บทที่ 307 ชาติที่แล้วหิวตายมาหรือไง
ค่ำคืนที่เงียบสงัดเต็มไปด้วยดวงดาว ณ บ้านตระกูลหลง
ฉินอีหลินอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ภายใต้คำสั่งของลี่โม่อวี่ไป๋หลางก็ได้มาถึงบ้านตระกูลหลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาเฝ้าอยู่หน้าห้องฉินอีหลินเหมือนกับอาโน่
รูปร่างของไป๋หลางจะไม่ได้ดูแข็งแรงเหมือนอาโน่ แต่ทั้งสองยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็สร้างความน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย เชื่อว่าคนเชื้อสายรองคงไม่กล้ามีใครคิดร้ายกับฉินอีหลินแล้ว
หลงเซี่ยวเทียนได้ยินว่าลี่โม่อวี่ส่งคนมาคุ้มกันดูแลฉินอีหลิน หัวเราะและดุเบาๆ เจ้าเด็กคนนี้ยังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง
วันนั้นที่ซือเซี่ยบอกข่าวกับลี่โม่อวี่ ก็เป็นความประสงค์ของหลงเซี่ยวเทียน ในสายตาของเขามองในฐานะที่เป็นพ่อของเด็กทั้งสอง มีสิทธิ์รับรู้ว่าใครเป็นคนลงมือกับลูกตัวเอง
เมื่อรู้เรื่องราวแล้ว ลี่โม่อวี่ก็รู้จักยับยั้ง ไม่พุ่งเข้ามาหาเรื่องตระกูลหลง ในสายตาหลงเซี่ยวเทียนมองว่าเขายังพอมีสติ เขาพอใจมาก
พิธีส่งมอบตำแหน่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลงเซี่ยวเทียนเองก็เริ่มกดดัน เขาไม่รู้ว่าคนเชื้อสายรองจะมีความเคลื่อนไหวอะไรอีกหรือไม่ เขาทำได้เพียงปกป้องคนที่รักจากอันตรายให้ดีที่สุด เพียงยืนหยัดให้ถึงวันพิธีให้สำเร็จ แบบนั้นก็ถือว่าสำเร็จลุล่วงไปได้แล้ว
“น้องสาม คิดอะไรอยู่” หลงเสี่ยวเซินนั่งลงโซฟาด้านข้างหลงเซี่ยวเทียน เห็นหลงเซี่ยวเทียนมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง จึงเอ่ยถาม
“เปล่าครับ ผมแค่กำลังคิดว่าถ้าหากผมเป็นหลงเจี้ยน ผมจะทำยังไงต่อไป” ดวงตาคมของหลงเซี่ยวเทียนยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง
เห็นว่าน้องสามยังคงกังวลกับคนเชื้อสายรอง หลงเสี่ยวเซินก็ส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้
ทันใดนั้น หลงเซี่ยวเทียนก็หันกลับมา ตะโกนไปยังประตู “ใคร!”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเท้าวิ่งห่างออกจากประตู เมื่อหลงเซี่ยวเทียนเปิดประตูออกไปดู เห็นเพียงแผ่นหลังที่หายเข้ามุมไปแล้ว
หลงเซี่ยวเทียนไม่ได้ตามไป เขาหันกลับเข้าห้องหนังสือไป ปิดประตูแล้วนิ่งคิดเงียบๆ “ดูเหมือนว่าคนของคนเชื้อสายรองจะยังไม่ยอมจบง่ายๆสินะ”
ในตอนที่เขาตามไปดู หลงเสี่ยวเซินก็เดาออกแล้วว่าเป็นคนของคนเชื้อสายรอง ตอนนี้หลงเซี่ยวเทียนพูดแบบนี้ ทั้งสองจึงมั่นใจว่าคนเชื้อสายรองเป็นคนส่งมา
……
บ้านพักของคนเชื้อสายรอง หลงเจี้ยนกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหาร ช้อนส้อมในมือค่อยๆจิ้มฟลัวกราในจาน ไม่มีรสชาติใดๆเผยขึ้นมาบนใบหน้า เขาส่งเข้าปากด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เคี้ยวสองสามนาทีแล้วกลืนลงไปช้าๆ
นั่งอยู่ตรงหน้าเขาคือน้องชายของเขาหลงเหริน ตรงกันข้ามไม่มีความอ่อนโยนแบบนี้ ราวกับไม่เคยทานข้าวมาก่อน ยัดใส่ปากไม่หยุด
“ชาติที่แล้วแกหิวตายมารึไง” หลงเจี้ยนทนดูต่อไปไม่ไหวจึงถามออกมา
หลงเหรินอยากโต้ตอบคำพูดของหลงเจี้ยน แต่อาหารเต็มปากไปหมด ดังนั้นจึงพูดได้ไม่เป็นคำ สุดท้ายหลงเจี้ยนก็ฟังไม่ออก
“ครั้งนี้ให้นายไปจัดการหลานทั้งสองของหลงเซี่ยวเทียน แกก็ล้มเหลว แกยังมีประโยชน์อะไรอีก”
ดูเหมือนว่าการลอบทำร้ายหลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนครั้งนี้คือคนของหลงเหรินที่หลงเจี้ยนส่งมา
ได้ยินหลงเจี้ยนตำหนิตัวเอง หลงเหรินก็ไม่โต้ตอบ เพราะครั้งนี้เขาพลาดจริงๆ เขาไม่คิดว่าฝั่งจีนจะฝือมือดีราวกับเมฆขนาดนี้
“อีกสามวันก็ถึงวันพิธีส่งมอบตำแหน่งแล้ว คงเอาชนะคนเชื้อสายหลักไม่ได้จริงๆ” หลงเจี้ยนวางส้อมในมือ ยกแก้วไวน์ขึ้น น้ำเสียงเสียดาย
วิธีที่คิดได้ เขาก็ทำไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้หลงเซี่ยวเทียนเลื่อนพิธีออกไปได้ ดูเหมือนว่าหลงเจี้ยนคงคิดจะยอมแพ้แล้วจริงๆ
……
สองวันต่อมา
ฉินอีหลินนอนอยู่บนเตียง อาการของเธอดีขึ้นมาไม่น้อยแล้ว ตอนนี้สามารถลงจากเตียงมาทำกิจกรรมได้แล้ว แต่หลงเซี่ยวเทียนก็ยังสั่งให้เธอนอนพักอยู่บนเตียงเยอะๆ ยังไงซะหลงเซี่ยวเทียนก็รู้ว่าสาเหตุที่เธอต้องพักรักษาเพราะสูญเสียเด็กในท้อง แต่ฉินอีหลินกลับไม่รู้
ภายใต้การตำหนิอย่างเป็นห่วงของหลงเซี่ยวเทียน ฉินอีหลินนอนอยู่บนเตียงอย่างเชื่อฟัง ไม่ออกไปไหน
เมื่อเบื่อเธอก็หยิบโทรศัพท์หาลี่โม่อวี่ที่อยู่เมืองจีน แต่เมื่อคิดได้ว่าลี่โม่อวี่กำลังมุ่งมั่นพัฒนาการงานของตัวเองอยู่ เธอจึงได้โทรหาลูกทั้งสอง
หลงหมิงเจ๋อและหลงจิ่นเซวียนพึ่งจะเข้าอนุบาล ไม่ต้องอยู่โรงเรียนทุกวัน
เวลาอยู่บ้าน ไม่มีผู้ใหญ่เล่นกับพวกเขา หลงหมิงเจ๋อมักจะอยู่ในห้องของตัวเองฝึกทักษะคอมพิวเตอร์ และหลงจิ่นเซวียนก็มักจะเดินตามก้นเขา พูดไม่หยุด “พี่คะ พี่ โทรหาแม่หน่อยสิ”
เวลานี้หลงหมิงเจ๋อจะหันกลับมาบอกเธอว่า “ขอโทษนะ ฉันยุ่งมาก” จากนั้นหันกลับไปใช้มือเล็กกดแป้นพิมพ์ไม่หยุด ไม่รู้กำลังศึกษาอะไรอยู่
หลงจิ่นเซวียนยู่ปากด้วยความโกรธอยู่ด้านหลังหลงหมิงเจ๋อ กำลังวางแผนอะไรบางอย่าง สังเกตดูดีๆ ที่แท้กำลังเขียนชื่อหลงหมิงเจ๋ออยู่บนพื้น จากนั้นใช้แรงตีงูหนักๆ ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู
ความจริงหลงหมิงเจ๋อรักน้องสาวของตนมาก ไม่รู้ว่าเขาจัดการอะไรกับคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว จึงหันมาบอกหลงจิ่นเซวียน “เอาล่ะ โทรหาแม่ได้แล้ว”
ที่แท้เขากำลังเชื่อมต่อเครือข่ายสื่อสารของจีนผ่านคอมพิวเตอร์ แบบนี้เขาถึงจะสามารถโทรหาโทรศัพท์ทุกหมายเลขผ่านคอมพิวเตอร์ได้แล้ว อีกทั้งตั้งค่ากล้องให้ทั้งสองฝ่ายมองเห็นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
ฉินอีหลินติดต่อกับเด็กๆด้วยวิธีนี้หลายครั้งแล้ว ทุกครั้งเห็นท่าทางเด็กทั้งสองคิดถึงตนเอง ฉินอีหลินก็แทบจะร้องไห้
……
เช้าตรู่วันต่อมา คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลหลง ซึ่งมีผู้คนน้อยนิดมาก่อน ตอนนี้กลับครึกครื้นเป็นพิเศษ
เนื่องจากวันนี้เหล่าตระกูลผู้มีชื่อเสียงจากทั่วทุกสารทิศได้รับบัตรเชิญเพื่อเข้าร่วมพิธีส่งมอบตำแหน่งของตระกูลหลง พวกเขาพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ต่างมีความสง่าโดดเด่นกันทุกท่วงท่า บ่งบอกว่างานนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
สุดท้ายหลงเจี้ยนก็หาทางข่มขู่หลงเซี่ยวเทียนไม่ได้อีกต่อไป เขาทำได้เพียงยอมแพ้ไปเงียบๆ ยังไงซะตอนนี้เขาก็ดูแลกิจการธุรกิจใหญ่ของตระกูลหลง หากหลงเซี่ยวเทียนมีหลักฐานอะไร แม้กระทั่งบ้านตระกูลหลงเขาก็คงอยู่ต่อไปไม่ได้ ยังไงซะเขาก็เป็นคนของตระกูลหลง
แน่นอนว่าตระกูลซือก็ได้รับคำเชิญจากตระกูลหลง ซือเซี่ยควงคู่มากับซือเอ๋อ พึ่งมาถึงบ้านตระกูลหลง ซือเอ๋อก็งอแงอยากไปเจอฉินอีหลิน ถูกซือเซี่ยห้ามเอาไว้
เพราะวันนี้หลงเซี่ยวเทียนเป็นคนสำคัญ พวกเขาหนุ่มสาวมาเพื่อร่วมงานพิธี หลงเซี่ยวเทียนคงพาพวกเขาไปเจอฉินอีหลินไม่ได้ ทำได้เพียงรองานพิธีจบแล้วค่อยหาวิธีไปพบ
พิธีถูกจัดอยู่ในห้องโถงของตระกูลหลง แบบนี้ดูหยิ่งใหญ่ขึ้นมามาก
วันนี้หลงเซี่ยวเทียนเป็นตัวเอกคนสำคัญสวมชุดสูทสีดำดูสง่า เชิ้ตสีขาวตัดกับสูทสีดำขับให้เขาดูงดงามมากยิ่งขึ้น
เขาเหมาะสมที่จะชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลหลง หลงเสี่ยวเซินและหลงเสี้ยวตี้ก็เดินตามเขามาติดๆ สามพี่น้องเดินเข้าไปในงานก็สามารถดึงดูดสายตาคนได้เป็นอย่างดี
สายตาของคนทั้งงานเคลื่อนไหวตามการก้าวเดินของทั้งสามคนไปยังเวที