บทที่ 263 สามารถไปเกิดใหม่สบาย ๆ ไหม
“เร็วขนาดนี้หรอ?”
ฉินอีหลินอึ้งไป ก่อนหน้านี้ ซือเซี่ยเคยบอกกับเธอ ต้องรอตอนเย็น จริง ๆ เธอรู้สึกว่านั่นก็เร็วมากแล้ว แต่ตอนนี้แค่เก้าโมงกว่า เขากลับเตรียมพร้อมแล้ว
ดูแล้วเธอคงต้องประเมินกำลังของตระกูลซือเสียใหม่
ซือฉี รู้ว่าเธอคงพูดกับตัวเอง เธอจึงไม่ได้ขัดจังหวะ เพียงแค่วางเสื้อผ้าไว้บนชั้นแต่งตัว เพื่อที่จะได้เปลี่ยนชุด
“วันนี้เราออกไปยังต้องใส่อันนี้?”
ฉินอีหลินมองชุดในมือก็ยังคงเป็นชุดโบราณ อดไม่ได้ที่จะบ่นอุบ เธอที่เป็นคนสมัยใหม่นี้ยังต้องมาใส่ชุดนี้ มันแปลกประหลาดไปจริง ๆ
“นี่เป็นชุดที่คุณชายสั่งตัดให้คุณนายน้อย คุณใส่แล้วเข้ารูปแน่ ๆ “
ซือฉีรู้ว่าฉินอีหลินคิดอะไร แต่เธอก็ไม่สามารถให้คำตอบที่มีประโยชน์อะไรได้ จึงจงใจตอบไม่ตรงคำถาม
“เปลี่ยนเถอะค่ะ เปลี่ยนเถอะค่ะ”
ฉินอีหลินได้ยินจนไม่รู้จะทำยังไง จากนั้นก็ได้แต่กางแขนทำตามที่สั่ง
ซือชูเห็นแล้วก็รีบเข้ามาช่วยซือฉีเปลี่ยนชุดทำผมให้คุณนายน้อย
กว่าจะเปลี่ยนเสร็จ เวลาก็ผ่านไปเป็นชั่วโมง ฉินอีหลินรีบไปหาซือเซี่ยที่ห้องนอน แล้วก็ออกไปพร้อมกัน
ตลอดเส้นทาง ฉินอีหลินตื่นเต้นมาก เธอกลัวลี่โม่อวี่จะได้รับความลำบาก
ซือเซี่ยเห็นว่าฉินอีหลินไม่พูดไม่จา เขายิ่งไม่เป็นฝ่ายที่จะเริ่มพูดก่อน บรรยากาศบนรถเต็มไปด้วยความอึดอัด
“คุณไปกับซือฉีเถอะ ผมยังมีธุระ เดี๋ยวจะมีรถอีกคันมารับคุณ”
ตอนที่ซือเซี่ยพูด ฉินอีหลินก็ลงไปจากรถ จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้มีธุระอะไร แต่ก็อยากจะมาเป็นเพื่อนเธอ แต่พอมาแล้วก็ไม่กล้าจะเข้าไป เขาไม่รู้ว่าเขาต้องทำหน้ายังไงเวลาเจอทั้งสองคนกอดกัน
จนสุดท้าย เขาเลือกที่จะหนี
“คุณนายน้อย เชิญข้างใน”
ฉินอีหลินในชุดที่สวยงามลงมาจากรถ โรลส์รอยส์ ในใจเธอนั้นรู้สึกไม่ชินเลย โดยเฉพาะตอนที่มีคนเดินผ่านหน้าโดยใส่ชุดสูทเต็มยศ แต่กลับโค้งคำนับให้เธอและเรียกเธอว่า คุณนายน้อย มันทำให้เธอรู้สึกขนหัวลุก
เดินไปไม่ถึงห้านาที เธอก็เจอคนที่เธอเฝ้าอยากจะเจอ
ลี่โม่อวี่ในชุดนักโทษ ใส่กุญแจมือ และกุญแจข้อเท้า และใบหน้าเขียวช้ำ
เวลานี้เขายืนอยู่สนามไม่ไกลออกไป แม้ว่าจะมีเครื่องพันธนาการอยู่มากมาย ใบหน้า คิดว่าบนร่างกายคงบอบช้ำมากกว่า แต่เขาก็ยังคงยืนอย่างสง่า เหมือนต้นสนที่ยืนตรงตระหง่าน
ฉินอีหลินในตอนนี้ก็น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
นี่คือลี่โม่อวี่ของเธอหรือ?
ลี่โม่อวี่ของเธอถึงแม้จะไม่ใช่คนกำยำ แต่ว่าแข็งแรง แต่คนตรงหน้าเธอที่อยู่ในชุดนักโทษ ทำให้ดูออกว่าร่างกายนั้นซูบผอม โดยเฉพาะเมื่อลมพัดมา เมื่อเสื้อผ้าปลิวไหวไปกับลม ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาแทบจะลอยไปกับลมแล้ว
ลี่โม่อวี่ที่ยังยืนหยัดหายใจอยู่ตอนนี้ ไม่รู้ว่าต้องได้รับความทุกข์ทรมานอะไรบ้าง?
“คุณนายน้อย?”
ซือฉีที่ตามมาด้านหลัง ไม่ได้รู้เลยว่าฉินอีหลินนั้นมีท่าทีแปลกไป เธอเห็นคุณนายน้อยหยุดเดินไม่ไปต่อ เลยหวังดีทักขึ้นมา
ฉินอีหลินถึงจะได้สติ
เธอมองเห็นฉินอีหลินที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงและก็มองมาที่เธอ แล้วก็มองไปที่อื่น เธอรู้ว่า ด้วยภาพลักษณ์นี้ของเธอลี่โม่อวี่คงจำเธอไม่ได้
ก็ใช่ คิดว่าเธอเองก็คงจำลี่โม่อวี่ที่อยู่ในชุดนั้น
“กลับตระกูลซือ”
ฉินอีหลินยิ้มเยาะที่มุมปาก และหันหลังกลับ
“คุณนายน้อย คุณไม่กลับไปพบเขาหรือคะ”
“ไม่ต้อง”
ลี่โม่อวี่ตอนนี้ก็ทุกข์มากพอแล้ว ถ้าหากให้เขารู้ ว่าคนที่เขาแคร์ที่สุดมาเห็นเขาในสภาพที่น่าสมเพชที่สุด ในใจเขาคงจะยิ่งเป็นทุกข์
และยิ่งกว่านั้น สภาพของเธอตอนนี้ จะให้เธอไปพบหน้าคนที่เธอรักที่สุดยังไง
ลี่โม่อวี่นั้นได้รับแจ้งว่าวันนี้จะมี่คนมาเยี่ยม
แต่ว่าเขารออยู่ที่นี่กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาใครสักคน จนเมื่อมีคนสองคนที่แต่งตัวในชุดงิ้ว
ทำไม เห็นว่าช่วงนี้ชีวิตเขาสบายเกินไป เลยจัดละครงิ้วให้เขาหรือ เลยยิ้มที่มุมปาก และมองไปยังผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ไกลออกไปอย่างเย็นชา
แต่ว่าคนสองคนนั้นกลับหันหลังและเดินจากไป ช่างเถอะ สภาพตอนนี้ของเขาเองก็น่ากลัว
ผู้คุมที่อยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา
“ไป กลับเถอะ”
ลี่โม่อวี่ยักไหล่ ช่วงนี้มีแต่คนใหญ่คนโตมาพบเขา แต่คนที่ผิดนัดนั้นเพิ่งเห็นครั้งแรก
แต่ว่าเขาไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้สิ่งที่เขามีมากที่สุดก็คือเวลา
เขาหันหลังและเดินกลับ ไม่ได้มองหญิงสองคนที่ใส่ชุดงิ้วอีก
ฉินอีหลินรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอต้องหยุดชะลอฝีเท้าลง เดินแต่ละก้าวอย่างรอบคอบ
ซือฉีเห็นคุณนายน้อยเป็นแบบนี้ ก็ไม่กล้าพูดว่าอะไร
“คุณนายน้อย ข้าน้อยฟางหงคาราวะท่าน”
ในตอนที่ฉินอีหลินนั้นทุกข์ใจ กลับมีชายใส่สูทดำมาทำท่าทางการทักทายเธอแบบอดีต ยิ่งทำเธอรู้สึกกระอักกระอ่วน
เธอมองคนตรงหน้า ไม่ได้พูดว่าอะไร แต่กลับหยุดฝีเท้าลง
เมื่อเขาเห็นเธอหยุด จึงยืดตัวและยื่นจดหมายเชิญขึ้น นายท่านเชิญคุณไปหา
“มีธุระอะไรให้ไปหาคุณชายของเรา วันนี้คุณนายน้อยเหนื่อยมากแล้ว ไม่สะดวกที่จะต้อนรับ”
ซือฉีกลัวจะมีเรื่องยุ่งยาก จึงรีบชิงพูดก่อนที่ฉินอีหลินจะพูด
“จดหมายเชิญถึงท่านชายซือนั้นได้ส่งไปแล้ว ฉบับนี้เป็นของคุณนายน้อย”
คนฟางหงนั้นได้ชื่อว่าหากไม่รับจดหมายเชิญก็จะไม่ยอมล้มเลิก ทำให้ฉินอีหลินรู้สึกอารมณ์เสีย
ฉินอีหลินไม่อยากเสียเวลากับเขามากนัก ออกคำสั่งและก็เดินจากไปว่า
“ซือฉี รับไว้”
เธอเพิ่งจะเป็น “คุณนายน้อย”ได้ไม่กี่วัน กลับมีคนรู้มากมายขนาดนี้ ถ้าถึงเวลานั้นเธอจะสลัดภาพนี้ไปได้ง่าย ๆ ไหม?
ในใจของฉินอีหลินเต็มไปด้วยความกังวล
พอเดินออกมา ก็มีรถมารอรับอยู่แล้ว ซือฉีช่วยจัดกระโปรงให้ฉินอีหลินขึ้นรถ
เพิ่งถึงพระราชวังซือ เธอจึงเอ่ยปากถามว่า “คุณชายของพวกเธออยู่ที่ไหน?”
“เรียนคุณนายน้อย อยู่ที่ห้องหนังสือ”
ไม่รอให้บ่าวพูดจบ ฉินอีหลินก็เดินไปที่ห้องหนังสือ ต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะช่วยเขาออกมาได้ ตอนนี้เธอรอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
”ซือเซี่ย……”
ฉินอีหลินผลักประตูเข้าไป ก็ตะลึงอยู่ตรงนั้น
ซือเซี่ยกำลังหารือกันในห้อง และคนที่หารือด้วยก็คือคนคุ้นเคยของเธอ
ท่านลี่กับลี่อานโก๋ไม่ได้พูดอะไรและก็พิจารณาไปยังผู้หญิงตรงหน้า ท่านลี่ยังดี เพราะเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่สายตาลี่อานโก๋นั้นไม่สามารถเก็บซ่อนอาการตกใจไว้ได้
ไม่ว่าใครก็คงคิดไม่ถึง ว่าสะใภ้ของตัวเองอยู่ ๆ ก็ไปเป็น”สะใภ้”ของบ้านอื่น แล้วยังอยู่ในชุดโบราณ
ท่านลี่นั้นยิ้ม ถือว่าเป็นการทักทายเธอ ลี่อานโก๋นั้นไม่สามารถทำได้แบบเขา เขาได้แต่มองผู้หญิงตรงหน้าอย่างมึนงง
ซือเซี่ยคิดไม่ถึงว่าฉินอีหลินจะพรวดพราดเข้ามาเลย สายตาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจ
“ออกไป”