“สักพักก็กลับบ้านแล้วหมิงเจ๋อจิ่วเซวียนไม่ต้องกลัว แม่กับพ่อก็อยู่”

ฉินอีหลินลงไปคุกเข่าบนพื้น เธอเอามือไปจับหัวของเด็กทั้งคู่ และปลอบโยนเบาๆ

ลี่โม่อวี่เห็นมานานแล้วว่าฉินอีหลินผิดปกติ แต่ว่าตอนนี้เด็กทั้งสองคนเข้าไปล้อมอยู่ และผู้ชายคนนั้นก็ต้องการเขาไปตัดการ ก็เลยไม่ได้ไปดูเธอ

แต่ว่าหลังจากที่เขามองผู้ชายคนนั้นดีๆ เขาก็รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร และยืนขึ้นเดินไปอยู่ข้างๆ ฉินอีหลิน

ลี่โม่อวี่ไม่ได้ถามว่า” ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง” “คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” คำถามไร้สาระพวกนี้ คนโง่ยังรู้ว่าตอนนี้ฉินอีหลินเจ็บปวดทรมาน และคนโง่ก็รู้อีกว่าผู้หญิงคนนี้ต้องตอบว่า “ฉันสบายดี” “ฉันไม่เป็นอะไร” คำไร้สาระพวกนี้

หลังจากที่ลี่โม่อวี่รู้จักฉินอีหลิน เขาก็รู้สึกว่าเขากลายเป็นคนโง่ดังนั้นเขาถึงรู้

ถึงแม้ลี่โม่อวี่ไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าสายตาของเขาก็กังวลไม่หยุด แต่ว่าเขาก็เกรงว่าเด็กทั้งองคนจะกลัว เขาทำได้แค่กำหมัดไว้แน่น และจ้องมองฉินอีหลิน ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

เขากลัวว่า น้ำเสียงของเขาจะสั่น จนทำให้เด็กๆ ตกใจ

ฉินอีหลินมองลี่โม่อวี่อย่างอบอุ่น ถึงแม้สีหน้าของเธอจะซีดขาว แต่ว่ายังคงยิ้มต่อ เพียงรอยยิ้มนั้นยิ่งนานยิ่งจางลง ยิ่งนานยิ่งหย่อนลง ยิ่งนานยิ่งเล็กลง

ตอนที่ลี่โม่อวี่เกือบจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่อยู่นั้น ฉินอีหลินก็หลับตาลงช้าๆ ในสมองสับสนวุ่นวาย

ความทรงจำสุดท้ายของเธอ ก็คืออ้อมกอดที่มั่นคงและกลิ่นกายที่คุ้นเคย

ลี่โม่อวี่ ฉันอยู่จนกว่าคุณจะมาและพาฉันกลับบ้าน

รอฉินอีหลินได้สติกลับมาอีกครั้ง เธอก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล และเด็กทั้งสองคนก็นั่งอยู่ข้างๆ อย่างเชื่อฟัง

หลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนดวงตาของทั้งสองคนบวมอยู่ ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ร้องไห้แค่ครั้งเดียว

“แม่ แม่ ในที่สุดแม่ก็ตื่นแล้ว!”

หลงจิ่นเซวียนดีใจจนพุ่งขึ้นมา แต่กลับถูกหลงหมิงเจ๋อดึงเอาไว้

“คุณลุงหมอบอกว่า ตอนนี้แม่อ่อนแอ พวกเราไม่ควรไปโดนแม่”

“อ๋อ”

หลงจิ่นเซวียนรับปากอย่างจนใจ และมองแม่ด้วยความสงสาร สีหน้าอยากกอดแต่ก็ไม่ได้กอดแม่

“แม่นอนไปนานแค่ไหนแล้ว”

ฉินอีหลินอยากเงยหน้านวดขมับ แต่ว่า พอเธอใช้แรงแค่นิดเดียว ถึงแต่แขนก็ยังยกขึ้นมาไม่สุด หน้าอกก็เจ็บแปลบขึ้นมา

“แม่นอนไปสองวันแล้ว คุณยายบอกว่าวันนี้แม่ก็ตื่นได้ ทำผมและจิ่วเซวียนมาอยู่เป็นเพื่อน”

หลงหมิงเจ๋อยังคงดึงหลงจิ่นเซวียนไว้แน่น กลัวว่าถ้าไม่ระวัง น้องสาวก็จะพุ่งเข้าไปอีก ทำให้บาดแผลของฉินอีหลินฉีกเป็นครั้งที่สาม

“สองวัน?”

ฉินอีหลินอึ้งไปนิดนึง เธอคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ตัวเองจะหลับไปนานขนาดนี้

มองไปรอบๆ เธอเห็นกล่องข้าวที่ยังกืนไม่หมดกนึ่งกล่อง และเด็กทั้งสองคนกินอันนี้ไม่ได้ อานหน้าและหลงเซี่ยวเทียนก็คงไม่กินข้าวทีืนี่ เธอไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ข้าวกล่องนี้เป็นของใคร

จะพูดว่าไม่ซึ้งใจ ก็คงเสแสร้ง

เธอเพิ่งคิดว่าจะถามเด็กว่าลี่โม่อวี่อยู่ไหน กลับได้ยินเสียงปู้ชายดังมาจากด้านนอก

ฉินอีหลินเลิกคิ้วขึ้น ตอนที่เธอจะให้หลงหมิงเจ๋อไปดู ประตูก็ถูกผลักออก

เห้อห้าวผลักประตูเข้าไป ก้มหน้าเดินมาถึงเตียงของฉินอีหลินและคำนับหนึ่งที “พี่สะใภ้ ผมผิดไปแล้ว”

ฉินอีหลินเห็นว่ามีคนเข้ามา ก็ตกใจไม่น้อย รอเขาเดินเข้ามา เธอถึงรู้ว่าคนที่จมูกซ้ำใบหน้าบวมแดงคือเห้อห้าว

ฉินอีหลินเลิกคิ้วขึ้น ไม่ตอบอะไรเพียงแค่ตั้งใจพินิจพิเคราะห์ใบหน้าที่บวมของเห้อห้าวจนมองไม่ออกว่าเป็น “ใบหน้า” ของคน

“พี่สะใภ้ ผมผิดไปแล้ว”

เห้อห้าวเห็นฉินอีหลินไม่พูดอะไร ยังคงไม่กล้าเงยหน้า แต่ว่าตอนนี้เขาโค้งคำนับอยู่ เพียงแค่เขาลืมตาขึ้นก็เห็นสายตาที่หยอกล้อของฉินอีหลิน

ความจริงเขาซายซึ้งใจมาก ถ้าหากเขานี้เขาไม่ละเลย ฉินอีหลินก็คงไม่ได้รับอันตราย

“พอเถอะ รีบลุกขึ้นมา”

ฉินอีหลินเงยหน้าขึ้นมาเห็นลี่โม่อวี่เดินตามเข้ามา เขามองเห้อห้าวนิ่งๆ นั่งลงข้างๆ ทันทีและไม่พูดอะไร

เธอเห็นพี่น้องทั้งสองคนทะเลาะกันจนกลายเป็นแบบนี้ในใจก็อดไม่อยู่ ห้าปีก่อนเธอรู้ว่าเห้อห้าวและลี่โม่อวี่มีความสัมพันธ์อะไรกัน เขาและเซียวน่ายไม่เหลือกัน เซียวน่ายเป็นเพียงลูกน้องของลี่โม่อวี่ แต่ว่าเห้อห้าวเป็นน้องชายของเขา

ฉินอีหลินไม่ใช่ผู้ชาย เขาไม่รู้ว่า” พี่น้อง” คำนี้สำคัญแค่ไหน แต่ว่าเธอรู้ดีว่า ลี่โม่อวี่ห่างเขาไม่ได้

“พี่ใหญ่ของนายไม่ได้ช่วยฉันแก้แค้นแล้วเหรอ พอแล้ว ถือว่าหายกันแล้วกัน”

ฉินอีหลินเห็นบรรยากาศไม่ดี ก็หันไปบุ้ยปาก หยอกล้อเขา

แต่ว่าลี่โม่อวี่และฉินอีหลินคุยกันได้ ในใจของเห้อห้าวกลับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

คนที่ตายไปเป็นลูกน้องของชิงหันเยียน ครั้งนี้พวกเขาสงสัยเธอ

ถ้าหากวันนี้ฉินอีหลินเกิดเรื่องอะไรขึ้น งั้นโทษของเขาก็จะหนัขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไม่ใช่เพราะเป็นพี่น้องกับลี่โม่อวี่มานาน เขาก็คงไปเที่ยวเตร็ดเตร่ดื่มน้ำสูบบุหรี่หาสาวแล้ว และก็คงไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร

คนกำลังสะบักสะบอม ไม่เห็นเลือกก็ไม่ถือว่าโดนตี ยังดีที่ลี่โม่อวี่ไม่ได้ลงมือหนัก

“พี่สะใภ้ ถ้าผมไม่ได้ปล่อยชิวหันเยียนไป พี่คงไม่เป็นแบบนี้”

ฉินอีหลินได้ยินก็ยิ้มออกมาและหันหน้ามองลี่โม่อวี่ทันที

คิดถึงความทุ่มเทของผู้ชายคนนี้ แววตาของเธอก็อบอุ่นขึ้น แม้แต่น้ำเสียงก็ยังอบอุ่น

“ฉันเข้าใจ ความรักทำให้กลายเป็นคนโง่ คนที่เสียสติไปไม่ได้มีแค่นายคนเดียว”

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท