บทที่ 293 แค่ได้อยู่กับเธอก็ดีที่สุดแล้ว
ในวันต่อ หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉินอีหลินก็แอบเดินไปยังห้องของหลงเซี่ยวเทียน การที่มาถึงบ้านตระกูลหลงในช่วงหลายวันมานี้ ฉินอีหลินยังไม่ได้คุยหลงเซี่ยวเทียนแบบเป็นจริงเป็นจังเลยสักครั้ง หลักๆคงเป็นเพราะว่าหลงเซี่ยวเทียนยุ่งอยู่กับการทำความคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมของทั้งตระกูลหลงในตอนนี้ ไหนจะต้องมาจัดการกับเรื่องตำแหน่งหัวหน้าตระกูลที่เขาจะต้องมารับช่วงต่ออีก
ฉินอีหลินเคาะประตูห้องของหลงเซี่ยวเทียน ด้วยสีหน้าท่าทางสบายจิตสบายใจ
“ใคร?”
มีเสียงของหลงเซี่ยวเทียนตะโกนขึ้นมาด้วยความเย็นชาดังขึ้นมาจากในห้อง หลงเซี่ยวเทียนก็เป็นแบบนี้ มีท่าทางเย็นชากับคนนอกตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่สำหรับฉินอีหลิน เขามีความเมตตาต่อเธอมาโดยตลอด
“พ่อคะ หนูเอง”ฉินอีหลินตอบกลับไป
“อีหลิน เข้ามาสิ”
ฉินอีหลินเปิดประตูออก มองเห็นหลงเซี่ยวเทียนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ในมือถือแก้วชา ดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“สองวันนี้เป็นยังไงบ้าง?”หลงเซี่ยวเทียนช่วงนี้มีเรื่องที่ต้องทำค่อนข้างเยอะ ก็เลยไม่ได้มีเวลามาใส่ใจดูแลลูกสาวของตัวเองมากนัก แต่เขารู้ดีว่า ด้วยฝีมือของฉินอีหลินแล้ว ไม่มีใครสามารถทำอะไรเธอได้แน่นอน
“ก็ดีค่ะ”ฉินอีหลินยิ้มๆพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆกับหลงเซี่ยวเทียน
ในใจของหลงเซี่ยวเทียนมีความรู้สึกผิดต่อลูกสาวคนนี้มาก เรื่องที่ตัวเองต้องมาสืบทอดผู้นำตระกูล จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องของเขาคนเดียวแท้ๆ ตอนนี้ต้องดึงฉินอีหลินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขารู้สึกเสียดายเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงหลายวันมานี้หลังจากที่ได้ทราบสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ของเชื้อสายหลักและเชื้อสายรองของตระกูลหลง เขาก็ยิ่งเป็นห่วงว่าถ้าเหล่าคนของเชื้อสายรองจัดการกับเขาไม่ได้ จะเปลี่ยนไปลงมือกับฉินอีหลินแทนเพื่อเป็นการข่มขู่เขา
“พ่อคะ สองวันมานี้หนูเดินสำรวจรอบๆบ้านของตระกูลหลงกับหลิงเอ๋อ ก็พบว่าตระกูลหลงมีปัญหาไม่ใช่น้อยๆอย่างที่คิดไว้เลย”
“เรื่องที่ลูกพูดมาพวกนี้ พ่อรู้แล้วล่ะ ในช่วงสองวันนี้ ลุงของลูกเล่าเหตุการณ์ให้พ่อฟังจนหมดแล้วล่ะ”
หลงเซี่ยวเทียนลูบๆหน้าผาก พร้อมกับพูดขึ้นต่อ“เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าคนของเชื้อสายรองมีกำลังที่แข็งแกร่งกว่าคนของเชื้อสายหลักไปแล้ว”
“พ่อคะ แล้วพ่อคิดจะทำยังไงต่อล่ะ?”ฉินอีหลินขมวดคิ้ว เธอหวังว่าจะแก้ไขปัญหาที่นี่ให้ได้โดยเร็ว เธอคิดถึงลี่โม่อวี่ คิดถึงลูกๆทั้งสองคน
“พ่อคุยปรึกษากับลุงเรียบร้อยแล้วล่ะ ใช้โอกาสตอนที่คนของเชื้อสายรองเผลอ แถลงเรื่องที่พ่อมารับตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อ
ให้พวกเขาไม่มีเวลาได้ลงมือได้ทัน”
ฉินอีหลินก็รู้ดีว่านี่เป็นแผนการที่ไม่ได้ดีมากนัก ในห้องก็เงียบสงบลงไปสักพัก
“เมื่อวานหนูเจอกับลูกสาวของหลงเจี้ยน”
“เป็นยังไงบ้าง?”
“ขยะดีๆนี่เอง”
หลงเซี่ยวเทียนกลัวว่าฉินอีหลินจะต้องมาทนทุกข์ลำบากอยู่ที่ตระกูลหลง ก็เลยพูดกำชับไปด้วยความกังวล“ไม่ว่าเธอจะโง่จริงหรือว่าแกล้งโง่ ลูกก็ไม่ต้องไปสนใจ มีปัญหาอะไร ลูกก็จัดการเองได้ตามสบายเลย ถ้าแม้แต่ลูกสาวตัวเองยังปกป้องไม่ได้ ก็เสียชาติเกิดที่ได้มาเป็นพ่อคน!”
พอเห็นพ่อเป็นห่วงตนเองขนาดนี้ ในใจฉินอีหลินก็รู้สึกอบอุ่นไม่น้อย
ฝั่งนี้หลงเซี่ยวเทียนกำลังพูดคุยกับลูกสาวของตัวเอง ห้องที่อยู่ถัดไปจากห้องหลงเซี่ยวเทียน หลงเสี่ยวเซินก็กำลังนั่งรออะไรบางอย่างอยู่ในห้องของตัวเอง
สักพัก ประตูห้องของหลงเสี่ยวเซินก็ถูกเปิดออก จากนั้นก็เห็นหลงหลิงเดินตัวสั่นเข้ามาข้างใน
“หลิงเอ๋อมานี่ พ่อมีเรื่องจะพูดกับลูก”หลงเสี่ยวเซินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเล็กน้อย
หลงหลิงเดินเข้าไปข้างหลังของหลงเสี่ยวเซินอย่างนอบน้อมเชื่อฟัง สองมือเล็กๆวางลงบนไหล่ของหลงเสี่ยวเซินอย่างเบาๆ แล้วก็เริ่มบีบๆนวดๆ
“พ่อคะ หลายวันนี้หลิงเอ๋อเป็นเด็กดีมากเลยนะคะ ถ้าไม่เชื่อ พ่อถามอีหลินได้”หลงหลิงนวดให้หลงเสี่ยวเซินไปพลางตอบเขาอย่างระมัดระวัง
“พ่อรู้ว่าลูกอยู่กับอีหลินในช่วงหลายวันมานี้ พ่อก็ไม่ได้คัดค้านที่ลูกสองคนจะอยู่ด้วยกัน อีหลินไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลงมาหลายปีแล้ว แล้วตอนนี้จู่ๆก็มาอยู่ในที่ที่สำหรับเธอแล้วเรียกได้ว่าไม่คุ้นเคยเช่นที่แห่งนี้ ลูกอยู่เป็นเพื่อนเธอเยอะๆก็ดีแล้วล่ะ”
“ค่ะพ่อ!หนูจะอยู่เป็นเพื่อนเธอบ่อยๆแน่นอน”
“แต่ว่า วันนี้พ่อเห็นสายตาที่ลูกมองอีหลินมันแปลกๆไปเล็กน้อย พวกลูกเจอเรื่องอะไรมาหรือเปล่า?”จู่ๆหลงเสี่ยวเซินก็ถามขึ้น
หลงหลิงจึงเล่าเรื่องที่ฉินอีหลินทำให้หลงว่านชิงต้องอับอายขายขี้หน้าให้หลงเสี่ยวเซินฟังจนหมดเปลือก หลังจากที่หลงเสี่ยวเซินได้ฟังแล้ว นอกจากจะไม่ตำหนิหลงหลิงว่าเล่นไม่เข้าท่าแล้ว กลับให้หลงหลิงไปเรียนรู้เรื่องต่างๆกับฉินอีหลินให้มากๆอีกด้วย จริงๆแล้วไม่ต้องเห็น หลงเสี่ยวเซินก็เดาได้เกินครึ่งแล้ว ว่าวันนี้จะต้องเป็นปัญหาของหลงว่านชิงแน่นอน
หลงหลิงเชื่อฟังฉินอีหลินมาก ไม่ได้เอาเรื่องที่ฉินอีหลินดึงชุดของหลงว่านชิงจนร่วงลง บอกกับหลงเสี่ยวเซินตรงๆ จริงๆแล้วในสายตาของหลงเซี่ยวเทียนและหลงเสี่ยวเซินเรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นเรื่องทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆของเด็กๆในตระกูล สำหรับหลงเซี่ยวเทียนที่ได้รับตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูลแล้วเรื่องแบบนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย
ณ คฤหาสน์ตระกูลลี่ ในเมืองหลวงของประเทศจีน
หลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนสองตัวแสบกำลังพูดคุยหยอกล้อกัน ไม่รู้ว่ากำลังก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก ลี่หยินหูกำลังพูดคุยปรึกษาอะไรบางอย่างกับลี่อานโก๋ในห้องของเขา พวกเขาสองคนไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำและทุกคำพูดกำลังถูกหลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนมองดูอยู่
จริงๆแล้วคฤหาสน์ตระกูลลี่ทั้งหลังมีระบบสอดส่องตรวจตรา ทุกๆห้องหนังสือติดกล้องวงจรปิด เพื่อเอาไว้ใช้ส่องเวลามีขโมยเข้ามา แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกหลงหมิงเจ๋อใช้ประโยชน์กับเรื่องแบบนี้
หลงหมิงเจ๋อเจ้าเด็กคนนี้ ตั้งแต่ได้แตะคอมพิวเตอร์ ทักษะก็เริ่มเก่งขึ้นเรื่อยๆ ระดับฝีมือแทบจะเทียบเท่ากับพวกแฮ็กเกอร์ต่างประเทศ ดูๆแล้วพรสวรรค์ของหลงหมิงเจ๋อมันน่ากลัวอย่างที่คิดไว้จริงๆ
“พ่อ มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”ลี่อานโก๋ถามลี่หยินหู
“หลังจากที่อีหลินไปหาตระกูลหลงในครั้งนี้ ตระกูลลี่กลับไม่มีข้อมูลส่งกลับมาเลยแม้แต่น้อย”
พอฟังลี่หยินหูพูดขนาดนี้ ลี่อานโก๋ก็โทษตัวเองอยู่ในใจ ถ้าเกิดตระกูลลี่ไม่ได้อยู่ในมือของตัวเอง ตอนนี้ก็คงจะเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่สะเทือนประเทศจีนทั้งประเทศไปแล้ว แต่เพราะความอ่อนแอของตนเองแท้ๆ ตระกูลลี่ในตอนนี้ไม่มีแม้แต่กำลังจะไปสู้ซึ่งๆหน้ากับพวกตระกูลที่เล็กๆพวกนี้
“ผมได้ให้โม่อวี่ไปหาซือเซี่ยแล้วครับ ดูจากความสามารถของบ้านซือแล้วเราน่าจะสืบได้ข้อมูลมาบ้างไม่มากก็น้อย ขอให้ท่านอย่าเป็นกังวลใจไป”
หลังจากที่ลี่หยินหูได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจยาวๆหนึ่งเฮือก แววตาดูไม่ออกว่าดีใจหรือเสียใจ“ฉันแก่แล้ว จะทำอะไรก็ไม่ไหวแล้ว แต่แกต้องรับประกันความปลอดภัยของอีหลิน ยังไงเธอก็เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลลี่”
พูดจบ ลี่หยินหูก็ลุกออกจากห้องของลี่อานโก๋ไป ท่าทางให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก
หลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนที่อยู่ในห้องรับแขกกำลังควบคุมกล้องวงจรปิดของทั้งคฤหาสน์ตระกูลลี่ เหลือบไปมองซ้ายทีหันไปดู ขวาที ก็รู้สึกว่าน่าเบื่อเหลือเกิน จากนั้นพวกเขาก็เห็นลี่โม่อวี่จากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตรงประตูทางเข้า ลี่โม่อวี่ที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก เดินเข้ามาข้างใน หลงหมิงเจ๋อมือไวรีบปิดโน้ตบุ๊กที่อยู่ในมือลง กลัวว่าลี่โม่อวี่จะเห็น“แผนการลับ”ของตัวเอง
“หือ!พวกลูกสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่?”
ลี่โม่อวี่ที่เพิ่งจะเข้ามาก็เห็นหลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนที่กำลังมองมาที่ตนเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ไม่มีอะไร ไม่มี”หลงหมิงเจ๋อรีบตอบกลับไป มือของเขายังคงวางอยู่บนโน้ตบุ๊กด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด กลัวว่าลี่โม่อวี่จะเห็นอะไร
ลี่โม่ยกคิ้วเล็กน้อย การกระทำเล็กๆน้อยๆนั้นของหลงหมิงเจ๋อไม่มีทางปิดบังสายตาของเขาไปได้อย่างแน่นอน เขายื่นมือออกมาหยิบโน้ตบุ๊กที่อยู่ในมือของหลงหมิงเจ๋อ แล้วเปิดออกอย่างอำเภอใจ
“เจ้าตัวแสบ ขนาดโน้ตบุ๊กก็ยังตั้งรหัสผ่านอีกซะด้วย ลูกเพิ่งจะอายุไม่เท่าไรก็รู้จักปกปิดความลับของตัวเองแล้วอย่างนั้นเหรอ”ลี่โม่อวี่พูดตำหนิแบบขำๆ ก่อนจะวางโน้ตบุ๊กในมือลง
หลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนหันมามองหน้ากัน พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ