บทที่ 339 เตรียมตัวเป็นแม่สื่อ
โบราณว่าศัตรูมาเจอกันความบาดหมางทวีความรุนแรงมากขึ้น แม้อ้ายหลุนจะรู้ว่าฉินอีหลินกับตัวเองนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าด้านข้างของหญิงสาวมีชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ด้วยและมีท่าทีสนิทสนม ทำให้อ้ายหลุนเกินความอิจฉาอยู่ในใจ
เด็กทั้งสองทักทายอ้ายหลุนด้วยความสนิทสนม มองเห็นด้านข้างอ้ายหลุนมีหลงหลิงที่กำลังทำอะไรไม่ถูก
เด็กทั้งสองหันไปและทักทายอย่างพร้อมเพรียง “คุณน้าสวัสดีครับ/ค่ะ”
มองเห็นหลงหลิงที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้างอ้ายหลุน ฉินอีหลินจึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “หลิงเอ๋อ ทำไมเธอก็อยู่ด้วยล่ะ”
จากนั้นฉินอีหลินใช้สายตาสำรวจลึกมองไปยังหลงหลิง หลงหลิงถูกเธอมองยิ่งเขินอายมากขึ้น
ตอนที่กำลังจะเอ่ยอธิบาย อ้ายหลุนจึงขยับมายืนด้านหน้า “เมื่อกี้ผมกำลังเดินซื้อของอยู่ก็เจอกับหลิงเอ๋อพอดี กระเป๋าเงินเธอถูกขโมยไปแล้ว ผมเลยช่วยเธอจ่ายเงิน เดินซื้อของด้วยกัน”
อ้ายหลุนบอกอย่างไม่ใส่ใจ แต่คำเรียกหลงหลิงที่ถูกเปลี่ยนเป็นหลิงเอ๋อ ทำให้ฉินอีหลินรู้สึกว่ามันมีปัญหา
แต่เมื่อคิดดูดีๆ ถ้าหากพวกเขาได้อยู่ด้วยกันมันก็ไม่เลวนี่นา จึงส่งสายตาให้กำลังใจไปให้หลงหลิง ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาอ้ายหลุน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ไม่เจอกันนานนะอ้ายหลุน” ลี่โม่อวี่ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้างเนิ่นนานเอ่ย
ความจริงขณะที่อ้ายหลุนคุยกับฉินอีหลิน ก็คอยสังเกตลี่โม่อวี่อยู่ตลอด
เมื่อเขารู้สึกว่าลี่โม่อวี่ยังคงคาดเดาได้ยากอยู่เช่นเดิม จึงเลิกทำท่าทีเฉยเมย ยื่นมือออกไปจับทักทายกับลี่โม่อวี่ ใบหน้าเป็นมิตร
“ลี่โม่อวี่ สวัสดีครับ”
อ้ายหลุนกล่าวอย่างเป็นมิตร ความจริงเขายอมแพ้กับฉินอีหลินไปแล้ว แต่มันพึ่งผ่านไปได้ไม่นาน ตอนนี้เจอลี่โม่อวี่ก็ยังเลี่ยงไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่
เมื่อสังเกตเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างอึดอัด ฉินอีหลินจึงรีบกู้สถานการณ์ “ในเมื่อพวกคุณเองก็เดินซื้อของ งั้นเราไปด้วยกันเลยดีไหมคะ”
อ้ายหลุนพยักหน้ายังไงก็ได้ ยังไงซะเขามาที่ห้างก็เพราะเบื่อๆ ตอนนี้มีคนอยู่เป็นเพื่อน คงสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว
หลงหลิงเองก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ลี่โม่อวี่เมื่อได้ยินที่ฉินอีหลินบอกสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่มีใครทันได้เห็น
ในความคิดของลี่โม่อวี่คือครอบครัวของเขากำลังเดินซื้อของ ตอนนี้พลันมีคนอื่นเข้ามาด้วย เขายังไม่คุ้นชินเท่าไหร่
เด็กทั้งสองนั้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง เด็กๆชอบความครึกครื้น ตอนนี้สมาชิกยังเพิ่มมาอีกสองคน พวกเขาตื่นเต้นมาก
ดังนั้นเมื่อมองเห็นเสื้อผ้าที่ตนเองอยากได้จึงงอแงให้ฉินอีหลินและลี่โม่อวี่ซื้อให้พวกเขา สองสามีภรรยาคิดว่ากระเป๋าเงินของพวกเขาแทบฉีกแล้วใครใช้ให้เด็กๆมีความสุขกันล่ะ
แต่คนละเอียดอย่างฉินอีหลินก็ไม่ลืมที่จะแอบจับคู่หลงหลิงและอ้ายหลุนให้อยู่ด้วยกัน จนใบหน้าเล็กของหลงหลิงแดงระเรื่อ แต่อ้ายหลุนไม่ได้ตอบสนองอะไร
ไม่นานเด็กทั้งสองก็เดินจนเหนื่อยแล้ว ฉินอีหลินมองนาฬิกาตอนนี้ถึงเวลาเที่ยงแล้ว เธอจึงเอ่ย “เดินมาตั้งนานแล้ว เราไปทานข้าวด้วยกันดีกว่า”
ลี่โม่อวี่แสดงท่าทางว่ายังไงก็ได้ แต่ในใจของเขานั้นไม่ชอบใจมาก เพราะสองคนที่โผล่มานั้นส่งผลกระทบกับเขา แต่เขาไม่ได้แสดงอะไรออกมาให้เห็น
อ้ายหลุนมีท่าทีเห็นด้วย แล้วบอก “เห็นด้วย แถวนี้มีร้านอาหารจีนร้านหนึ่ง เดี๋ยว ผมพาพวกคุณไป”
“เย้ เย้” เด็กทั้งสองตบมือเห็นด้วยรู้สึกดีใจเป็นที่สุด มาอยู่ประเทศMหลายวันแล้ว ยังไม่ได้ทานอาหารจีนต้นตำรับเลย พวกเขาไม่ค่อยชินเท่าไหร่
จากนั้นทั้งหกคน ผู้ใหญ่สี่บวกกับเด็กอีกสอง ออกจากห้างไปยังลานจอดรถ
เมื่อถึงลานจอดรถ หลงหลิงขับรถมาเอง อ้ายหลุนเองก็เช่นกัน
และฉินอีหลินมารถด้วยกันสี่คน ฉินอีหลินที่อยากจับคู่หลงหลิงและอ้ายหลุนนั้นรีบพูด “พวกคุณสองคนขับรถสองคันมันยุ่งยาก หลงหลิงเธอไปนั่งรถกับอ้ายหลุนเถอะ”
จากนั้นไม่สนใจท่าทางกระอักกระอ่วนของหลงหลิง จากนั้นหยิบกุญแจรถจากมือหลงหลิงแล้วผลักเธอเข้าไปยังรถเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงของอ้ายหลุน
โบกมือด้วยความพอใจ บอกให้อ้ายหลุนขับรถนำทาง จากนั้นฉินอีหลินค่อยกลับมานั่งบนรถตัวเอง
พึ่งจะขึ้นมาบนรถ ลี่โม่อวี่ก็ถามอย่างแปลกใจ “ดูท่าทางคุณแล้ว เตรียมจะเป็นแม่สื่อแล้วหรอ”
ฉินอีหลินได้ยินดังนั้นแล้วจึงทำท่าทางภาคภูมิใจ “แน่นอนสิ หรือว่าคุณไม่คิดว่าพวกเขาสองคนเหมาะสมกันหรอ”
ลี่โม่อวี่พยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นหันมาตั้งใจขับรถ
ทันใดนั้น เฟอร์รารี่ที่พึ่งขับออกมาจากลานจอดรถก็หยุดลง จากนั้นก็เห็นอ้ายหลุนอยู่ในชุดสูทขาวเดินลงจากรถแล้วพุ่งเข้าไปหาสี่คนที่ยืนอยู่ข้างถนน
ลี่โม่อวี่รีบหยุดรถทันที จากนั้นลงรถไปพร้อมกับฉินอีหลิน ฉินอีหลินเห็นหลงหลิงที่ลงมาเหมือนกัน จึงรีบถาม “เกิดอะไรขึ้น”
หลงหลิงมองแผ่นหลังของอ้ายหลุนที่พุ่งเข้าไป ใบหน้าหลงใหลและกังวล จากนั้นเธอยกมือขึ้นชี้ไปที่สี่คนตรงนั้น แล้วบอก “คนตัวดำสูงๆในนั้นเป็นคนที่ขโมยกระเป๋าเงินฉัน”
หลงหลิงจำได้ว่าก่อนที่กระเป๋าเงินจะหายไปเธอเดินชนกับคนคนนั้น ดังนั้นเธอจึงบอกอย่างมั่นใจ
ตัวเองพึ่งเอ่ยบอก อ้ายหลุนก็รีบพุ่งเข้าไป ตอนนี้หลงหลิงมีความสุขเป็นที่สุด แต่ก็ยังกังวล
ฝั่งนั้น อ้ายหลุนมาอยู่ตรงหน้าของทั้งสี่คนแล้ว ทั้งสี่คนนี้เป็นเพียงนักเลงกระจอกในประเทศM แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือส่วนสูง อ้ายหลุนก็ไม่แพ้เช่นกัน
“เฮ้ ก่อนหน้านี้ขโมยกระเป๋าเงินของหญิงสาวคนหนึ่งไปหรือเปล่า” อ้ายหลุนถามอย่างไม่ลังเล
คนพวกนั้นหันมามองอ้ายหลุน สองสำรวจอ้ายหลุนอย่างถี่ถ้วน จากนั้นพูดอะไรอย่างดูหมิ่นไม่
รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ให้สีสันหน่อยคงไม่ได้ อ้ายหลุนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแสร้งทำเป็นโทรแจ้งตำรวจ จากนั้นคนเหล่านั้นก็ตกหลุมพรางแล้ว ชายชุดดำกระแทกกำปั้นเหล็กไปยังอ้ายหลุน
แต่อ้ายหลุนที่ไม่ธรรมดาจะปล่อยให้มันธรรมดาแบบนั้นได้ยังไงกัน เพียงเห็นว่ามือซ้ายของเขาถือโทรศัพท์ ทว่าร่างกายที่มีความยืดหยุ่นสูงก้มลงหลบกำปั้นเหล็กของชายชุดดำ
จากนั้นมือขวารีบโยนหมัดเข้าไปที่หน้าท้องของชายชุดดำ ต่อมาร่างสูงใหญ่ของชาชุดดำก็ล้มลงไป พร้อมทั้งใช้มือกุมหน้าท้อง
อีกสามคนที่เหลือก็แค่รู้จักกับชายชุดดำเพียงเท่านั้น ตอนนี้เห็นว่าเขาโดนต่อยล้มลงด้วยความรวดเร็วขนาดนั้น เดิมคิดว่าอยากยื่นมือเข้าไปช่วย จึงต้องล้มเลิก
กับนักเลงข้างถนนพวกนี้ เดิมทีพวกเขาก็ไม่ยอมต่อยตี เพราะบาดเจ็บแล้วยังต้องออกค่ายาเองอีก
อ้ายหลุนมองชายชุดดำที่ม้วนตัวอยู่ใต้เท้าตนเองอย่างดูถูก ใช้มือยื่นไปค้นร่างกายของเขา จากนั้นหยิบกระเป๋าเงินสีขาวออกมา
จากนั้นเดินออกมาไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง และไม่ได้แจ้งตำรวจ สำหรับเขานี่เป็นแค่เรื่องเล็กๆเอง
เดิมมาหยุดตรงหน้าหลงหลิง อ้ายหลุนยกกระเป๋าสตางค์ในมืออย่างดีใจ พลางถาม “หลิงเอ๋อ คุณดูซิว่าใช่ของคุณไหม”