บทที่ 270 ต่อให้ตายก็เต็มใจ
“ฮาๆ”
ลี่โม่อวี่ได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมา แล้วก็ไปกอดภรรยาของตัวเองและบอกว่า พูดได้ดี มีอนาคตไกลแน่ ๆ
ซือฉีเองก็อยากหัวเราะ แต่ติดที่สถานะของตัวเอง ก็ได้แต่ไหล่สั่น แล้วก็กลับมาทำตัวปกติ
แต่ซือเซี่ยนั้นหน้าเสีย ไม่มีใครที่จะยังหัวเราะได้เมื่อโดนเปรียบเป็น “โคแก่” แล้วยังหัวเราะได้ออกแล้วพูดว่า “คุณพูดถูก”
“ให้พวกคุณจู๋จี๋กันเถอะ พวกเราจะกลับไปนอนแล้ว”
ลี่โม่อวี่กลัวว่าเธอจะลำบากอะไรอีก จึงได้กึ่งดึงกึ่งลากเธอไป
“นี่มันอะไรกัน เขาจีบสาว แต่ชีวิตฉันต้องมาเสี่ยง! ”
ฉินอีหลินกับลี่โม่อวี่นั้นมีความสัมพันธ์กันดี ไม่ได้กดดันเหมือนแต่ก่อน พอเข้าห้องก็เริ่มบ่น ทำให้ลี่โม่อวี่ขำเบา ๆ
ฉินอีหลินยิ่งอารมณ์เสีย พูดว่า
“คุณยังจะหัวเราะอีก!”
“ผมไม่หัวเราะ” ลี่โม่อวี่ที่รู้ตัวว่าภรรยาของตนได้เพ่งเล็งตัวเองแล้ว จึงรีบเก็บรอยยิ้ม แล้วก็พาเธอไปที่ข้างเตียง พูดว่า เธอเองก็ไม่มีความสุข ผมเตะเก้าอี้นั่นโดนเข้าไปเต็ม ๆ คิดว่าคงได้ม่วงได้ช้ำแน่ ๆ
ฉินอีหลินก็เดินไปที่เตียงตามลี่โม่อวี่พาไป แต่ก็ยังเอ่ยปากถามว่า
“จริงหรือ?”
“จริงสิ ก็นับว่าแก้แค้นแทนเธอแล้ว”
ลี่โม่อวี่พูดอย่างจริงจัง ตอนที่เขาเห็นว่าจะมีคนมาฆ่าฉินอีหลิน ใครจะสนใจว่าคนร้ายจะตัวบางร่างน้อย หรือจะออมมือ ถ้าหากว่าซือเอ๋อนั้นร่างกายไม่สมบูรณ์ ตอนนั้นคงลุกขึ้นไม่ไหว
แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ซือเอ๋อนั้นได้ร้องไห้โวยวายในอ้อมกอดของซือเซี่ยแล้ว
“ แค่เด็กแค่นั้น คุณก็ลงมือได้หรือ!”
ฉินอีหลินหลังจากฟังที่ลี่โม่อวี่พูดก็เขม็งตา นี่คือรสชาติของการรู้สึกผิด
“ ห๊ะ?”
ลี่โม่อวี่กระพริบตาถี่ ๆ ไม่ทันที่จะรู้ตัว
“ซือเอ๋อนั่นอายุแค่เท่าไหร่เอง เก้าอี้ที่คุณเตะไป เขาจะทน…อืม… ”
ลี่โม่อวี่ที่เห็นปากเล็ก ๆ นั้นขยับไม่หยุด ความร้อนพุ่งไปที่ใต้ท้องน้อย เขาจึงอ้าปากจูบไปที่ลิ้นของฉินอีหลิน
“คุณทำอะไร?”
ฉินอีหลินหลบจากการจูบของฉินอีหลิน เธอทำหน้างง เธอกำลังเล่าอยากออกรสออกชาติอยู่
“ชู่ว อย่าเสียเวลาหาเงินของผม”
ลี่โม่อวี่กดทับไปบนร่างคนที่อยู่ในอ้อมกอด ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“อ๊ะ?”
ดวงตาของฉินอีหลินพร่ามัว ตามอารมณ์ลิงโลดของเขาไม่ทัน
“ คืนฤดูใบไม้ผลินั้นมีค่าดุจทองคำนะ”
“เห้…… อืม……”
ฉินอีหลินเองก็ถูกปลุกอารมณ์ร่วมด้วยอย่างรวดเร็ว ท่าทีต่อต้านก็ยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง จนตอนท้ายนั้นกลับเป็นฝ่ายเหมือนจะไม่ต้องการแต่ก็ยังต้องการ
“อีหลิน ผมคิดถึงคุณ”
ลี่โม่อวี่พูดคำนี้ออกมา จากนั้นก็ใช้การสื่อสารที่มีแต่เขาสองคนที่รู้ใจการแสดงออก
หลังเสร็จกิจ ฉินอีหลินก็นอนอยู่ในอ้อมกอดของลี่โม่อวี่อย่างสบาย ๆ “ต่อไปคุณคิดจะทำอะไรต่อ?”
“จัดการกับลี่จิ่ง”
ลี่โม่อวี่ไม่มีทีท่าลังเล ลี่จิ่งวางกับดักเขาขนาดนี้ ถ้าหากเขาไม่กลับไป คงเสียหน้าแย่: “บ่อยครั้งที่เขาไม่สนใจตระกูลลี่ ไม่มีสิทธิ์เป็นลูกหลานตระกูลลี่”
ฉินอีหลินฟังที่ลี่โม่อวี่พูดก็เลิกคิ้ว แล้วก็ขึ้นไปนอนบนตัวของลี่โม่อวี่ พูดหยอกว่า: “ทำไมหรือ คุณไม่นับตระกูลลี่แล้วไม่ใช่หรือ?”
“เสียใจแล้วได้ไหม?”
ลี่โม่อวี่ไหนเลยจะยอมให้ฉินอีหลินอยู่เหนือกว่าได้ เขาพลิกตัวกดตัวเธอไว้ด้านล่าง “จุ๊บ” เสียงดัง ๆ ไปบนแก้มของเธอ
แล้วทั้งสองก็เริ่มเพลงรักอีกครั้ง จนสีหน้าของฉินอีหลินนั้นเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหว ลี่โม่อวี่จึงจูบแล้วจูบอีกบนหน้าผากเธอแล้วพูดว่า: “นอนเถอะ”
ฉินอีหลินก็ว่าง่ายทำตามแล้วหลับตา นี่คือครั้งแรกที่เธอได้หลับอย่างสบายใจที่สุดตลอดช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมา
เนื่องจากเรื่องราวระหว่างองค์กร“K”กับพวก วงศ์ตระกูลที่ตัดขาดกับโลกภายนอกเพิ่งจัดการเสร็จ เพื่อความปลอดภัย ซือเซี่ยให้ลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินยังพักต่อไปอีกสักพัก แต่ลี่โม่อวี่กังวลความปลอดภัยของลูกสาว จึงได้ตอบตกลง
”อีหลิน นี่คือเค๊กเต้าหูที่เพิ่งทำเสร็จ ลองชิมสิ!”
ซือเอ๋อในกระโปรงชุดสีชมพูทั้งตัว ถือเข้ามาอย่างชื่นมื่น
ฉินอีหลินได้ยินแล้วก็ประหลาดใจ ตกใจจนหนังตากระตุก
เค๊กเต้าหู กินได้หรือ
“ทำไมลี่โม่อวี่ยังไม่กลับมา ฉันจะไปหาเขาหน่อย……”
พูดจบ ฉินอีหลินก็เดินออกไปข้างนอก
“เขาอยู่กับเซี่ยเซี่ย เมื่อกี้นี้ฉันส่งไปให้พวกเขา พวกเขาต่างก็บอกว่าอร่อย”
ใบหน้าของซือเอ๋อนั้นดูภูมิใจ
“อร่อยหรือ?”
ช่วงหลายวันมานี้เธอและลี่โมอวี่ถูกซือเอ๋อวางยาพิษไปหลายครั้ง เธอไม่อยากจะคิดว่า สองคนนั้นพูดออกมาได้ยังไงว่า “อร่อย”
“เธอรีบลองชิมสิ ซือฉีเองก็บอกว่าอร่อย”
มองดูหน้าเด็กที่ตั้งตารอ ฉินอีหลินก็แอบลองชิมที่ฟันเงิน แล้วก็เอาเข้าปากไปอันหนึ่ง
ฉินอีหลินจำไม่ได้ว่าเธอเคยพูดไว้ว่าขาดเกลือ คิดถึงมีดของซือเอ๋อ ตีคนขายเกลือคนตายก็น่าจะปกติ
เธอพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา และแสดงสีหน้าว่า “อร่อย”
“ฉันบอกแล้วว่าอร่อย ”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของซือเอ๋อเต็มไปด้วยความพอใจ แล้วเธอก็เอาขนมออกมาจากกล่อง พูดว่า :“นี่คือขนมงาดำและถั่ว สามีคุณชมไม่หยุดเลย”
ฉินอีหลินเมื่อเห็นว่าเธอเอาอาหารออกมาจากกล่อง ในใจก็กลัวอีก กลับได้ยินเธอบอกว่ลี่โม่อวี่ชมไม่ขาดปากเลย จึงทำใจเชื่อและกัดไปคำหนึ่งค้างไว้ในปาก
“อืม อร่อย!”
ถ้าหากในเวลาปกติ ฉินอีหลินคงจะพูดว่า นี่ตลกหรือเปล่า ทำไมรสชาติไม่ได้เรื่องขนาดนี้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ก็กลัวที่จะใช้คำว่า “เปรียบเทียบ” สองคำนี้ ก่อนหน้ามีขนมเค๊กเต้าหู้ ฉินอีหลินรู้สึกว่านี่ก็นับว่าเป็นขนมโบราณก็ไม่ได้ทานยากอะไรขนาดนั้น
“แน่นอน ก็ดูสิว่าใครเป็นคนทำ”
ซือเอ๋อวางขนมไว้ทั้งสองชั้น กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจและออกไป “เดี๋ยวฉันจะไปคิดค้นสูตรใหม่ ๆ พรุ่งนี้จะเอามาให้เธอทาน”
“ได้ค่ะ”
ไม่มีใครรู้ว่ารอยยิ้มของฉินอีหลินนั้นต้องกล้ำกลืนฝืนทนขนาดไหน
ผ่านไปไม่นาน ลี่โม่อวี่ก็กลับมาแล้ว เมื่อเขาเห็นขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ ก็หัวเราะออกมา: ”ผมคิดไว้แล้วว่าคุณคงโชคดีที่ได้ลองชิมขนมนี้”
ฉินอีหลินเห็นลี่โม่อวี่หัวเราะ จ้องมองเขาและพูดว่า: “ได้ยินมาว่าคุณชมว่าขนมถั่วสีดำ ๆนี่อร่อยมาก ฉันเลยเก็บไว้ให้คุณโดยเฉพาะ”
“เธอบอกว่าเธอทำมันอย่างยากลำบาก ให้พวกเรากินให้หมด ผมก็เลยเลือกชิ้นที่พอจะกินได้แล้วก็ไม่ตาย”
ฉินอีหลินได้ยินแล้วก็หัวเราะ: “ถ้างั้นซือเซี่ยกินจานไหนหรือ ยังไม่ตายใช่ไหม ?”
”ในเมื่อผู้หญิงของเขาเป็นคนทำ คิดว่าต่อให้ตายก็คงเต็มใจ”
“ก็ถูก” ฉินอีหลินลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ ลี่โมอวี่ แล้วก็ทำท่าทางลึกลับพูดว่า “ซือเอ๋อบอกว่าพรุ่งนี้ เธอจะทำขนมอีก”
ได้ยินแล้ว ลี่โม่อวี่ถึงกับเงียบ ผ่านไปสักพักจึงตอบอย่างจริงจังว่า: “ ที่บริษัทยังมีงานอีกมาก ผมคิดว่าพวกเราควรจะไปได้แล้ว”
ในคืนนั้น ทั้งสองคนจึงได้จากไป
เดิมทีฉินอีหลินคิดว่าจะไปหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ แต่เมื่อได้ข่าวว่าซือเอ๋อที่เห็นความสำคัญกับคำว่าเพื่อนกันกับฉินอีหลิน จะเธอเข้าครัวเอง ลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินเลยพูดขึ้นพร้อมกันว่า ลูกยังรอให้นมอยู่ที่บ้าน
ซือเซี่ยที่ยืนอยู่ประตูใหญ่ยิ้มอย่างขำ ๆ คงมีแต่หญิงไร้เดียงสาคนนั้นที่เชื่อว่าเด็กอายุหกขวบยังต้องให้นมอยู่……