บทที่ 302 อาวุธลับเอาชนะผู้หญิงเลว
การประชุมผ่านไปวันที่หกแล้ว เดิมผู้คนที่กำลังรอการประกาศเลื่อนพิธีส่งมอบตำแหน่งของหลงเซี่ยวเทียนออกไปอย่างมั่นใจ ทว่ากลับได้ยินหลงเซี่ยวเทียนบอก “สำหรับเรื่องที่อีหลินได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ผมจะบอกพวกคุณว่า อย่าให้ผมสืบเจอคนร้าย ไม่งั้น……..”
รังสีดุดันแผ่กระจายออกจากตัวหลงเซี่ยวเทียน จนหลงเจี้ยนสั่นเทาอย่างห้ามไม่ได้ เขากวาดสายตามองผู้คนที่อยู่ตรงนั้นช้าๆ เอ่ยอีกครั้ง “อีกเรื่องคือพิธีส่งมอบตำแหน่งจะไม่เลื่อนออกไป”
ทุกครั้งที่หลงเจี้ยนนึกถึงการเตือนของหลงเซี่ยวเทียน เขาก็กดที่จะเกรงกลัวไม่ได้ ขณะเดียวกันด้วยความหวาดระแวงในใจที่เด่นชัด ความโกรธแค้นต่อหลงเซี่ยวเทียนก็รุนแรงมากขึ้น
เพราะการกลับมาของหลงเซี่ยวเทียน ในใจของหลงเจี้ยนนั้นบิดเบี้ยว เขาโทษทุกอย่างไปที่หลงเซี่ยวเทียน
ตอนนี้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว แก้วกระเบื้องในมือถูกเขาขว้างลงพื้นแตกกระจาย
“หลงเซี่ยวเทียน อี ดีมาก ทั้งหมดแกบีบบังคับฉัน” หลงเจี้ยนหรี่ตาลงแคบ ท่าทางโหดร้ายถึงที่สุด
……
เวลานี้ในห้องหนังสือของหลงเซี่ยวเทียน หลงเสี่ยวเซินและหลงเสี้ยวตี้ก็นั่งอยู่ด้านใน สามพี่น้องนั่งอยู่ด้วยกัน นานแล้วที่ไม่ได้พูดคุยกัน
“พี่ใหญ่ ผมทำแบบนี้ถูกไหม” หลงเซี่ยวเทียนทำลายความเงียบก่อน เอ่ยขึ้นมา
“เรื่องที่นายทำ ฉันวางใจ” ประโยคสั้นๆ แต่บ่งบอกถึงความมั่นใจที่มีต่อน้องชายตนเองอย่างลึกซึ้ง
หลงเสี้ยวตี้ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่หันไปยิ้มและพยักหน้าเบาๆให้หลงเซี่ยวเทียน แม้ปกติหลงเสี้ยวตี้จะไม่ค่อยพูด แต่หลงเสี่ยวเซินและหลงเซี่ยวเทียนที่รู้จักนิสัยของเขาดีก็มักจะนำเรื่องในใจมาคุยกับเขา
กับหลงเสี้ยวตี้ พวกเขารับรู้ถึงความเป็นพี่น้องที่เข้มข้น
ความจริงความสัมพันธ์ของสามพี่น้องตระกูลหลง จะดูถูกไม่ได้ อำนาจของพวกเขามีมากกว่าที่สายตาคุณเห็นหลายเท่า
คนแข็งแกร่งต้องรู้จักกักซ่อน
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ห้องหนังสือของหลงเซี่ยวเทียนพลันดังขึ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย กวาดสายตามองชื่อที่ปรากฏ “ฝ่ายในตระกูลหลง”
หลงเซี่ยวเทียนรับโทรศัพท์ ขณะเดียวกันก็เปิดสปีกเกอร์โฟน แล้ววางไว้ตรงกลางโต๊ะ
อีกฝั่งยังไม่พูดอะไรออกมา คล้ายกับรอให้หลงเซี่ยวเทียนเอ่ยปาก
ห้องทั้งห้องของหลงเซี่ยวเทียนตกอยู่ในความเงียบ จากท่าทางของเขา หลงเสี่ยวเซินและหลงเสี้ยวตี้ก็ให้ความร่วมมือรักษาความเงียบไว้เป็นอย่างดี
เนิ่นนาน เสียงของหลงเจี้ยนก็ดังออกมา “พี่เซี่ยวเทียนใจดี ผมหลงเจี้ยนนับถือจริงๆ”
เขาพูดประโยคนี้คือเรื่องที่หลงเซี่ยวเทียนไม่ยอมเลื่อนพิธี อีกด้านคือการที่หลงเซี่ยวเทียนรับโทรศัพท์แล้วไม่พูดอะไร
หลงเจี้ยนโทรเข้ามา ก็เพื่ออยากเจอหลงเซี่ยวเทียนอีกครั้ง
สำหรับเขาโทรออกไป ใครพูดก่อนถือว่าเสียโอกาส ดังนั้นเขาจึงรอให้หลงเซี่ยวเทียนเอ่ยปากก่อน แต่กลับไม่ใช่ผลลัพธ์ในแบบที่เขาต้องการ
“อยากพูดอะไรก็พูดเถอะ ไม่ต้องอ้อมค้อม”
ความโกรธแค้นของหลงเซี่ยวเทียนที่มีต่อหลงเจี้ยนไม่ใช่สิ่งที่วันครึ่งวันจะสูญหายไปได้จนหมดสิ้น ดังนั้นหลงเจี้ยนโทรมา เขารู้สึกว่ามันน่าสนใจ
ดูเหมือนว่าเขากดดันสุนัขแก่ตัวนี้มากจริงๆ
“ดี ฉันต้องการให้นายเลื่อนพิธีส่งมอบตำแหน่งออกไป”
หลงเจี้ยนก็ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป บอกตามตรง
สามคนที่นั่งตรงหน้าโทรศัพท์ของหลงเซี่ยวเทียน ได้ยินแล้วใบหน้ากลับไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ยังคงสงบนิ่งไร้สิ่งเปรียบ
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ”
หลงเซี่ยวเทียนเลิกคิ้ว เขาฟังออกจากน้ำเสียงของหลงเจี้ยน จิตใจของหลงเจี้ยนนั้นไม่นิ่งแล้ว และเมื่อเขาไม่นิ่ง ก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นคู่ต่อสู้ของเขาแล้ว
เขารู้ว่า เมื่ออยู่ในพิธีส่งมอบภายใต้สายตาของตระกูลอื่น ถึงตอนนั้นหลงเจี้ยนอยากทำอะไรมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
“โอ๋ พูดแบบนี้หรอ กันแกก็วางใจลูกสาวของตัวเอง ยังมีภรรยา แล้วก็หลานชายหลานสาวทั้งสองที่อยู่ในจีนอีกหรอ”
หลงเจี้ยนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดออกมา
คล้ายกับว่าเขาพอจะเดาได้ว่าเมื่อหลงเซี่ยวเทียนได้ยินคำพูดพวกนี้แล้วจะเป็นยังไง
มังกรมีเกล็ด เมื่อสัมผัสจำต้องตาย
คำพูดเหล่านี้ของหลงเจี้ยนได้สัมผัสกับเกล็ดมังกรของหลงเซี่ยวเทียนทั้งหมดแล้ว เขานิ่งเงียบอย่างน่าประหลาด แม้ว่าหลงเสี่ยวเซินกำลังจะเอ่ยปากก็ถูกเขายกมือขึ้นห้าม
“ถ้านายกล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่น้อย ฉันจะเอาชีวิตครอบครัวนายทั้งหมดแน่”
ใบหน้าของหลงเซี่ยวเทียนยังคงสงบนิ่ง แต่น้ำเสียงเยียบเย็นคล้ายลอยขึ้นมาจากนรกสิบแปดชั้น ไอสังหารแผ่กระจาย
หลงเจี้ยนไม่คิดว่าเขาจะปากแข็งขนาดนี้ เมื่อได้ยินเสียงเย็นเยียบของหลงเซี่ยวเทียนแล้ว เขากลับรู้สึกคิดผิดที่โทรออกไปครั้งนี้ แต่ลูกธนูเมื่อยิงออกไปแล้วไม่สามารถเก็บกลับคืนได้ เขาทำได้เพียงยืนกรานเอ่ยออกไป “รอดูต่อไปแล้วกัน”
เมื่อเขากดวางสาย กลับพบว่าเสื้อผ้าของตนเองนั้นชื้นเหงื่อไปหมด หลงเจี้ยนใบหน้าบิดเบี้ยวอีกครั้งเพราะความขี้ขลาดของตนเอง “หลงเซี่ยวเทียน เพราะแกบีบบังคับฉัน”
กล่าวประโยคนั้นออกมาด้วยความโกรธแค้น เขาปาถ้วยชาในมือลงบนพื้นด้วยความรุนแรง
……
“น้องสาม เราจะให้หลงเจี้ยนข่มขู่เราแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ฉันคิดว่าการบาดเจ็บของอีหลินครั้งนี้แปดส่วนเป็นฝีมือเขาแน่” หลงเสี่ยวเซินเอ่ย หลงเซี่ยวเทียนพยักหน้าเห็นด้วย
“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกพี่วางใจเถอะ ผมมีวิธี”
เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจของหลงเซี่ยวเทียน พี่ชายทั้งสองก็ไม่ได้พูดมากอะไรอีก
ไม่นานห้องทั้งงห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
……
ห้องพักผู้ป่วย
ฉินอีหลินกำลังถือหนังสืออยู่ในมือเพื่อฆ่าเวลา เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลคือช่วงเวลาที่น่าเบื่อที่สุด แต่ก็ได้สัมผัสกับความเงียบสงบ สำหรับฉินอีหลินแล้วมันไม่ง่าย
หลงหลิงทานอาหารค่ำที่บ้านแล้ว รีบมาที่ห้องพักผู้ป่วย ตอนนี้เธอเหมือนสาวใช้ที่เกาะติดฉินอีหลินหนึบ
“ว้าว อีหลิน เธออ่านหนังสืออะไรอยู่ ใช่เคล็ดลับเอาชนะผู้หญิงเลวหรือเปล่า” หลงหลิงเบิกตามองอย่างตื่นตาตื่นใจ
ฉินอีหลินถูกความไร้เดียงสาของเธอเอาชนะแล้ว โยนหนังสือให้เธอ หลงหลิงรับมาอ่าน ที่แท้เป็น “สามก๊ก” ยังเป็นภาษาโบราณอีก
“อีหลิน อ่านอันนี้มีประโยชน์จริงหรอ ถ้ามีประโยชน์ฮันก็จะอ่าน” หลงหลิงถาม
“ให้เธอแล้ว ถ้าอ่านเข้าใจก็มีประโยชน์”
ฉินอีหลินมักชอบอ่านหนังสือแนวคลาสสิกโบราณ เธอคิดว่าแบบนี้สามารถพัฒนามุมความรู้ของเธอได้ ทำให้เธอสามารถปกป้องตัวเองจากตระกูลหลงที่หลอกลวงนี้ได้
วางหนังสือแล้ว หลงหลิงมองฉินอีหลินที่ดีขึ้นมามากแล้ว น้ำเสียงสรรเสริญ “อีหลิน วันนี้ที่เธอเอาคืนหลงว่านชิงนั้นเท่มาก เธอดูท่าทางตอนที่หล่อนกลับไปสิ ฉันสะใจจริงๆ”
มองหลงหลิงอย่างทำอะไรไม่ถูก ฉินอีหลินคิดว่าหลงหลิงเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสามากคนหนึ่ง ให้เธอเกิดมาในครอบครัวที่แย่งชิงกันแบบตระกูลหลงนี้ไม่ควรอย่างยิ่ง ยังดีที่มีหลงเสี่ยวเซินคอยปกป้องเธออยู่
“ความจริงก็ไม่มีอะไร แค่ตอบโต้แต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญก็คือ เธออย่ากลัว”
เมื่อก่อนฉินอีหลินคงไม่เอ่ยคำพูดแบบนี้ แต่ตอนนี้เธอเข้มแข็งแล้ว