บทที่ 353 วันนี้ขึ้นอยู่กับนายแล้ว
แม้ว่าร่างนั้นตอนนี้จะอยู่ในเงามืด แต่พอเห็นภาพเงาของเขา หลงเสี่ยวเทียนก็เบิกตากว้าง
“ที่แท้ก็คือแก!” เสียงของหลงเซี่ยวเทียนเต็มไปด้วยโทสะ
คนเชื้อสายหลักอื่นๆต่างก็สงสัยท่าทีของหลงเซี่ยวเทียน มีเพียงอานหน้าที่มีสีหน้าโกรธเช่นกัน
ร่างนั้นค่อยๆเดินออกมาจากเงามืด เมื่อเขากระทบกับแสงไฟ เหล่าคนเชื้อสายหลักก็สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
คนคนนี้มีเค้าของชาวตะวันออก แต่เขามีความสูงไม่มาก สีหน้าดูหม่นทำให้มองแวบแรกก็นึกถึงชาวเกาะ
“คุณเซี่ยวเทียน ไม่เจอกันนานเลยนะ” ชายประเทศหมู่เกาะพูดด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าซีดของเขายิ่งดูหม่น
“เฮ้อ…ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแก” ตอนนี้หลงเซี่ยวเทียนที่สีหน้าปล่อยวาง
“ผมแค่อยากจะตอบแทนความอัปยศอดสูที่คุณทำให้ผมไว้” เพราะรู้สึกชื่นใจ ใบหน้าชาวประเทศหมู่เกาะจึงบิดเบี้ยวเล็กน้อย
“แกยังคงเหมือนเดิมเลยนะมู่ชุน” หลงเซี่ยวเทียนไม่รู้สึกแปลกใจเหมือนครั้งแรกอีก เขามองไปที่ชายตรงหน้าอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า
“ที่ทำแบบนี้ก็เพราะคุณนั่นแหละ!” ใบหน้าของมู่ชุนเบี้ยวมากขึ้น
“ปล่อยพวกเขาไป คนที่แกต้องการคือฉัน”
มู่ชุนได้ฟังกลับไม่ได้ตอบเขาในทันที แต่ใบหน้าที่บิดเบี้ยวจากการคิดถึงอดีตก็ค่อยๆเปลี่ยนกลับมาเป็นเช่นเดิม
“ขอโทษที ผมต้องการแค่คุณ แต่เขาต้องการพวกเขา!” มู่ชุนยกแขนสั้นๆชี้ไปที่หลงเจี้ยน
“มู่ชุน!” คำตอบทำให้หลงเซี่ยวเทียนคำรามด้วยความโกรธ
“คุณเซี่ยวเทียน พรุ่งนี้ผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่ อ้อ อานหน้าด้วย”
ความสุขในการแก้แค้นปรากฏขึ้นบนใบหน้ามู่ชุน หลังจากที่เขาพูดจบก็หันหลังออกจากห้องโถงไป หลงเจี้ยนและคนอื่นๆก็ออกตามมา
ตอนนี้ในใจมู่ชุนเปี่ยมไปด้วยความสุข หากเขาไม่ได้ตามเจ้านาย เขาก็คงไม่ได้ลืมตาอ้าปากและคงไม่มีโอกาสได้เห็นหลงเซี่ยวเทียนกลายเป็นนักโทษที่ถูกคุมขัง
พอมองหลงเจี้ยนที่มองว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิต มู่ชุนก็ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจ
หลงเซี่ยวเทียนและอานหน้ามีสีหน้าอับจนหนทาง อานหน้าเอาหัวอิงบนไหล่ของหลงเซี่ยวเทียนเบาๆ เธอดูกังวล
“พี่สองนี่มันเกิดอะไรขึ้น?” หลงเสี้ยวตี้ถามคำถามที่คนเชื้อสายหลักทุกคนสงสัย
หลงเซี่ยวเทียนกอดไหล่ของอานหน้าภายใต้สายตาที่มองมาอย่างหนักของทุกคน เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “ตอนนั้นเขาเป็นคนที่มาจีบอานหน้า แต่ต่อมาฉันจีบอานหน้าได้ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็หายตัวไป”
หลงเซี่ยวเทียนหยุดสักพักแล้วพูดต่อว่า “ตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจเขา ไม่คิดเลยว่าตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งขนาดนี้”
หลังจากได้ฟังทุกคนก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ในขณะเดียวกันก็เริ่มกังวลเรื่องที่จะเกิดในวันพรุ่งนี้ เพราะมู่ชุนบอกแล้วว่าเขาจะพาตัวหลงเซี่ยวเทียนกับอานหน้าไป
ในขณะนั้นเองห้องโถงที่เงียบเหงาก็ตกอยู่ในความเงียบ
…
“พ่อ!” จู่ๆฉินอีหลินที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของลี่โม่อวี่ก็ร้องออกมา แล้วเธอก็ลุกขึ้นในทันใด
ลี่โม่อวี่ที่ยังไม่ทันหลับและกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดถูกปลุกโดยฉินอีหลิน เขารีบโอบฉินอีหลินไว้ในอ้อมแขน
“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรนะ!”
ฉินอีหลินโน้มตัวเข้าหาอ้อมกอดของลี่โม่อวี่ถึงรู้สึกมั่นคงขึ้น แต่น้ำตาที่มุมดวงตากลับทรยศบอกอารมณ์ของเธอ
“โม่อวี่ ใครเป็นคนช่วยหลงเจี้ยน?”
“ฉันก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน พรุ่งนี้ฉันจะไปถามGeoffrey”
ฉินอีหลินไม่พูดอะไรแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
ก่อนรุ่งสางของวันรุ่งขึ้น ลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินก็แต่งตัว พวกเขาไม่ได้ปลุกหลงจิ่นเซวียนและกำชับคนรับใช้ให้ดูแลเธอให้ดี จากนั้นทั้งคู่ก็ตรงไปที่ห้องหนังสือของGeoffrey
เมื่อคนอายุมากขึ้นการนอนก็จะน้อยลงเช่นเดียวกับหลงเซี่ยวเทียน Geoffreyมานั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะหนังสือตั้งแต่เช้าแล้ว ข้างๆมีกาแฟหนึ่งแก้ววางอยู่
ลี่โม่อวี่เห็นแสงลอดออกมาจากประตูห้องหนังสือก็เคาะประตูเบาๆ
ราวกับว่ารู้ว่าเป็นพวกเขา Geoffreyพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น “เข้ามา” เขาปิดหนังสือในมือ บนหนังสือมีตัวอักษรจีนสามตัว “ซ้องกั๋ง” บนหน้าปกหนังสือ
“พวกเธอมีอะไรกันรึเปล่า?”
หลังจากที่ลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินนั่งลง ลี่โม่อวี่ก็พูดว่า “คุณปู่ครับฉันอยากรู้ว่าใครเป็นคนช่วยคนเชื้อสายรองแก้แค้นตระกูลหลงครับ?”
Geoffreyจิบกาแฟแล้วพูดอย่างครุ่นคิดว่า “เมื่อคืนฉันได้โทรคุยกับกองกำลังท้องถิ่นใกล้ๆแล้ว แต่พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่ได้ทำ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นคนอื่น”
“ใครครับ?” ลี่โม่อวี่ถามด้วยความประหลาดใจ
“เมื่อวานสถานีตำรวจที่จับกลุ่มคนในชุดดำบอกฉันว่าคนพวกนี้ทำตามคำสั่งของชาวประเทศหมู่เกาะคนหนึ่ง”
“ชาวประเทศหมู่เกาะ?” ลี่โม่อวี่ได้ฟังก็รู้สึกประหลาดใจ
แต่ฉินอีหลินที่อยู่ข้างๆกลับตาเป็นประกายขึ้นเมื่อเธอได้ยินคำว่าชาวประเทศหมู่เกาะคำนี้ เธอจึงรีบพูดว่า “ฉันเคยได้ยินพ่อพูดถึงคนคนหนึ่ง เขาชื่อมู่ชุน เขาเคยจีบแม่ แต่ดันแพ้พ่อฉันจากนั้นเขาก็หายตัวไป”
ลี่โม่อวี่กับ Geoffreyได้ฟังต่างก็คิ้วขมวด ดูเหมือนว่าตอนนี้ชายที่อยู่เบื้องหลังน่าจะเป็นชาวประเทศหมู่เกาะที่ชื่อมู่ชุน
“พ่อหนุ่ม วันนี้ขึ้นอยู่กับนายแล้ว! ” Geoffreyพูดกับลี่โม่อวี่ด้วยสายตาให้กำลังใจ
“ไม่ต้องห่วงครับ ฉันก็รอช่วงเวลานี้เช่นกัน” ดวงตาลี่โม่อวี่แน่วแน่
เขาพยักหน้าแล้วมองนาฬิกาที่ข้อมือจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดกับGeoffreyว่า “คุณปู่ครับ สายแล้ว เหล่าพี่น้องผมก็ใกล้จะถึงแล้ว แล้วที่นี่มีที่ที่สามารถรองรับคนได้บ้างไหมครับ?”
“เอามาได้ สบายใจได้เลย ต่อให้พาทั้งกองทหารก็จุพวกเขาได้” Geoffreyพูดอย่างภาคภูมิใจ
ลี่โม่อวี่พยักหน้าอย่างขอบคุณ จากนั้นจับมือฉินอีหลินออกจากห้องหนังสือไป
ที่นอกประตูอ้ายหลุนได้ถอดเสื้อผ้าสีสันสดใสออก ตอนนี้เขาสวมชุดรัดรูปสีดำซึ่งดูทะมัดทะแมง
“ขึ้นรถเถอะ ฉันจะพาพวกเธอไปที่นั่น!” เมื่อเห็นทั้งสองออกมา เขาที่ได้รู้สถานการณ์จากGeoffreyก็ขับรถสีแดงของเขาออกมา
ลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเพียงแค่มองอ้ายหลุนอย่างขอบคุณจากนั้นก็ขึ้นรถ
อ้ายหลุนสตาร์ตรถอย่างชำนาญ ทั้งสามคนก็ออกจากคฤหาสน์ Geoffreyมองความเคลื่อนไหวของพวกเขาผ่านหน้าต่างชั้นบน เขาไม่ได้ให้พ่อบ้านส่งคนไปปกป้องอ้ายหลุน แต่พูดกับตัวเองว่า “เด็กคนนี้ควรจะได้เห็นโลกแล้ว”
“ลูกน้องนายจะลงที่ไหน?” อ้ายหลุนหันหน้าไปถามลี่โม่อวี่
ลี่โม่อวี่พูด “ไปที่สนามบิน” ก่อนหน้านี้ที่ฉันคุยกับเหล่าพี่น้องที่มาจากฮั๋วเซี่ย พวกเขาจะต้องนั่งเครื่องบินโดยสารมา ส่วนไป๋หลางนั้นลี่โม่อวี่ไม่แน่ใจ แต่ไป๋หลางบอกว่าจะโทรหาเขา
ทันทีที่อ้ายหลุนเหยียบคันเร่งรถเฟอร์รารีสีแดงก็คำรามแล้วเพิ่มความเร็วตรงไปที่สนามบินชานเมือง
ถนนเส้นนี้เป็นถนนที่กว้างและคนสัญจรน้อย มีรถวิ่งผ่านน้อยคัน ในรถสีแดงทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไรเพราะวันนี้สิ่งที่พวกเขากำลังจะทำเป็นงานใหญ่ ไม่สามารถสะเพร่าได้”
แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามีรถหลายคันที่กำลังรออะไรสักอย่างบนถนน