บทที่ 283 ฉันเป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว
ลี่โม่อวี่พักอยู่ที่ตระกูลซือ หลงเซี่ยวเทียนทางหนึ่งก็ให้ซือเซี่ยใช้อิทธิพลของตระกูลซือตามหาที่ตั้งของตระกูลหลงที่จับตัวฉินอีหลินไป อีกทางหนึ่งก็ลงมาหาด้วยตัวเอง และลี่โม่อวี่ก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ เขาสั่งให้ลูกน้องของตนไปตรวจสอบคลิปกล้องวงจรปิดหน้าโรงเรียนของวันนั้น สรุปคือทุกคนนั้น ล้วนกำลังตามหาร่องรอยของฉินอีหลิน
“โม่อวี่อา ครั้งนี้อีหลินโดนตระกูลหลงจับไป คุณไม่ต้องกังวลนะ ฉันคิดว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรอีหลิน ยังไงพี่ใหญ่ของฉันตอนนี้ก็อยู่ที่ตระกูลหลง ถ้าเขารู้ตัวตนของอีหลินล่ะก็ จะต้องคุ้มครองอีหลินแน่นอน”
ถึงจะมีการรับประกันจากหลงเซี่ยวเทียน แต่ลี่โม่อวี่รู้สึกว่าฉินอีหลินไม่สามารถอยู่ห่างจากเขาได้ ทุกครั้งที่ฉินอีหลินถูกจับตัวไป ลี่โม่อวี่ก็รู้สึกกลัวกระวนกระวายทุกครั้ง กลัวว่าตัวเองดูแลฉินอีหลินได้ไม่ดีอีกแล้ว อีกทั้งครั้งนี้ที่ฉินอีหลินโดนจับตัวไปยังมีเด็กๆ ทั้งสองคนอีกด้วย นี่จะทำให้ลี่โม่อวี่ไม่ร้อนใจได้อย่างไร และอีกอย่าง จนถึงตอนนี้แล้วยังหาร่องรอยของเธอไม่เจอเลย
คุณลุงหลงไม่รู้ว่า เพราะการกระทำแบบนี้ของเขา ทำให้อิทธิพลทั้งเมืองหลวง ทำให้ทางสายกลางและอิทธิพลทางมืดทั้งหมดเริ่มมีการเคลื่อนที่ ผู้คนที่ไม่รับรู้เรื่องนี้ยังคิดว่ามีการปฏิบัติการใหญ่อะไรเลย
หลงเซี่ยวเทียนและลี่โม่อวี่นั่งอยู่ที่โถงใหญ่ของตระกูลซือ ซือเซี่ยก็ถูกซือเอ๋อลากไปรับผิดชอบในการค้นหาตัวฉินอีหลิน หลงเซี่ยวเทียนกำลังขมวดคิ้วคิดหาหนทาง แล้วโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆก็ดังขึ้น หลงเซี่ยวเทียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นลูกน้องของตัวเองโทรมา
“พูดมา อีหลินอยู่ไหน?”
ตอนแรกที่หลงเซี่ยวเทียนออกคำสั่งคือ เมื่อรู้แล้วว่าฉินอีหลินอยู่ที่ไหนค่อยโทรมารายงานเขา
“รายงานครับ พวกเราดูจากตำแหน่งโทรศัพท์ของฉินอีหลิน ก็พบว่าเธออยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งของใจกลางเมือง แต่ที่นั่นคือที่ไหนพวกเรายังไม่ได้ตรวจสอบแน่ชัด”
“ไม่ต้องแล้ว เอาที่อยู่ที่ชัดเจนมาบอกฉันก็พอ” หลงเซี่ยวเทียนเข้าใจดีด้วยความสามารถของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา คงเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นความลับของบ้านตระกูลหลงได้ ไม่แน่ตระกูลหลงอาจจะอยู่ใต้ดินก็อาจจะเป็นไปได้
ลี่โม่อวี่ได้ยินโทรศัพท์ ก็รีบร้อนไต่ถาม หลงเซี่ยวเทียนเงยหน้าขึ้นบอกเขา “ออกเดินทาง ไปที่ใจกลางเมือง”
ลี่โม่อวี่ไม่พูดอะไรยืดเยื้อ เปิดประตูขึ้นรถแล้วพาหลงเซี่ยวเทียนไปยังใจกลางเมือง
เขาขับด้วยความเร็วมาตลอดทาง ก็ถึงสถานที่นั้นที่หลงเซี่ยวเทียนพูดถึง ลี่โม่อวี่เห็นบ้านทรงเก่าแก่ที่ซ่อนอยู่ไกลๆ หน้าประตูทางเข้ามีชายร่างใหญ่สองคนเฝ้าอยู่ จนเมื่อเขาขับรถไปจอดตรงนั้น ชายร่างใหญ่ทั้งสองก็มาต้อนรับอย่างระมัดระวัง “ใช่คุณปู่หลงหลงเซี่ยวเทียนหรือไม่?”
หลงเซี่ยวเทียนลุกขึ้นยืน “ฉันก็คือหลงเซี่ยวเทียน!”
ชายร่างใหญ่ทั้งสองมองสังเกตหลงเซี่ยวเทียนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดผ่านวิทยุสื่อสารในมือ “ท่านผู้นำตระกูล คุณปู่หลงมาถึงแล้วครับ”
“ผู้นำตระกูล?” หลงเซี่ยวเทียนพูดพึมพำกับตัวเองเงียบๆ ผู้นำตระกูลจับตัวอีหลินไปจะเป็นเพราะเรื่องอะไรกันล่ะ
“ให้เขาเข้ามา!” ประโยคหนึ่งจากอีกฝั่งลอดออกมาจากวิทยุสื่อสาร
จากนั้น ชายร่างใหญ่ทั้งสองก็เปิดประตูออก หลงเซี่ยวเทียนก้าวเท้าเดินขึ้นไป ตามหลังมาด้วยลี่โม่อวี่ เขากำลังคิดจะก้าวพ้นประตูใหญ่ไป แต่ชายร่างใหญ่ทั้งสองกลับขวางตัวเขาไว้ หลงเซี่ยวเทียนหันกลับไปพูดเสียงเย็นเยียบ “เขาเป็นคนของฉัน”
จากนั้นชายร่างใหญ่ทั้งสองก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงว่าให้ลี่โม่อวี่ผ่านไปได้
ลี่โม่อวี่เหลือบจ้องพวกเขาทั้งสองด้วยสายตาเย็นยะเยือก ในโลกของอิทธิพลทางมืด มีใครบ้างที่กล้าขัดขวางลี่โม่อวี่ แต่ว่าเมื่อมาถึงตระกูลหลงแล้ว เขากลับเข้าไม่ได้แม้แต่ประตูใหญ่
ก้าวเข้ามาที่อยู่ของตระกูลหลงได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นคุณลุงหลงพาฉินอีหลินออกมาต้อนรับ ดูสภาพฉินอีหลินแล้ว ไม่ได้ใกล้กับคำว่าถูกจับตัวไปเลย
“พี่ใหญ่!” หลงเซี่ยวเทียนมองคนที่เดินเข้ามา โดยไม่ทันคาดคิด ขอบตาก็ชื้นน้ำตาเล็กน้อยพร้อมตะโกนเรียก
“น้องสอง” คุณลุงหลงเองก็ขอบตาเปียกชื้นขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
หลังจากนั้นชายร่างใหญ่สูงกว่า 180 เซนติเมตรทั้งสองคน ก็กระทบหน้าอกเข้าหากันอย่างแรง ร้องเสียงอู้อี้ออกมา ทั้งคู่กอดกันแน่นอยู่ครู่หนึ่ง
ฉินอีหลินเห็นคุณพ่อและคุณลุงได้พบหน้ากันในที่สุด จมูกก็เริ่มร้อน ลี่โม่อวี่ที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นฉินอีหลินก็รีบเดินเข้าไปหา เขากอดฉินอีหลินไว้ แล้วพูด “อีหลิน ฉันเป็นห่วงเธอจะตายอยู่แล้ว”
คุณลุงหลงที่อยู่ข้างๆ มองหลานของตัวเองถูกชายแปลกหน้าคนหนึ่งกอด ก็เปลี่ยนมาสนใจ แล้วเอ่ยปากถาม “เจ้าหนุ่มนี่เป็นสามีของอีหลินหรือ?”
ลี่โม่อวี่คลายกอดฉินอีหลิน ฉินอีหลินก็กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเขา “นี่คือคุณลุง”
ลี่โม่อวี่รีบพูดกล่าว “สวัสดีครับคุณลุง ผมคือสามีของอีหลิน”
“หึ! เจ้าหนุ่มนี่ให้อีหลินไปรับลูกด้วยตัวคนเดียว ถ้าเกิดมีศัตรูมาลักพาตัวไปจริงๆ จะทำยังไง?” คุณลุงหลงโมโหเล็กน้อย
ลี่โม่อวี่ไร้ซึ่งคำจะพูดตอบ ครั้งนี้เป็นความผิดของตนจริงๆ ครั้งหน้าเขาจะไม่ให้อีหลินไปรับลูกด้วยตัวคนเดียวแน่ๆ ถึงครั้งนี้จะไม่เกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องคอยระวังลี่จิ่งไว้
หลงเซี่ยวเทียนที่อยู่ข้างๆ พูดไกล่เกลี่ย “พี่ใหญ่ พี่ก็ไม่ต้องไปสั่งสอนเขานักหรอก ไอ้หนุ่มนี่ก็ลำบากมาไม่น้อย”
คุณลุงหลงได้ยินข้อแก้ต่างก็เหลือบมองลี่โม่อวี่ ในใจก็คิด วัยรุ่นที่ทำให้น้องรองยอมรับได้ก็มีเพียงไม่กี่คน ยังไงตอนยังเด็ก หลงเซี่ยวเทียนเองตอนยังหนุ่มก็เป็นคนเก่งจนโดดเด่นออกมาคนหนึ่ง ดูท่าแล้วเจ้าหนุ่มนี่ก็คงไม่ธรรมดาเหมือนกัน
“ฮ่าฮ่า ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว อย่ามัวยืนอยู่ตรงนี้เลย พวกเราเข้าไปนั่งด้านในกัน”
จากนั้นก็เดินนำทุกคนเข้าไปในป่าไผ่ ที่ข้างโต๊ะหินในลานป่าไผ่ ไม่ทราบว่ามีเก้าอี้เพิ่มมาอีกหนึ่งตัวตั้งแต่เมื่อไหร่
คนสี่คนนั่งลงล้อมรอบโต๊ะหินสองตัว
คุณลุงหลงให้คุณลุงฟู๋พาเด็กๆ ทั้งสองคนเดินเข้ามาหา หลงเซี่ยวเทียนเห็นเงาของคุณลุงฟู๋มาแต่ไกล รีบร้อนลุกขึ้นยืนโค้งตัวให้คุณลุงฟู๋หนึ่งที “คุณลุงฟู๋!”
ภาพในวันวานที่คุณลุงฟู๋คอยพาเขาเล่นสนุกค่อยๆ ปรากฏชัดเจนในหัว ความห่วงใยรักใคร่ที่คุณลุงฟู๋มีให้เขาไม่น้อยไปกว่าบิดาของเขาเองเลย
“เจ้านี่มาแล้วก็ดี พวกเธอสองพี่น้องก็ใช้เวลาร่วมกันดีๆล่ะ” คุณลุงฟู๋กล่าวและมองไปที่หลงเซี่ยวเทียนด้วยความปลื้มอกปลื้มใจ แล้วก็ส่งเด็กๆ ให้อยู่ในความดูแลของฉินอีหลิน จากนั้นก็ถอนตัวออกไป
ลี่โม่อวี่ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินคุณลุงฟู๋เรียกหลงเซี่ยวเทียนว่าเจ้านี่ ก็อดหันไปมองเขาบ่อยๆไม่ได้ ดูท่าแล้วทุกคนในตระกูลหลงจะไม่ธรรมดาเลย ลี่โม่อวี่คิดในใจ
“จริงสิ พี่ใหญ่ ก่อนหน้านี้ได้ยินลูกน้องที่หน้าประตูบอกว่าผู้นำตระกูลต้องการพบพวกเรา แล้วผู้นำตระกูลล่ะ?”
คุณลุงหลงจ้องมองหลงเซี่ยวเทียน กล่าวอย่างหดหู่ใจ “ฉันนี้แหละที่เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน พอนายแยกจากไปได้ไม่นานได้ผู้นำตระกูลคนก่อนก็ยกตำแหน่งมาให้ฉัน เพราะฉะนั้น ผู้นำตระกูลที่อยากพบพวกนายก็คือฉันเอง”
ถึงแม้ว่าหลงเซี่ยวเทียนจะเดาไว้แล้วนิดหนึ่ง แต่พอได้ฟังคุณลุงหลงบอกว่าตัวเองก็คือผู้นำตระกูล ก็อดหดหู่ใจไม่ได้เช่นกัน เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไป 20 ปีแล้ว ตระกูลหลงเองก็ต้องเปลี่ยนผู้นำตระกูล
“ยินดีกับพี่ใหญ่ด้วย!” หลงเซี่ยวเทียนหรี่ตาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าคิดเรื่องอะไร
“ยินดีอะไร ถ้าตอนนั้นนายไม่ได้ไปจากตระกูล ตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้แต่เดิมก็ต้องเป็นของนาย”
“พี่ใหญ่ ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องในปีนั้นอีกแล้ว”
เมื่อเห็นหลงเซี่ยวเทียนไม่เต็มใจจะรำลึกเรื่องในตอนนั้น คุณลุงหลงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เท่านั้น
หลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนที่นั่งอยู่ข้างกายลี่โม่อวี่และฉินอีหลิน มองคุณปู่และคุณปู่ใหญ่ที่กำลังคุยกัน ในช่วงระหว่างนั้นก็เกิดรู้สึกเบื่อขึ้นมา
คุณลุงหลงมองเด็กๆ ทั้งสองคน แล้วก็เอ่ยปากหยอกล้อ “น้องสองอ่า ทั้งหลานชายและหลายสาวนายก็มีหมดแล้ว นายช่างมีบุญวาสนาจริงๆ!”
หลงเซี่ยวเทียนหัวเราะพร้อมกล่าวแกมด่า “แล้วพวกเขาไม่ใช่หลานชายหลานสาวของพี่ด้วยหรือไง!”
คุณลุงหลงได้ยินก็หัวเราะไปยกใหญ่ รู้สึกปลื้มปริ่มใจเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะตอนไหน ครอบครัวเดียวกันก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน