บทที่ 327 ล้วนต้องตาย
สุดท้าย คนของคนเชื้อสายรองโดยการนำของหลงเจี้ยนเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าบรรพชน
รอจนคนไปแล้ว มองไปยังฉินอีหลินที่มีอำนาจเหนือกว่าอย่างนับถือ “อีหลิน จากนี้ต่อไปฉันจะเป็นแฟนคลับของเธอ”
“เอ่อ….”
ฉินอีหลินมองสายตาร้อนแรงของหลงหลิง พลันพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“อีหลิน ไม่เลวเลยจริงๆ คำพูดวันนี้ฉันและพ่อของเธอต่างก็พูดไม่ได้ ได้เธอออกปากมันดูมีพลังอำนาจมากขึ้นเยอะเลย ไม่เลว นับวันยิ่งมีเงาของพ่อเธอแล้ว”
หลงเสี้ยวตี้ก็เอ่ยปากชมฉินอีหลินเช่นกัน เขาเอ่ยพร้อมทั้งมองไปยังหลงเซี่ยวเทียน
หลงเซี่ยวเทียนเองก็ชื่นชมการกระทำของฉินอีหลิน อีกด้านคือได้ยินพวกเขาเอ่ยชมลูกสาวตนเอง เขาก็รู้สึกภูมิใจ
“ตอนนั้นหนูโกรธมาก ไม่ได้คิดคำนึงถึงผลที่จะตามมา ถ้าหากพวกเขาฉีกหน้าขึ้นมาจริงๆ เราจะยุ่งยากกว่านี้มาก ตอนนั้นพอหนูหัวร้อนก็…….”
ฉินอีหลินได้ยินที่ทุกคนชื่นชม ก็รู้สึกกระดากอาย
เธอไม่ได้คิดเยอะจริงๆ ถ้าหากหลงเจี้ยนฉีกหน้าขึ้นมาจริงๆ นำพาเอาธุรกิจครอบครัวเหล่านั้นไป พวกเขาคงไม่สามารถรวบรวมคืนกลับมาได้ทั้งหมดในเวลาสั้นๆ
กระต่ายตกใจยังกัดคนได้ เธอวู่วามเกินไปแล้ว
“วางในเถอะ ฉันมีแผนการ”
หลงเซี่ยวเทียนเห็นฉินอีหลินสามารถคิดคำนึงไปไกลได้ขนาดนี้ พลันรู้สึกภูมิใจขึ้นมา
“ต้องรีบดึงเอาธุรกิจของตระกูลหลงมาไว้ในกำมือ หนูกลัวว่าหากรอให้พวกเขาปีกกล้าขาแข็ง คงไม่สนใจกฎเกณฑ์พวกนี้แล้ว”
ฉินอีหลินเงยหน้ามองหลงเซี่ยวเทียนอย่างจริงจังแล้วบอก
……
แม้สถาปัตยกรรมของบ้านตระกูลหลงจะรวมระหว่างศิลปะตะวันตกและจีน ทว่าหอบรรพชนนั้นเป็นตามแนวประเพณี
อยู่ในที่ลึกสุดของบ้านตระกูลหลง เป็นอาคารย้อนยุคที่ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้ เหนือประตูใหญ่ มีโคมไฟสีแดงส่องสว่าง
เดินเข้าไปด้านใน สองฝั่งของห้องโถง มีพรมสี่แถวปูไว้เพื่อสะดวกต่อการให้คนมากราบไหว้บรรพบุรุษ
ตรงหน้าของห้องโถง ป้ายบรรพชนถูกเช็ดทำความสะอาดอย่างดี แท่นบูชาตรงหน้าจุดเทียนสีขาวตลอดทั้งปี
ตอนนี้เพราะเป็นกลางดึก ลมหนาวพัดเขามาในศาล ดวงไฟบนเปลวเทียนติดๆดับๆ คล้ายสายตาเยือกเย็นของบรรพบุรุษ
“พี่ใหญ่ หลงเซี่ยวเทียนรังแกกันมากเกินไปแล้วนะ”
หลงเหรินคุกเข่าอยู่ด้านหลังของหลงเจี้ยน แอบกัดฟันอยู่เงียบๆ
และหลงเจี้ยนที่คุกเข่าอยู่หน้าสุด ใบหน้าเต็มไปด้วยไปมืด
ศาลบรรพบุรุษนี้ก็เป็นบรรพบุรุษของคนเชื้อสายหลัก พวกเขามาคุกเข่าอยู่ตรงนี้ แสดงถึงการอ่อนข้อต่อคนเชื้อสายหลัก
เขาไม่ยอม
หลงเจี้ยนลำบากยากเข็ญกว่าจะปืนมาถึงจุดนี้
เพื่อไม่ให้ตนเองโดดเดี่ยวเขาใช้กำลังอย่างมากในการดึงหลงเหรินมาเป็นพลกำลังนำทัพ เขาต้องใช้ใจมากเพียงไหนถึงได้หัวใจของหวงจิ้งฝูมา ถ้าให้ยอมก้มหัวให้คนเชื้อสายหลัก เขาทำไม่ได้
“พี่ใหญ่ พี่พูดอะไรหน่อยสิ พี่น้องเราแม้ให้ไปบุกน้ำลุยไปเราก็จะปกป้องพี่ใหญ่”
“ปกป้องพี่ใหญ่”
“ปกป้องพี่ใหญ่”
“ปกป้องพี่ใหญ่”
ภายในศาลบรรพชนมีคำพูดเหล่านี้ออกมาไม่หยุด ทว่าหลงเจี้ยนกลับไม่ได้ลุกขึ้น และไม่เอ่ยอะไร เขายกมือขวาบ่งบอกให้หยุดลง เสียงกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
หลงเจี้ยนอยากจะฉีกหน้ามากกว่าใครๆ แต่เขาทำไม่ได้
ตอนเด็กเขาและหลงเสี่ยวเซินต่างก็ชอบกินถางหูลู่(ผลไม้เคลือบน้ำตาล) ทุกครั้งที่เล่นด้วยกัน เขามองเห็นในมือของหลงเสี่ยวเซิน ถางหูลู่ที่ทำออกมาเป็นพิเศษ ใจของเขาเฝ้าฝันหามันไม่หยุด
แต่เขาไม่เคยไปกินมัน เพราะแม่บอกเขาว่า หลงเสี่ยวเซินเป็นหลานคนเชื้อสายหลัก เขาสู้ไม่ได้ แย่งไม่ได้ อย่าไปต่อล้อต่อเถียง
นอกจากมีสักวันที่หลงเสี่ยวเซินไม่ชอบกินถางหูลู่แล้วเท่านั้น เขาถึงจะไปถามเขาได้ ว่ามอบถางหูลู่นั้นให้เขาได้ไหม
นับจากวันนั้นเขาก็ให้สัญญา ขอแค่เขาหลงเจี้ยนยังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องครอบครองธุรกิจทุกอย่างของตระกูลหลง ทำให้คนเชื้อสายหลักก้มหัวให้เขา
ถางหูลู่ ต้องเป็นของเขาเท่านั้น
“พ่อ ครั้งนี้ฉินอีหลินเอากฎระเบียบของบรรพบุรุษมาสั่งสอนมากดพวกเรา นี่มันเหมือนกับการตบหน้าเราชัดๆ พ่อต้องเอาคืนให้หนูนะ”
หลงว่านชิงห็นพ่อของตนไม่พูดอะไร จึงเอ่ยปากบ่นออกมา
“ลุงเจี้ยน ฉินอีหลินนั่นเป็นอะไรกัน ถึงได้เย้ยหยันพี่ว่านชิงครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้ทำให้พวกเราลงมาไม่ได้อย่างชัดเจน คุณต้องเอาคืนความยุติธรรมให้เรานะ”
หลงซินเอ๋อที่เป็นลูกสมุนของหลงว่านชิงคุกเข่าอยู่ด้านหลังเอ่ยบอก เวลานี้ได้เห็น “เจ้านายน้อย” เอ่ยปากแล้ว เธอจึงรีบเสริม
“ใช่ ลุงเจี้ยน คุณต้องช่วยพวกเรานะ”
เด็กสาวอีกคนเห็นหลงซินเอ๋อเอ่ยปาก จึงรีบเสริม กลัวว่าหลงซินเอ๋อจะได้หน้าไป
หวงจิ้งฝูเห็นเด็กพวกนี้ตั้งใจขมวดคิ้วมุ่น เธอก็กังวลเช่นกัน
ตอนนี้เธอคุกเข่าอยู่ด้านหลังของผู้ชายของเธอ ตอนนี้จึงเอ่ยอย่างใจเย็น “ตอนนี้เราไม่ใช่แค่โดนหักหน้า แม้กระทั่งธุรกิจในมือก็เกรงว่าจะถูกยึดคืนไปบางส่วนเหมือนกัน ครั้งนี้หลงเซี่ยวเทียนทำได้เยี่ยมจริงๆ”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ ความโกรธทำให้ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยว
“ผมรู้ว่าควรทำอะไร ตอนนี้จะฉีกหน้าพวกเขาไม่ได้ คุณคิดว่าถูกไล่ออกจากตระกูลแล้ว คุณยังจะเป็นอะไรได้อีก”
หลงเจี้ยนถูกเสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้ปวดสมอง จึงตอบกลับด้วยอารมณ์ที่ไม่ดี เขาเข้าในสถานการณ์มากกว่าเหล่าผู้หญิงพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเธอมาชี้นิ้วสั่ง
“ถ้ารู้แบบนี้ ตอนนั้นคงวางยาให้ฉินอีหลินตายๆไปซะ”
ดวงตาของหลงว่านชิงต็มไปด้วยความโกรธแค้น เธอกัดฟันพูดออกมา
แม้ว่าหลงว่านชิงองก็เป็นคนเชื้อสายรองของตระกูลหลง แต่ถูกเลี้ยงดูประคบประหงมมาตั้งแต่เด็ก ไหนเลยจะยอมรับความลำบากนี้ได้
ตอนนี้คุกเข่ามาแล้วกี่ชั่วโมง เธอปวดไปทั้งเนื้อทั้งตัว แค่คิดว่าเธอต้องคุกเข่าไปอีกกี่ชั่วโมง เธอแทบรอที่จะกลืนกินชีวิตของฉินอีหลิน
“หุบปาก”
หลงเจี้ยนได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้ว ใครจะรู้ว่าด้านนอกจะมีคนของคนเชื้อสายหลักหรือไม่ ถ้าหากให้พวกเขาจับได้ คนเชื้อสายรองคงไม่ได้มีโอกาสได้ชูหัวอีกแล้ว
“พ่อ…”
“คุกเข่าไปเงียบๆ พูดอะไรมากมาย”
“พี่ใหญ่ ว่านชิงยังเป็นแค่เด็ก พี่อย่าดุเธอเลย”
หลงเหรินได้ยินหลงว่านชิงพูดถึง “การวางยา” ดวงตาก็วาววับ สมองที่ไม่ค่อยทำงานตอนนี้กำลังพยายามทำงานอย่างหนัก
เขาเอ่ยปากออกตัวแทนหลงว่านชิง แต่ในหัวก็คิดไม่หยุด
ฉินอีหลินคนนั้นสร้างเรื่องให้พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากเธอไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว งั้นก็แสดงว่าพวกเขาจะมีโอกาสอีกมากเลยสิใช่ไหม
หลงเหรินหันไปมองคนในตระกูลคนอื่นๆ ล้วนได้รับสายตายืนยันชัดเจน
หันกลับไปมองหลงเจี้ยนที่ยังคงอยู่ในความมืด ดวงตาของหลงเหรินปรากฏความเย็นชาและโหดร้ายขึ้นมา
ใช้สมองเขาทำไม่เป็น แต่ฆ่าคน เป็นทางของเขา
หลงเจี้ยนยังคงหลับตาคิดทบทวนควรเดินไปทางไหนต่อ ทว่ากลับไม่รู้ คนที่อยู่ข้างหลัง เหล่าชายคนเชื้อสายรองหลายคน ต่างพากันก่อเกิดความคิดน่าขัน
ฉินอีหลินต้องตาย หลงเซี่ยวเทียนต้องตาย
ใครที่ขวางการเป็นผู้นำตระกูลของคนเชื้อสายรองทุกคน ล้วนต้องตาย
คิดมาถึงตรงนี้ หลงเหรินก็กำมือหมัดแน่น กระดูกส่งเสียงชัดเจน