บทที่ 299 ผมมันไม่ดีเอง
ส่วนลี่โม่อวี่ที่อยู่ ณ เมืองเมืองหลวงของประเทศจีน ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับฉินอีหลินขณะเดียวกันในใจของเขาก็รู้สึกสั่นขึ้นมา เขารู้สึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉินอีหลิน
พอถึงกลับบ้าน ลี่โม่อวี่ก็รีบโทรศัพท์หาฉินอีหลินทันที แต่ก็ไม่มีคนรับ ลี่โม่อวี่ก็ยิ่งมั่นใจแล้วว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นกับฉินอีหลินแน่ๆ เช้าวันต่อมา เขาก็รีบขับรถไปยังปราสาทเก่าของบ้านซือ
พอเขามาถึง ผู้นำตระกูลของบ้านซือที่สวมชุดคลุมโบราณสีขาวกำลังรำไทเก๊กอยู่ตรงสนามอันกว้างขวางของตัวเอง พอเห็นลี่โม่อวี่ที่กำลังวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนอยู่นั้น มือที่กำลังร่ายรำอยู่ก็หยุดลงทันที
“เป็นอะไร โม่อวี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”ท่านผู้นำของบ้านซือตั้งแต่รู้ว่าลี่โม่อวี่เป็นลูกเขยของหลงเซี่ยวเทียน ก็มองลี่โม่อวี่เปลี่ยนไปไม่น้อย
“คุณลุงซือ ซือเซี่ยอยู่ไหม ผมมีเรื่องที่ต้องการพบเขา”ลี่โม่อวี่พูดด้วยความรุกรี้รุกรน
“อ๋อ ไอตัวแสบนั่นกำลังอยู่กับลูกสะใภ้น่ะ”
ลี่โม่อวี่มองตามไปยังที่ที่ผู้นำตระกูลบ้านซือกำลังชี้ไป ฟาร์มม้า ลี่โม่อวี่ก็รีบวิ่งไปที่นั่นทันที
ซือเซี่ยกำลังยืนตัวติดกันกับซือเอ๋อ“ซือเอ๋อคุณชอบม้าตัวไหน?”ซือเซี่ยชี้ไปยังคอกม้าที่มีม้าเยอะแยะมากมายพร้อมกับถามขึ้น
“ฉันชอบม้าสีขาวตัวนั้น!”
ซือเอ๋อก็จินตนาการว่ามีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาอยู่ตรงหน้าของตนเองเหมือนกับเด็กสาวตัวน้อย
“สีขาวเหรอ”ขณะที่ซือเซี่ยกำลังให้คนจูงม้าออกมาอยู่นั้น กลับมีเสียงของลี่โม่อวี่ดังขึ้น!
“ซือเซี่ย ช่วยฉันติดต่อคนในตระกูลหลงให้หน่อย ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้ฉินอีหลินเป็นยังไงบ้าง!”ลี่โม่อวี่รู้สึกกังวลสุดๆ เขาอยากที่จะพุ่งไปที่ตระกูลหลงในตอนนี้เลย แต่เป็นไปไม่ได้!
“เกิดอะไรขึ้น? นายใจเย็นก่อน เดี๋ยวฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้!” ซือเซี่ยพอเห็นลี่โม่อวี่ท่าทีรีบร้อน ก็ล้วงมือถือออกมาโทรไปหาคนรับใช้ ไม่ต้องบอกว่าในใจเขาลนลานไหม ซือเอ๋ออยู่ตรงนี้ด้วย เขาก็ไม่กล้าทำท่าทีไม่รีบร้อนออกมา
หลงเซี่ยวเทียนที่อยู่ที่ประเทศM ได้รับโทรศัพท์จากบ้านซือจากประเทศจีน เขารู้สึกสงสัยอยู่สักพัก แต่ก็รับสาย
“ใครครับ?”หลงเซี่ยวเทียนพูดขึ้น
“พ่อ ผมเอง โม่อวี่”
พอลี่โม่อวี่ได้ยินเสียงของหลงเซี่ยวเทียน ก็รู้สึกตกใจสุดๆ เขาไม่คาดคิดว่าซือเซี่ยจะสามารถติดต่อหลงเซี่ยวเทียนได้
“อ้อ ลี่โม่อวี่เองเหรอ มีเรื่องอะไรล่ะ?”
“อื้อ พ่อ ผมอยากจะถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอีหลินใช่ไหม ทำไมถึงไม่มีใครรับสาย”
หลงเซี่ยวเทียนไม่คาดคิดว่าลี่โม่อวี่จะเดาถูกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับอีหลิน เขาจึงต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับอีหลินให้ลี่โม่อวี่ฟังไปจนหมด
ทางด้านของลี่โม่อวี่ สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายแม้แต่ซือเซี่ยและซือเอ๋อก็ยังสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นนี้
“ผมเข้าใจแล้วครับ”ลี่โม่อวี่วางสายลง แล้วยื่นมือถือให้ซือเซี่ย พร้อมกับพูดออกมาหนึ่งประโยคด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ซือเซี่ย ขอบใจ ฉันกลับก่อนล่ะ”จากนั้นก็เดินออกไปจากบ้านซือโดยไม่หันหัวกลับมา
หลงเซี่ยวเทียนบอกกับเขาว่า ให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้หลงเสี่ยวเซินได้ส่งคนฝีมือเก่งกาจไม่เป็นสองรองใครของตระกูลหลงมาคอยปกป้องฉินอีหลินไว้แล้ว ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน แต่หลังจากที่ลี่โม่อวี่ได้ฟังแล้วสีหน้าก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เขารู้สึกเสียใจที่ตนเองไม่ได้อยู่ใกล้ๆฉินอีหลิน เขาตัดสินใจแน่วแน่ จะต้องพัฒนาอิทธิพลอำนาจของตัวเองให้ได้ และต้องเร่งให้ได้โดยเร็วด้วย
“ลี่โม่อวี่ เยือกเย็นมากเลย หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอีหลินจริงๆ?”ซือเอ๋อมองลี่โม่อวี่ที่เดินจากไปพร้อมกับพูดขึ้น
“อย่าคิดไปเองสิ”
ซือเซี่ยรู้สึกกลัว กลัวว่าภรรยาของตนเองจะอยากไปหาฉินอีหลินขึ้นมา
พอออกมาจากบ้านซือ ลี่โม่อวี่ก็ขับรถออกไป บนท้องถนน เขาขับรถเร็วและแรงพุ่งตรงไปข้างหน้าราวกับวัวกระทิง
เขาไปหาเรื่องชกต่อยกับไป๋หลางเพื่อที่ระบายความรู้สึกโกรธในใจ
ณ โรงพยาบาลส่วนตัวของตระกูลหลง ในห้องพักผู้ป่วยระดับสูง หลงหลิงกำลังเล่าเรื่องตลกและทำหน้าตาทะเล้นเพื่อทำให้ฉินอีหลินอารมณ์ดีขึ้น ฉินอีหลินก็เธอเล่นตลกจนยิ้มออกมา ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้สีหน้าของฉินอีหลินก็ดีขึ้นมาเยอะแล้ว
“อีหลิน ครั้งนี้ต้องโทษฉัน เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง”หลงหลิงพอเห็นฉินอีหลินดูอารมณ์ดีขึ้นมาเยอะแล้ว ก็รีบพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด
“หลิงเอ๋อครั้งนี้ไม่โทษคุณหรอกนะ คุณมีจิตใจดี ฉันไม่โทษคุณหรอก พวกเราเป็นพี่น้องกัน” ฉินอีหลินพอเห็นหลิงเอ๋อมีท่าทางสำนึกผิดไม่น้อย เธอจึงรีบพูดขึ้น
ในใจของฉินอีหลินไม่ได้โทษหลงหลิงเลยสักนิด เพราะว่าหลงหลิงเป็นผู้หญิงที่ใสบริสุทธิ์ เธอจะต้องถูกพวกคนชั่วใช้เป็นเครื่องมือแน่นอน
จริงๆแล้วก็ต้องโทษตัวเองที่ไม่ระวังตัวให้ดี ปล่อยให้พวกเชื้อสายรองฉวยโอกาสมาทำร้ายตนเองได้
แม้ว่าฉินอีหลินจะพูดปลอบหลงหลิงจากใจจริง แต่ในใจของหลงหลิงก็ยังรู้สึกว่าที่ผลมันออกมาเป็นแบบนี้ก็เป็นความผิดของตัวเองอยู่ดี ยังดีที่ฉินอีหลินไม่เป็นอะไรไป ไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่มีวันให้อภัยตนเองแน่นอน
ขณะนี้ ภรรยาของหลงเสี้ยวตี้ กำลังเดินถืออาหารในมือเข้ามาเยี่ยมฉินอีหลิน หลายวันมานี้เพื่อป้องกันแผนการชั่วร้ายของพวกเชื้อสายรอง ดังนั้นพวกเรื่องอาหารการกินของฉินอีหลินก็จะให้เธอมาเป็นคนรับผิดชอบ เธอเป็นคนทำอาหารทั้งหมดเองกับมือ จากนั้นก็นำมาให้ฉินอีหลิน แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นแล้ว
“คุณป้า ขอบคุณมากค่ะ จากนี้ไปต้องรบกวนคุณด้วยนะคะ”ฉินอีหลินรับอาหารที่ป้าสองยื่นมาให้ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
“อีหลินจากนี้ไปถ้าอยากกินอะไร ก็บอกกับป้า ป้าจะทำให้กินเอง”ป้าสองใจดีและอ่อนโยนมาก รักและเอ็นดูฉินอีหลินมากเป็นพิเศษ เพราะว่าเธอรู้สึกว่าฉินอีหลินยังไม่ค่อยคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อมของตระกูลหลง จะต้องคอยดูแลเธอให้ดีสักหน่อย
“อื้ออื้อ หนูเข้าใจแล้วค่ะ คุณป้า”
หลงเซี่ยวเทียนในตอนเที่ยงไม่ได้มาเยี่ยมฉินอีหลิน เพราะว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องพิธีรับตำแหน่ง เขาจะต้องทำออกมาให้ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่ข้อเดียว แบบนี้ในพิธีรับตำแหน่งจะได้ไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น เขาก็จะสามารถรับตำแหน่งผู้นำตระกูลได้อย่างราบรื่น หลงเสี่ยวเซินก็จะได้เข้ารับการรักษาอย่างสบายใจสักที หลงเซี่ยวเทียนคิดในใจ เทคโนโลยีทางการแพทย์ในตอนนี้พัฒนาไปเยอะแล้ว อาการป่วยของหลงเสี่ยวเซินจะต้องรักษาหายแน่นอน
หลังจากกินอาหารเย็นที่ป้าสองส่งมาให้แล้ว หลงหลิงก็พูดคุยกับฉินอีหลินต่ออีกสักพัก พอดูเวลาว่าก็ดึกแล้ว ก็เตรียมที่จะออกไปจากห้อง เธอเห็นฉินอีหลินดูท่าทางเหนื่อยไม่น้อย รู้ว่าฉินอีหลินต้องการพักผ่อนแล้ว
“อีหลิน ถ้าอย่างนั้นฉันไปแล้วนะ คุณรีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะมาหาคุณใหม่นะ”พูดเสร็จหลงหลิงก็ออกจากห้องพักผู้ป่วยไป ภายในห้องที่ว่างเปล่า ฉินอีหลินนอนอยู่ในห้องคนเดียว ในเวลานี้เธอนึกขึ้นมาได้ว่าเนื่องจากเมื่อคืนตนเองหมดสติไปเลยไม่ได้โทรหาลี่โม่อวี่ เธอจึงรีบหยิบมือถือที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมา เบอร์โทรศัพท์ของลี่โม่อวี่ยังคงจำได้แม่นอยู่ในหัวสมองของเธออย่างชัดเจน เธอรีบโทรออกไปอย่างรวดเร็ว ในสายมีเสียงดัง ตู๊ดๆๆ……
“ฮัลโหล อีหลินเหรอ?”ในสายมีเสียงของลี่โม่อวี่ถามขึ้นด้วยความรีบร้อน
ฉินอีหลินได้ยินแล้วในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอรู้ดีว่าลี่โม่อวี่จะต้องเป็นห่วงแย่แล้ว ต้องโทษเธอที่เมื่อวานลืมโทรไปหาลี่โม่อวี่
แต่ว่าเธอดันลืมไปว่าเมื่อวานตอนที่ตนเองเพิ่งออกมาจากห้องผู้ป่วย เธอไม่มีแรงพูดออกมาแม้แต่ประโยคเดียว เธอครุ่นคิดเล็กน้อย ไม่อยากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้กับลี่โม่อวี่ฟัง เธอไม่อยากให้เขารู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอ
พอคิดมาถึงตรงนี้ ฉินอีหลินก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“โม่อวี่ ฉันเอง”