บทที่ 363 เธอถูกพวกมันจับตัวไป
เธอมองที่นี่อย่างตระหนก ฉินอีหลินพบว่าที่นี่คือห้องวิจัยที่สร้างขึ้นง่ายๆ คนที่ใส่หน้ากากและเสื้อกาวน์สีขาวกำลังวุ่นกับเครื่องมือตรงหน้า
“ฉันพาเธอมาแล้ว” ไอผีแดงกระซิบบอกคนที่เปิดประตูเข้ามา
คนคนนั้นมีเพียงดวงตาคู่เล็กๆที่โผล่ออกมองฉินอีหลินแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง พวกเราจะไม่ทำให้ ‘ท่าน’ ผิดหวัง”
ไอผีแดงพยักหน้าแล้วหันหลังออกจากห้องไป
เขาไม่รู้ว่า “ท่าน” กำลังศึกษาอะไรอยู่ แต่เขาได้รับคำสั่งให้จับ “หนูตะเภา” มาให้เขาหลายครั้ง ไอผีแดงก็หายไปในราตรีราวกับผี
ฉินอีหลินมองไปยังตู้กระจก หลงหมิงเจ๋อนอนเปลือยกายที่บนร่างกายเขาเต็มไปด้วยเครื่องมือต่างๆ
แต่มือกับเท้าของเธอถูกมัดไว้ทำให้เธอเข้าไปช่วยเด็กไม่ได้
ตอนนั้นเองนักวิจัยในเสื้อคลุมสีขาวหรี่ตาเดินไปหาฉินอีหลิน ในมือเขาถือเข็มฉีดยา ปลายเข็มก็สะท้อนแสงภายใต้แสงไฟ
ฉินอีหลินอยากจะขัดขืน แต่มือกับเท้าของเธอถูกมัดไว้ แล้วชายคนนั้นลดเข็มฉีดยาลงที่คอฉินอีหลินแล้วค่อยๆฉีดของเหลวใสเข้าไป หลังจากฉีดเสร็จ ชายคนนั้นก็ดึงเทปออกจากปากฉินอีหลิน
“ขอโทษนะครับ ผมได้รับคำสั่งให้ทำ”
ฉินอีหลินส่งเสียงอย่างเย็นชาโดยไม่สนใจพวกเขา
เธอรู้ว่าแม้ดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่นานหัวของฉินอีหลินก็หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ เปลือกตาของเธอก็เริ่มขัดขืน
ในขณะสะลึมสะลือเธอเห็นลี่โม่อวี่และหลงจิ่นเซวียนปลอดภัยดี ที่ปากเธอก็มีรอยยิ้มโผล่ขึ้นมาแล้วเธอก็หลับไปอย่างเงียบๆ
“เอาตัวออกไป!” คนก่อนหน้านี้ที่ฉีดของเหลวให้ฉินอีหลินโบกมือ เจ้าหน้าที่ในสถาบันวิจัยที่เรียบง่ายแห่งนี้ก็เตรียมออกไป
ยังไงซะที่นี่ไม่ใช่ที่พักถาวร
ในห้องหนังสือของหลงเซี่ยวเทียน “ท่าน” ยังคงหันหน้าไปทางหน้าต่างอย่างไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
“จัดการเสร็จรึยัง?” ในห้องไม่มีใครเข้ามา แต่เขาก็พูดขึ้นดื้อๆ
“เสร็จแล้วครับ” เสียงของไอผีแดงดังขึ้นจากมุมมืด
ตอนนั้นเองโทรศัพท์ในมือของ “ท่าน” ดังขึ้น เขากดรับสายแล้วแนบหูโดยไม่มองด้วยซ้ำ
“ท่านครับ พร้อมหมดแล้วครับ” เสียงที่เปี่ยมด้วยความเคารพดังมาจากปลายสาย สายนี้เป็นสายจากคนในสถาบันวิจัยก่อนหน้านี้
“ท่าน” วางสาย ดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่
…
ลี่โม่อวี่กลับไปที่บ้านพักที่ซือเซี่ยจัดไว้ให้ เขาเห็นยามที่ยืนอยู่ตรงประตูสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับเมิ่งจื่อ เขาจึงอดที่จะนึกถึงชายชาวตะวันออกเฉียงเหนือสองคนไม่ได้ มาแตะต้องพี่น้องและผู้หญิงของเขาจะต้องจ่ายคืนให้สาสม
“คุณลี่ คุณชายของเรามีอะไรจะคุยด้วย” พอรู้ว่าเมิ่งจื่อกับเสี่ยวเป้ยได้สละชีวิตตัวเอง ซือเซี่ยจึงจัดคนมาดูแลความปลอดภัยของลี่โม่อวี่ใหม่
ลี่โม่อวี่รับโทรศัพท์ที่อีกฝ่ายส่งให้แล้วพูดว่า “ฉันลี่โม่อวี่”
ซือเซี่ยที่อยู่ปลายสายพูด “โม่อวี่ ฉันสืบเจอกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังของศัตรูแล้ว เป็นองค์กรวิจัยทางชีววิทยาซึ่งเกิดจากความร่วมกันของตระกูลใหญ่หลายตระกูล”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว” ใจของลี่โม่อวี่ ไม่ได้อยู่ตรงนี้เพราะฉินอีหลินถูกพาตัวไป ตอนนี้เขาใจลอย
“นายเป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น?” ซือเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย
“อีหลิน…เธอถูกพวกมันจับตัวไป”
“อะไรนะ!” ซือเซี่ยรู้สาเหตุที่ทำให้ลี่โม่อวี่หมดอาลัยตายอยากก็ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้าภรรยานายถูกคนอื่นเอาตัวไป นายจะไม่ไปช่วยเธอโดยไม่สนอะไรงั้นหรอ ดูแกตอนนี้สิ อย่าให้ฉันต้องดูถูกนายเลย”
ลี่โม่อวี่ได้ฟังก็ได้สติ อาจเป็นเพราะการตายของเมิ่งจื่อและเสี่ยวเป้ยส่งผลกระทบต่อเขามากจนทำให้เขาโทษตัวเอง
เขารู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการล้างแค้นให้พวกเขาและช่วยฉินอีหลิน
พอคิดได้ดังนั้น เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ซือเซี่ยเตรียมตัวเคลื่อนไหวกันเถอะ เรารอต่อไปไม่ได้แล้ว อีหลินถูกพวกมันจับตัวไป พวกเขาจะต้องต้องการศึกษาร่างกายเธอแน่ๆ ฉันกลัวว่าถ้าเวลาผ่านไปนานจะเกิดเรื่องขึ้น”
“ฮึ ก็รอนายพูดคำนี้แหละ ทางฉันกับลุงลี่พร้อมแล้ว ขึ้นอยู่กับว่านายจะทำอะไรขั้นแรกแล้วล่ะ” เสียงของซือเซี่ยดูตื่นเต้น
ลี่โม่อวี่ครุ่นคิดสักพักแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “รอคนของฉันมาถึงครบ เราจะตีโต้ตอบตระกูลหลงแล้วช่วยเหลือทุกคนก่อน”
“ได้ พอถึงเวลานั้นฉันจะให้คนของฉันทั้งหมดช่วยนาย!”
ลี่โม่อวี่พยักหน้าอย่างซาบซึ้งแต่ซือเซี่ยที่อยู่ปลายสายมองไม่เห็น
หลังจากคุยกับซือเซี่ยแล้ว ลี่โม่อวี่ถึงเพิ่งสังเกตว่าหลงจิ่นเซวียนนอนหลับไปบนโซฟาข้างๆเขา
ตอนนี้เย็นแล้ว เมื่อเห็นรอยน้ำตาบนใบหน้าที่หลับใหลของหลงจิ่นเซวียน ลี่โม่อวี่ก็เช็ดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยนด้วยความปวดใจ
คงเป็นเพราะทำให้เจ้าตัวเล็กตกใจ เธอพลิกตัวทำปากจู๋ แต่ก็ไม่ได้ตื่น พลางพึมพำว่า “แม่อุ้ม”
ลี่โม่อวี่ค่อยๆอุ้มเด็กตัวน้อยวางเธอลงบนเตียงแล้วคลุมผ้าห่มให้อย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นเวลาบนกำแพง ลี่โม่อวี่จึงลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ที่เขาวางไว้ก่อนหน้านี้แล้วกดโทรออกตามหมายเลขที่อยู่ในความทรงจำเขา
“ฉันโม่อวี่ ฉันอยากถามว่าทางฝั่งคุณได้ข่าวอะไรจากปากเชลยคนนั้นบ้างมั้ย?”
อีกฝ่ายอึ้งไปชั่วขณะแล้วพูดว่า “ฉันไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะใจแข็งจริงๆ ฉันลงมือใช้ทุกวิธีด้วยตัวเอง เขาไม่ยอมปริปากสักคำ จนสุดท้ายก็กัดลิ้นฆ่าตัวตายแล้ว” เขาฟังออกว่านี่เป็นครั้งแรกของaที่พบว่าศัตรูรับมือยาก
ลี่โม่อวี่ได้ฟังก็ไม่ได้แปลกใจ เมื่อดูจากการต่อสู้ครั้งก่อนแล้ว ศัตรูนั้นโหดเหี้ยมมาก
“แต่จากการชันสูตรศพพบว่าคนเหล่านี้ได้กินยาต้องห้ามบางอย่างที่กระตุ้นศักยภาพมานาน ยาต้องห้ามเหล่านี้มีเพียงกองกำลังที่แข็งแกร่งมากเท่านั้นถึงจะสามารถวิจัยออกมาได้” aบอกลี่โม่อวี่ถึงสิ่งที่เขารู้มา
ข้อมูลนี้ใกล้เคียงกับข้อมูลที่ซือเซี่ยบอกไว้ เพราะอีกฝ่ายคือองค์กรวิจัยทางชีววิทยาซึ่งจะต้องทำการวิจัยยาหลายชนิดที่เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันพร้อมที่จะต่อสู้กับศัตรูแล้ว ฉันอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“มีอะไรก็ว่ามาเถอะ” aได้ฟังดังนั้นก็มีแววตาชมเชยปรากฏขึ้น
“ฉันยืมสถานที่ของคุณในการจัดกำลังคน”เพราะพวกของไป๋หลางยังมาไม่ถึง ลี่โม่อวี่จึงไม่ได้ระบุจำนวนที่เจาะจง
“ไม่มีปัญหา ที่ของฉันมีเยอะ” มาคิดดูก็ใช่ บ้านของอ้ายหลุนเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ นอกจากคนรับใช้และพวกเขาปู่หลานก็ไม่มีใครอยู่แล้ว
หลังจากที่ลี่โม่อวี่ขอบคุณเสร็จก็วางสาย แผนของเขาก็ค่อยๆเริ่มทีละขั้น
ท้องฟ้ายามค่ำคืนของเมืองDประเทศMดูเงียบสงบ แต่เบื้องหลังความเงียบนี้กลับซ่อนการตีโต้ตอบที่ไม่อาจคิดถึง