ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 260

ตอนที่ 260

บทที่ 260 เซ็นสัญญาผูกมัด

หลังจากที่ ซือเซี่ย เปลี่ยนเสื้อ และหวีผมเสร็จก็เดินกลับเข้าห้องนอน

ตอนที่เขาสบสายตากับฉินอีหลินนั้น ฉินอีหลินแอบสังเกตเห็นสายตาตกตะลึงในดวงตาของเขา

ซือเซี่ย แทบไม่ปกปิดสายตาชื่นชมเลย

เขามองประเมินผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าอย่างละเอียด

ฉินอีหลินสวมชุดโบราณสีฟ้าครามพอดีตัวจนเผยสรีระที่อ่อนช้อย โดยบริเวณตรงเอวปักลายดอกโบตั๋นขนาดใหญ่อย่างละเมียดละไมลากยาวคดเคี้ยวจนถึงปลายประโปรง ซึ่งตัดกับสว่างของชุดขับความเด่นสง่าออกมาอย่างงดงาม

เมื่อเหลือบมองก็พบว่า เส้นผมของฉินอีหลินไม่ได้ปล่อยพาดบนไหล่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และไม่ปล่อยผมตามอำเภอใจด้วย แต่มวยผมเก็บแบบโบราณอย่างประณีต พร้อมเผยหน้าผากเต็มและเปล่งประกาย ทั้งยังเผยสายตาเป็นประกายด้วย

เมื่อก่อนลี่โม่อวี่ก็หลงเสน่ห์เพราะดวงตาคู่นี้ ในตอนนี้ ซือเซี่ย ก็จ้องมองดวงตาน่าหลงใหลคู่นี้ชั่วพริบตาเหมือนกัน ขณะที่จ้องมอง เหมือนกับเขาถูกดึงดูดเข้าไปจนไม่สามารถหาทางออกเจอ

“ไปเมื่อไหร่?”

เมื่อฉินอีหลินเห็น ซือเซี่ย มีท่าทางผิดปกติก็รีบอ้าปากซักถามขึ้น

“ตอนนี้เลย”

ซือเซี่ย กระแอมเล็กน้อยเพื่อปกปิดความเก้อเขินของตัวเอง สมควรตาย ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นสาวงามมากก่อน วันนี้เป็นอะไรไป

ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเก้อเขิน เขาหันหลังเดินออกจากห้องก่อน

“พอเถอะๆ รีบลุกขึ้นมาเถอะ”

เมื่อ ซือหลิว เห็นลูกชายของตัวเองในที่สุดแต่งงานสักทีก็ตื้นตันใจจนน้ำตาซึม ส่วนหัวหน้าตระกูลซือ ซือเทียนกัง เผยเพียงสีหน้าปลื้มอกปลื้มใจ

ซือเทียนกัง วางถ้วยชาในมือลง พร้อมพยักหน้าอย่างไม่หยุด

“เจ้าเพิ่งแต่งงานอาจจะไม่ค่อยชินกับสภาพแวดล้อมที่นี่ หากมีอะไรไม่สบายใจสามารถให้ ซือฉี บอกข้าได้ เจ้าเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเซี่ยเอ๋อ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นคนในครอบครัวเจ้าเหมือนกัน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซือหลิว เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก เธอเช็ดน้ำตา ยิ้มและพูดว่า : “ข้าลืมไปเลยว่า เจ้าแต่งงานกับตระกูลของเราคงไม่มีสาวใช้อยู่เป็นเพื่อน เดียวข้าจะช่วยเจ้าเลือกสาวใช้ที่มีไหวพริบส่งให้กับเจ้า เจ้าสามารถเลือกสักคนจากในนี้เพื่อเป็นเพื่อนรับใช้โดยเฉพาะ ส่วนที่เหลือเอาไว้ใช้งาน”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูคงไม่ต้องใช้คนเยอะขนาดนั้นหรอก”

ในตอนนี้ฉินอีหลินรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ว่าท่านทั้งสองคนไม่ได้แสแสร้ง แต่ยินดีกับผู้ชายของตัวเองจริงๆ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ทำให้เธอรู้สึกประทับใจมาก

จู่ๆเธอก็นึกตอนแต่งงานกับลี่โม่อวี่ในตอนนั้น

เพียงทะเบียนสมรสใบเดียว และใบสัญญาแต่งงานผูกมัดใบหนึ่งด้วย ใครจะไปรู้ว่า ต่อให้เป็นแบบนี้พวกเขาทั้งสองคนก็ยังคบกัน

เมื่อนึกถึงลี่โม่อวี่ ฉินอีหลินก็เผยสายตาอ่อนโยนขึ้นมา พร้อมยิ้มมุมปากเล็กน้อยอัตโนมัติ

ซือหลิว ไม่รู้ว่าฉินอีหลินกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเธอเห็นฉินอีหลินเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น ก็นึกว่าเธอเริ่มสามารถปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของตระกูลซือ ได้แล้ว และพร้อมเตรียมตัวเป็นสะใภ้ของตระกูลซือ แต่โดยดี

เมื่อคิดแบบนี้ ซือหลิว ก็ยิ่งน้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความปิติยินดี

“กำไลหยกที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลซือ ชิ้นนี้ ข้าคงต้องมอบให้กับเจ้าแล้วล่ะ”

ซือหลิว ดึงกำไลหยกบนข้อมือออก โดยเผยสายตาเสียดายเล็กน้อย ในตอนนั้นเธอคุกเข่าอยู่ตรงนี้ พร้อมน้อมรับการตักเตือนจากแม่สามีของตัวเอง ขณะเดียวกันก็ได้รับกำไลหยกชิ้นหนึ่ง ซึ่งขณะที่กระพริบตานั้น เธอก็ได้เป็นภรรยาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว

“ของขวัญชิ้นนี้มีความสำคัญมาก ฉันไม่สามารถรับได้ค่ะ”

ฉินอีหลินขมวดคิ้ว เธอไม่ใช่ภรรยาของ ซือเซี่ย ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถรับของมีค่าขนาดนี้ได้ โดยเฉพาะสิ่งของที่ยืนยันฐานะ

เธอครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจพูดถึงอดีตของตัวเอง เธอรู้ว่าผู้ใหญ่สองท่านนี้รัก ซือเซี่ย เธอเลยไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวัง

“คือฉัน…”

“พวกข้ารู้ถึงอดีตของเจ้าแล้ว แต่พวกข้าไม่ถือสา ขอเพียงเจ้ารักเซี่ยเอ๋อ ด้วยความจริงใจ และคำนึงทุกอย่างเพื่อตระกูลซือ ก็เพียงพอแล้ว”

เมื่อ ซือเทียนกัง เห็นฉินอีหลินจะพูดก็เอ่ยปากพูดขึ้นก่อน

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินอีหลินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เธอไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่สองท่านที่อยู่เบื้องหน้านี้รู้มากแค่ไหน หรือว่าแม้แต่เรื่องการมีตัวตนของหลงหมิงเจ๋อกับหลงจิ๋นเซวียน พวกเขาก็รู้เหมือนกัน?

เหมือนกับ ซือเทียนกัง อ่านความคิดของผู้หญิงเบื้องหน้าออก เขาพยายามเผยรอยยิ้มมีเมตตาออกมา : “เด็กสองคนนั้นของเจ้าน่าเอ็นดู ข้าไม่ถือสาหากจะรับมาเลี้ยง แต่ต้องใช้แซ่ซือ ไม่ว่าพวกเขาเป็นลูกของเจ้ากับใคร หากเข้ามาในบ้านตระกูลซือ ก็ต้องใช้แซ่ซือ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินอีหลินถึงกับตกใจช็อก มีผู้ใหญ่ที่เข้มงวดและพูดตรงไปตรงมาแบบนี้ด้วยหรอ?

ไม่ใช่ว่าพวกเขาใช้ชีวิตอย่างคนโบราณหรอกหรอ ทำไมถึงมีความคิดใจกว้างแบบนี้?

ฉินอีหลินพูดอะไรไม่ออก นอกจากจ้องมองผู้ใหญ่ทั้งสองคนอย่างใจลอย โดยไม่พูดอะไรเลย

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกกับ อีอี ขอตัวกลับก่อน”

เมื่อ ซือเซี่ย เห็นฉินอีหลินอยากพูดบางอย่าง ก็คว้ามือจับผู้หญิงแล้วดึงตัวให้ลุกขึ้น ขณะเดียวกันก็ก้มโค้งคำนับต่อพ่อแม่ และพูดขึ้น

“ก็ดีเหมือนกัน พวกเจ้ากลับไปก่อน”

เมื่อ ซือหลิว เห็นสามีของตัวเองไม่พูดอะไรก็ยิ้ม และให้ ซือเซี่ย พาฉินอีหลินกลับไป ช่างเป็นเด็กดี แต่งงานได้ไม่นานก็รู้จักเอ็นดูภรรยา

“ทำไมคุณต้องขว้างฉันด้วย! ที่ฉันมาที่ตระกูลซือ ก็เพราะต้องการคุยเรื่องสำคัญกับพ่อของคุณ แต่คุณขว้างฉันทำไมกัน? หรือว่าคุณกับชนกลุ่มน้อยเหล่านั้นเป็นพวกเดียวกัน?”

สุดท้ายฉินอีหลินก็ไม่มีโอกาสพูดคุยกับ ซือเทียนกัง ด้วยเหตุนี้เธอเลยรู้สึกโมโหมาก

“ถ้าหากผมเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขา คุณจะมีชีวิตถึงตอนนี้หรอ?”

ซือเซี่ย จ้องมองฉินอีหลินด้วยสายตาไร้เดียงสา จากนั้นก็ตะโกนเรียก ซือฉี ว่า : “ไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าว่า ข้ากับท่านหญิงกำลังกินข้าวในห้อง ไม่ไปกินกับพวกท่าน แล้วเจ้าสั่งให้ทางครัวทำโจ๊กรสชาติอ่อนๆส่งมาที่นี่ด้วย”

“เพคะ”

ซือฉี ก้มโค้งคำนับแล้วเดินออกไป

“ซือเซี่ย สาวใช้ทั้งหมดของพวกคุณเคยออกไปข้างนอกหรือยัง? พวกเธอเซ็นสัญญาผูกมัดกับพวกคุณถาวร หรือว่าชั่วคราวหรอ?”

เมื่อฉินอีหลินเห็น ซือฉี สำรวมมารยาท จู่ๆก็เกิดความสงสัย เธอนั่งบนม้านั่ง พร้อมเผยสีหน้าสงสัยขึ้น

“ยังไม่ได้กินข้าวทั้งวัน แต่คุณดูกระปรี้กระเปร่าไม่น้อยเลย เป็นผู้หญิงแกร่งจริงๆ”

ซือเซี่ย รู้สึกแปลกใจต่อสภาพร่างกายของฉินอีหลิน คิดไม่ถึงว่าผลการทดลองของ H1 ถูกเปลี่ยนแปลงมากถึงขนาดนี้

“ฉันหิวจนไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว ตอนนี้หิวจนไม่รู้สึกหิวแล้ว”

ฉินอีหลินโบกมืออย่างไม่สนใจ แต่ยังคงเผยสีหน้าสงสัย

“พวกเจ้า….” ซือเซี่ย พูดถึงตรงนี้ก็ตั้งใจหยุดนิ่งชั่วขณะ เมื่อเห็นผู้หญิงเบื้องหน้ายิ่งเผยสีหน้าสงสัย เขาก็ยิ้มมุมปากและพูดว่า : “ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย?”

“แซ่ซือ ไง!”

ฉินอีหลินจ้องมองเขาด้วยสายตาขุ่นเคือง แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังโต้เถียงกันอย่างไม่หยุดหย่อน ซือฉี กับ ซือหั้ว ก็เดินถือสำรับอาหารเดินเข้ามาพร้อมกัน : “เชิญรับประทานเพคะ คุณชาย ท่านหญิง”

“ไม่ต้องมากพิธีหรอก”

ซือเซี่ย ไม่สนใจพิธีแบบนี้สักเท่าไหร่ อีกอย่างไม่อยากทำให้ฉินอีหลินรู้สึกอึดอัดด้วย เพราะเธอเพิ่งผ่านประสบการณ์ข้ามมิติครั้งแรก

“ท่านหญิงฝากบอกว่า อีกประเดี๋ยว ท่านจะเลือกสาวใช้ที่มีไหวพริบมาส่งให้ท่านหญิงด้วยตัวเองเพคะ หากท่านหญิงชอบคนไหนก็รับไว้ปรนนิบัติท่านได้เลยเพคะ ส่วนคนอื่นใช้เป็นบ่าวทำงานใช้แรงก็ได้เพคะ”

ซือหั้ว วางอาหารลงบนโต๊ะ แล้วก้มตัวเคารพ

แต่เมื่อฉินอีหลินได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก : “ซือเซี่ย คุณคิดว่าฉันจะใช้ชีวิตแบบคุณได้จริงๆหรอ?”

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท