บทที่ 294 ใครที่มาขวางทางฉัน มันต้องตาย
ณ ปราสาทเก่าของตระกูลหลง บรรยากาศในวันนี้มันเหมือนมีอะไรแปลกๆไป สีหน้าของพวกคนเชื้อสายรองดูนิ่งขรึมไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่คนของเชื้อสายหลักกลับเอ่อล้นไปด้วยความดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ในห้องประชุมลับสักที่ของเหล่าบรรดาคนเชื้อสายหลัก หลงเสี่ยวเซินหลงเซี่ยวเทียนและหลงเสี้ยวตี้กำลังนั่งล้อมโต๊ะประชุมอยู่ มีคนของเชื้อสายหลักนั่งอยู่ข้างๆมากมาย ทุกคนล้วนแต่ยืนอยู่ข้างๆหลงเสี่ยวเซิน ฉินอีหลินกับหลงหลิงแล้วก็หลงจื้อเฟิงนั่งเรียงกันอยู่ตรงปลายแถวของที่นั่ง ภายในห้องประชุมนี้พวกเขาถือว่าเป็นแค่คนระดับล่างเท่านั้น
กวาดสายตามองสำรวจไปรอบๆ หลงเสี่ยวเซินมองดูทุกคนที่นั่งอยู่ที่นั่น จริงๆแล้วคนพวกนี้ก็คือคนที่สามารถรับประกันได้ว่าเป็นพวกของเขาทั้งหมด
ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะเปลี่ยนผู้นำตระกูล ที่หลงเสี่ยวเซินเรียกพวกเขาทั้งหมดมาในวันนี้ ก็มีเรื่องที่จะต้องแจ้งให้ทราบ
“ทุกท่านที่นั่งอยู่ พูดกันตามตรงเลยแล้วกัน ฉันหลงเสี่ยวเซินคนนี้กำลังป่วยเป็นโรคที่รุนแรง คงจะอยู่ได้อีกไม่นาน ต้องขอโทษทุกท่านด้วย” หลงเสี่ยวเซินกำมือเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น
หลังจากคนที่เหลือได้ฟังแล้วก็มีคนไม่มากที่รู้สึกตกใจ จริงๆพวกเขาก็พอจะรู้ม้าบ้างแล้วว่าสภาพร่างกายของหลงเสี่ยวเซินไม่ค่อยจะดี แค่คิดไม่ถึงว่า หลงเสี่ยวเซินจะทนอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
มีชายแก่ผมขาวคนหนึ่งค้ำไม้เท้ายืนขึ้น“ท่านผู้นำตระกูล สุขภาพก็ต้องดูแลด้วยสิ อย่าให้ภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลทั้งตระกูลหลงมาทำลายสุขภาพตัวเองสิครับ”
ชายแก่มีอายุราวคราวเดียวกับท่านผู้นำคนก่อน ตั้งแต่ที่หลงเสี่ยวเซินได้มารับตำแหน่งต่อ ก็เอาใจใส่ดูแลหลงเสี่ยวเซินมาโดยตลอด
“คุณลุงหลง ท่านวางใจได้ วันนี้ผมจะมาประกาศให้ทราบทั่วกัน ร่างกายของผมในตอนนี้ทนอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว แถมสถานการณ์ภายในของตระกูลหลงก็ดูท่าจะไม่ดี ดังนั้นจึงเรียกทุกคนมาปรึกษาหารือกันสักหน่อย”
“ท่านผู้นำตระกูล ขอให้ท่านพูดออกมาตรงๆเลย ผมเชื่อในตัวท่าน”ชายชราเฝ้าคอยดูหลงเสี่ยวเซินเติบโตมาโดยตลอด รู้จักนิสัยใจคอของเขาดี ก็เลยพูดออกไปแบบนั้น
มองชายแก่ด้วยสายตาซาบซึ้งขอบคุณ ก่อนที่หลงเสี่ยวเซินจะค่อยๆพูดขึ้น“ตอนนี้เชื้อสายรองของตระกูลหลงพัฒนาไปไกลกว่าเชื้อสายหลักของพวกเราแล้ว ดังนั้นเชื้อสายรองไม่มีทางยอมให้ตำแหน่งผู้นำตระกูลอยู่ในมือของพวกเราไปตลอดแน่นอน การที่ฉันสละตำแหน่งในครั้งนี้เชื้อสายรองจะต้องเข้ามาข้องเกี่ยวตามที่คาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน”
ทุกคนเมื่อได้ฟังแล้ว พยักหน้าอย่างเงียบๆ หลายปีมานี้เชื้อสายรองพยายามที่ช่วงชิงธุรกิจของตระกูลไป จริงๆแล้วทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ จำนวนคนของเชื้อสายรองมีเยอะกว่าเชื้อสายหลักมาก คนของเชื้อสายหลักรับผิดชอบตำแหน่งชั้นสูง แต่ขาดคนไปรับผิดชอบงานระดับทั่วไป ทั้งหมดนี้ส่งผลให้คนของเชื้อสายหลักในตอนนี้มีแค่จินตนาการที่ไม่สามารถทำออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้
“หลังจากการประกาศสละตำแหน่งของฉันในครั้งนี้ ฉันอยากจะประกาศให้หลงเซี่ยวเทียนน้องชายคนที่สองของฉันมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อ”
พูดจบ หลงเซี่ยวเทียนก็ลุกขึ้นยืน แล้วก้มหัวแสดงความเคารพให้กับทุกคน
“แล้วก็ เพื่อป้องกันไม่ให้คนของเชื้อสายรองมาขัดขวาง ฉันจึงตัดสินใจมาอธิบายเรื่องที่เซี่ยวเทียนจะมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อกับทั้งตระกูลหลงในคืนนี้ แล้วจัดพิธีขึ้นในอีกครึ่งเดือน แบบนี้คนของเชื้อสายรองก็จะไม่มีเวลาได้ลงมือทำอะไร”
เมื่อทุกคนได้ฟังแล้ว ก็พยักหน้า หลายปีมานี้ระหว่างเชื้อสายหลักและเชื้อสายรองมีเรื่องบาดหมางกันมาตั้งนานแล้ว คนของเชื้อสายรองไม่ยอมรับระบบการปกครองของเชื้อสายหลัก ส่วนคนของเชื้อสายหลักก็ไม่เห็นสายเลือดของเชื้อสายรองอยู่ในสายตา สรุปง่ายๆก็คือความขัดแย้งบาดหมางกันระหว่างคนของเชื้อสายหลักและเชื้อสายรองมันมีมาโดยตลอดอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย
“ฉันเห็นด้วยกับท่านผู้นำตระกูล!”ภายใต้การนำของชายแก่ สมาชิกทั้งหมดของเชื้อสายหลักในห้องประชุมก็แสดงความเห็นพ้องต้องกันออกมา
พอออกมาจากห้องประชุม หลงเสี่ยวเซินสามพี่น้องก็ไปคุยปรึกษาหารือกันต่อว่าจะทำยังไงให้งานแถลงการณ์ครั้งนี้มันดำเนินไปได้ด้วยดี
ส่วนฉินอีหลินก็เดินออกมาพร้อมกับหลงหลิง เนื่องด้วยเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในห้องประชุมเมื่อตะกี้นี้ ทำให้คนของเชื้อสายหลักทั้งหมดเงียบสงบไม่พูดอะไร เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องถึงตำแหน่งของเชื้อสายหลักในภายหลัง ดังนั้นทุกๆคนจึงสามัคคีร่วมมือกันเป็นอย่างดี
แต่ว่าคนของเชื้อสายรองที่มีหลงเจี้ยนเป็นผู้นำไม่มีทางปล่อยให้คนของเชื้อสายหลักได้ทำตามแผนการโดยที่ไม่ลงมือทำอะไรเลยแน่นอน จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ในเหล่าบรรดาคนของเชื้อสายหลักที่อยู่ในห้องประชุมก็มีคนที่ถูกพวกเขาซื้อไปแล้วแฝงตัวอยู่ด้วย
ในสวนแห่งหนึ่งของปราสาทเก่าของตระกูลหลง หลงเจี้ยนที่กำลังนั่งจิบชาอย่างสบายอกสบายใจอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของน้องชายสองหลงเหรินดังขึ้นมา“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว!”
หลงเหรินไม่ได้มีรูปร่างผอมแห้งเหมือนกับหลงเจี้ยน หลงเหรินกะโหลกกลมโต ศีรษะล้าน ร่างกายแข็งแรงกำยำ ดูจากไกลๆแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับพระนอกรีต
“มีเรื่องอะไร เอะอะเสียงดัง ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่หรือไง โตขนาดนี้แล้ว เจอเรื่องอะไรก็หัดใจเย็นๆลงบ้างไม่ได้หรือไง?” หลงเจี้ยนรู้สึกเหลืออดกับน้องชายที่ไร้ซึ่งความฉลาดหลักแหลมเต็มแก่ แต่ยังดีที่ร่างกายของหลงเหรินแข็งแรงกำยำ เหมาะกับการไปเผชิญในแนวหน้า ทุกครั้งที่หลงเหรินให้เขาทำอะไร เขาก็จะรับปากทำอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“พี่ใหญ่ ตะกี้ผมได้ข้อมูลมา หลงเซี่ยวเทียนจะมีการแถลงการณ์ในคืนนี้ แถลงเรื่องที่หลงเซี่ยวเทียนได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูล”
หลงเหรินพูดออกไปตามความจริง หลงเจี้ยนที่ได้ฟังแบบนั้น ก็หยิบแก้วชาที่วางลงไปก่อนหน้านี้ขึ้นมาใหม่ แล้วค่อยๆจิบอย่างช้าๆ คิ้วที่กำลังขมวดอยู่นั้นบ่งบอกได้ว่าจิตใจของเขาในตอนนี้กำลังกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย
หาวิธีการรับมือได้ไวขนาดนี้เชียวหรือ
ดูท่าแล้วหลงเสี่ยวเซินคนนี้คงจะไม่ธรรมดาแล้วสิ หลงเจี้ยนพลางรู้สึกทอดถอนใจกับแผนการของหลงเสี่ยวเซิน พลางครุ่นคิดว่าจะรับมือกับการเริ่มเดินหมากครั้งนี้ของพวกเชื้อสายหลักยังไง
จริงๆแล้วหลงเจี้ยนเพื่อที่จะได้แอบสอดแนมตำแหน่งผู้นำตระกูล เขาได้พัฒนาตนเองอย่างลับๆมาเป็นเวลาหลายปี แล้วตอนนี้จู่ๆก็มาถูกคนที่ออกจากตระกูลไปตั้งยี่สิบปีแล้ว กลับมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลแทน ในใจของหลงเจี้ยนรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก เขามองว่าพวกเชื้อสายหลักไม่มีกำลังมากพอที่จะมาขวางทางคนของเชื้อสายรองได้ตั้งนานแล้ว เชื้อสายรองควรจะมีใครสักคนเข้ามาจัดการรับผิดชอบตระกูลหลงได้สักที และเขาก็เป็นตัวเลือกที่อยู่ในใจคนนั้นนั่นเอง
“นายลงไปเถอะ เรื่องนี้ฉันมีแผนการในใจแล้ว แล้วเดี๋ยวจะคิดหาวิธีเอง” หลงเจี้ยนมองหลงเหรินที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับพูดขึ้น
จริงๆแล้วหลงเจี้ยนพอจะเดาแผนการออกตั้งแต่ที่หลงเสี่ยวเซินพาหลงเซี่ยวเทียนกลับมาที่ตระกูลหลงแล้ว
แต่เพียงในตอนนั้นเขาคิดว่า ถึงแม้ว่าหลงเสี่ยวเซินจะสละตำแหน่งให้กับหลงเซี่ยวเทียนก็ไม่น่าจะเร็วขนาดนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าหลงเสี่ยวเซินจะเด็ดขาดกับการที่สละตำแหน่งต่อให้กับหลงเซี่ยวเทียน เล่นเอาหลงเจี้ยนแทบจะรับมือไม่ทันจริงๆ
จริงๆแล้วก่อนหน้านี้หลงเจี้ยนก็คิดว่าก่อนจะถึงช่วงที่หลงเซี่ยวเทียนมารับตำแหน่ง ได้ส่งคนไปสอดส่องหลงเซี่ยวเทียนแล้ว แต่หลายมาวันมานี้หลังจากที่ได้ยินรายงานจากคนที่ส่งไปบอกว่ารอบๆตัวของหลงเซี่ยวเทียนมีคนที่มีฝีมือเก่งกาจอยู่มากมาย หลงเจี้ยนก็เดาได้ว่าหลงเสี่ยวเซินเป็นคนส่งคนเหล่านั้นไปคอยปกป้องหลงเซี่ยวเทียนเอาไว้แน่นอน หลงเจี้ยนจึงไม่ได้มีโอกาสได้ลอบทำร้ายหลงเซี่ยวเทียน ตอนนี้ก็ไม่เหลือเวลาให้ไปทำลายแผนการของพวกเขาแล้วด้วย ในช่วงพิธีการหลงเจี้ยนไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
ในตอนนี้หวงจิ้งฝูเปิดประตูห้องของหลงเจี้ยน พอเข้ามาข้างในเธอก็เห็นว่าสามีของตัวเองสีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
หลงเจี้ยนขมวดคิ้วพร้อมกับเล่าเรื่องทั้งหมดให้หวงจิ้งฝูฟัง หลังจากที่หวงจิ้งฝูได้ฟังก็กลับไม่มีความรู้สึกตกใจหรือหมดหนทางเลยแม้แต่น้อย
เธอแอบเข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของหลงเจี้ยนอย่างเงียบๆ จากนั้นก็เห็นว่าคิ้วที่ขมวดอยู่ของหลงเจี้ยนค่อยๆคลายลง ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ดูคลุมเครือ
ใครที่ขวางทางฉัน มันต้องตาย!