บทที่ 357 อีกฝ่ายมีฐานะไม่ธรรมดา
เพื่อเลี่ยงการไล่ล่าของชายชุดดำลี่โม่อวี่และฉินอีหลินเดินคลอเคลียกันไปที่บ้านไม้ที่ไปมาก่อนหน้านี้
เจี๋ยเค่อซ่อมบ้านแล้ว ตอนนี้แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้จนตรอก แต่ก็ยังคงตกอับสุดๆ
ลี่โม่อวี่ให้ฉินอีหลินรออยู่ในบ้านไม้ เขาเดินออกจากบ้านไม้คนเดียว ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาจะหนีออกมาจากถนน โทรศัพท์ของเขายังคงอยู่กลางทาง เขาจึงอยากกลับไปเอาของมา เส้นทางก่อนหน้าที่มาลี่โม่อวี่ยังจำได้ดี
หลังจากเดินมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงลี่โม่อวี่ก็เจอโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องอยู่ในกองโคลนแห่งหนึ่ง เขาดึงซิมออกมาแล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าอีกครั้ง
แล้วย้อนกลับทางเดิม
หน้าประตูบ้านไม้ฉินอีหลินที่สบายดีแล้วมองไปทางที่ลี่โม่อวี่จากไปด้วยความเป็นห่วง ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วลี่โม่อวี่ยังไม่กลับมา เธอจึงเริ่มกังวล ยังไงซะตอนนี้ก็เหลือกันสองคนแล้ว
ในที่สุดบนถนนไกลๆก็ค่อยๆปรากฏร่างหนึ่งขึ้น เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยความกังวลของฉินอีหลินก็กลายเป็นความดีใจ เธอก็รีบวิ่งไปหาร่างนั้น
“นายรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน?” ฉินอีหลินอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา กำปั้นของเธอเคาะที่หน้าอกลี่โม่อวี่
“โอเคแล้ว ฉันกลับไปเอาของ ไม่เป็นไรแล้ว” ลี่โม่อวี่ลูบไหล่ฉินอีหลินเบาๆอย่างอ่อนโยนให้เธอรู้สึกปลอดภัย
“ใช่” ความจริงฉินอีหลินเป็นคนเข้มแข็งมาก เธอเพียงจะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าลี่โม่อวี่เท่านั้น
ทั้งสองกลับไปที่บ้านไม้ ยังไงซะตอนนี้ข้างนอกก็ลมแรง ฉินอีหลินก็เพิ่งจะฟื้นตัว ไม่อาจให้เธอต้องมาทรมานได้
“นายเอาอะไรกลับมา?” ฉินอีหลินถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
ลี่โม่อวี่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็เปิดเครื่องโดยไม่ใส่ซิม เขาพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับจำนวนมาก ทั้งหมดเป็นสายจากซือเซี่ย
“ถ้าไม่มีซ้มแล้วจะติดต่อคนอื่นได้ยังไง?” ฉินอีหลินประหลาดใจ สถานที่แห่งนี้ร้างไร้คน ลี่โม่อวี่ยังคงถือโทรศัพท์ที่ไม่มีซิม
ลี่โม่อวี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าอีกข้างแล้วพูดว่า “ฉันถึงขอเจี๋ยเค่อมาไง”
การติดต่อกับคนเป็นความหวังเร่งด่วนของพวกเขา มิฉะนั้นหากนานเข้าคงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะซ่อนตัวอย่างจนตรอกแบบนี้ต่อ ลี่โม่อวี่ป้อนหมายเลขโทรศัพท์ของซือเซี่ยลงในโทรศัพท์อีกเครื่อง
“ฮัลโหล!” น้ำเสียงกังวลของซือเซี่ยดังมาจากปลายสาย
“ฉันลี่โม่อวี่”
“ในที่สุดฉันก็ติดต่อนายได้แล้ว มีคนต้องการโจมตีตระกูลหลง ดังนั้นระวังตัวด้วย”
เมื่อได้ยินเสียงลี่โม่อวี่ ซือเซี่ยก็พูดอย่างกังวล วันนี้เขาเพิ่งสืบเจอ
เขารู้จักกับหลายตระกูล คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะสมรู้ร่วมคิดแถมยังวางแผนอะไรบางอย่าง เขารู้สึกว่ามันผิดปกติจึงส่งคนไปสืบแล้วเขาก็ได้ข่าวที่น่าตกใจ
“พวกเขาลงมือแล้ว” เมื่อได้ฟังซือเซี่ยบอกว่ามันเป็นความร่วมมือของตระกูลเก่าแก่หลายตระกูล ลี่โม่อวี่ก็รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิด
“นายอยู่กับอีหลินหรือเปล่า?” ซือเซี่ยขมวดคิ้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วเกินความคาดหมายของเขาแล้ว
“มีแค่พวกเราที่หนีออกมาได้”
“บอกที่อยู่มา ฉันจะให้คนไปรับพวกนาย”
ลี่โม่อวี่ได้ฟังก็เปิดฟังก์ชันระบุตำแหน่งแล้วปักหมุดส่งพิกัดตำแหน่งของเขาให้ซือเซี่ย
“พวกนายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะติดต่อผู้อำนวยการลี่ นายปักหลักอยู่ที่นั่นก่อนแล้วเราค่อยหารือถึงแผนระยะยาว” พูดจบซือเซี่ยก็วางสายอย่างรีบร้อน ดูเหมือนว่าเขาทนไม่ไหวที่จะไปรายงานข่าวให้ลี่อานโก๋รู้
เดิมทีลี่โม่อวี่ไม่ได้คิดที่จะบอกลี่อานโก๋เพราะเขากลัวว่าครอบครัวจะเป็นห่วง แต่ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้วเขาจำเป็นต้องให้ผู้อำนวยการลี่ช่วยแล้ว
ฉินอีหลินฟังพวกเขาพูดกันอยู่ๆข้างๆ จากนั้นก็พิงไหล่ลี่โม่อวี่เบาๆ เธอที่แข็งแกร่งมาโดยตลอดดูเหนื่อยล้า
ลี่โม่อวี่กอดไหล่ของฉินอีหลินไว้แน่น สายตาเขาดูดุร้าย หลายวันมานี้ที่เขาจนตรอก เขาจะเอาคืนเป็นสองเท่า
…
ตอนนี้ที่ฮั๋วเซี่ยเป็นวันที่สองของตรุษจีนทางจันทรคติ เป็นช่วงที่คึกคักมาก
แม้ว่าครอบครัวทั้งสี่คนของลี่โม่อวี่จะไม่ได้กลับประเทศ แต่ตระกูลลี่ก็ไม่ได้เงียบเหงา ลี่อานโก๋กำลังนั่งเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนท่านปู่ อาจเป็นเพราะตอนที่เด็กๆยังไม่กลับมา สีหน้าของท่านปู่จึงไม่ค่อยดีนัก
“อานโก๋ พวกโม่อวี่และคนอื่นๆจะกลับมาอีกกี่คน?” ท่านปู่วางตัวเผ่าลงที่มุมหนึ่งของกระดานเบาๆแล้วถามอย่างใจลอย
“พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ เขาบอกว่าจะกลับมาในช่วงตรุษจีนครับ”
ลี่อานโก๋เหลือบมองท่านปู่ด้วยความกังวล ตอนนี้ลี่หยินหูไม่ได้ดูองอาจเหมือนตาก่อนอีกต่อไปแล้ว พอเขาอายุมากขึ้น เขาก็แค่ต้องการใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน แค่นี้ท่านปู่ก็พอใจแล้ว
“เฮ้อ…” ลี่หยินหูถอนหายใจแรงๆ ผมสีเงินของเขายิ่งทำให้ท่านปู่น่าสงสาร
“คุณชายตระกูลซือมาแล้วครับ” คนรับใช้เดินมากระซิบบอก
“อ้อ?”
ลี่อานโก๋เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ตามเหตุผลแล้วทั้งสองตระกูลไม่ได้มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกันขนาดนั้น
ขณะที่ลี่อานโก๋กำลังคิดเรื่องนี้อยู่นั้น ซือเซี่ยก็เดินเข้ามา
“คุณปู่ คุณลุง” ซือเซี่ยทักทายอย่างสุภาพ
“เป็นอะไรรึเปล่าทำไมสีหน้าถึงดูกังวลขนาดนั้น” ลี่อานโก๋วางหมากรุกในมือลงแล้วถามเสียงดัง
“ลุงครับ ทางด้านโม่อวี่เกิดเรื่องแล้วครับ”
“อะไรนะ?”
“อะไรนะ?” ลี่อานโก๋และลี่หยินหูตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกัน
เมื่อเห็นเช่นนั้นซือเซี่ยก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็อดถอนหายใจไม่ได้ สมเป็นพ่อลูกกันจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” ท่านปู่ที่อารมณ์ไม่ดีในช่วงสองสามวันมานี้ พอได้ยินมาว่าหลานชายที่เพิ่งกลับบ้านไม่นานเกิดเรื่อง เขาก็ทั้งกังวลและร้อนใจ
“คุณปู่ ตอนนี้โม่อวี่ไม่เป็นไรครับ ผมได้ส่งลูกน้องประเทศMไปรับเขาแล้ว แต่เกิดเรื่องกับตระกูลหลง ตอนนี้สำนักงานใหญ่ของตระกูลหลงถูกควบคุมแล้ว หลงเซี่ยวเทียนเองก็ตกอยู่ในมือศัตรูเช่นกัน มีเพียงลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินเท่านั้นที่หนีออกมาได้”
ลี่หยินหูได้ยินก็โล่งอก แต่ก็ถามอย่างกังวลว่า “หมิงเจ๋อกับจิ่นเซวียนเป็นอะไรมั้ย?”
“ตอนนี้ไม่มีข่าวของพวกเขาครับ แต่ผมคิดว่าอีกฝ่ายไม่น่าลงมือกับเด็กๆ”
ลี่หยินหูกับลี่อานโก๋ตกอยู่ในห้วงความคิด ท่านปู่ลืมตาลูบเครา ยังไงซะหลานชายของเขาก็ถูกไล่ล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนท่านปู่คงจะพาคนไปบุกแล้ว
“เสี่ยวเซี่ยรู้สถานการณ์ของศัตรูหรือไม่?” ลี่อานโก๋ตะโกนถาม
เขารู้ว่าหากศัตรูกล้าลงมือกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลงแสดงว่าอีกฝ่ายต้องมีกองทัพที่แข็งแกร่งแน่ๆ
“ผมสืบเจอเพียงบางตระกูลที่ซ่อนอยู่ แต่ผมคิดว่าพวกเขาเป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้น คนอยู่เบื้องหลังที่ใหญ่กว่านั้นน่าจะเป็นคนในกองทัพของประเทศM”
ตอนแรกที่ซือเซี่ยได้ยินข่าวก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
แน่นอนว่าพอลี่อานโก๋และลี่หยินหูรู้ข่าวต่างพากันสูดหายใจพร้อมกันด้วยสายตาหม่นลง : อีกฝ่ายมีฐานะไม่ธรรมดา