บทที่ 389 ผู้ชายคนนี้มีสไตล์มากๆ
หลังจากกลับมา ลี่โม่อวี่ไม่ได้รีบร้อนที่จะตัดสินใจไปทำอย่างอื่น หยางเฟิงได้พาลูกน้องกว่าสามร้อยคนนั่งเครื่องบินรีบกลับมา
พอเจอกับลูกพี่โรงพยาบาลเสร็จ หยางเฟิงก็ได้กระจายลูกน้องสามร้อยคนไป ช่วงนี้จะไม่ทำอะไรที่มันโดดเด่น
หยางเฟิงรู้ว่าลูกพี่ของตนนั้นเป็นผู้ชายที่ซื่อสัตย์ซื่อตรง เพราะงั้นหลังจากที่ลี่โม่อวี่กลับมา ก็ได้แสดงออกว่าเข้าใจอยู่เงียบๆ
ต่อให้พวกลูกน้องแสดงความคิดเห็นอะไร เขาก็ได้ปฏิเสธพวกเขาไปหมด เพราะว่าเขาเชื่อใจในลูกพี่ของตัวเอง
นับวันเวลาดูแล้ว ลี่โม่อวี่กลับมาที่ฮั๋วเซี่ยก็เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์พอดี นอกจากกลับบ้านทุกวัน เวลาที่เหลือเขาก็ได้ไปอยู่เฝ้าข้างๆ ฉินอีหลินกับหลงหมิงเจ๋อ
เช้าวันนี้ ลี่โม่อวี่ได้รีบขับรถไปถึงประตูหน้าโรงพยาบาล แต่ว่าตอนที่เขากำลังจอดรถนั้น ก็ได้มีพวกนักข่าวที่ถือกล้องออกมาจากข้างๆ ทันที
พวกนักข่าวพวกนี้ได้สืบเรื่องความเคลื่อนไหวของลี่โม่อวี่มาได้ ก็ได้รอเขาอยู่ที่นี่โดยเฉพาะ เห็นเขาขับรถมา ก็ได้พุ่งเข้าไปหาราวกับฝูงผึ้ง
ในนั้นนักข่าวสาวที่อยู่ตรงกลางก็ได้ยื่นไมค์ในมือของตัวเองออกไป แล้วก็ถามลี่โม่อวี่ “ขอถามคุณลี่หน่อยค่ะ ในตอนนี้คุณได้มีชื่อเสียงมากๆ ในเมืองตี้ตูแห่งนี้ ได้วางแผนเกี่ยวกับเรื่องในอนาคตของคุณไหมคะ?”
คำถามของนักข่าวหญิงได้กดดันคนมากๆ แต่ว่าพึ่งพูดจบไป เธอก็ได้เจอกับสายตาของลี่โม่อวี่ สีหน้าได้ขาวซีดเลยทันที เพราะว่าบนตัวของลี่โม่อวี่ได้มีบรรยากาศที่เหมือนว่าจะฆ่าคนออกมาแบบที่คนทั่วไปไม่อาจที่จะสัมผัสได้
ช่างกล้องที่อยู่หลังนักข่าวหญิงก็ได้มีเหงื่อไหลออกมา ลี่โม่อวี่ก็ได้มองไปที่นักข่าวอย่างเยือกเย็นสักพัก ได้พูดออกไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “ต่อไปอย่ามารบกวนผมอีก ชาตินี้ผมรักแค่ฉินอีหลินคนเดียว”
เสียงที่เยือกเย็นนั้นยังดังวนไปที่ข้างหูของพวกนักข่าว แต่ลี่โม่อวี่ได้หันหลังเดินออกไปแล้ว เห็นแผ่นหลังที่เท่แบบนั้น เวลานี้พวกนักข่าวก็ได้รู้สึกว่าตัวเองทำตัวน่าอายขนาดไหน
ตลอดไปอะไร คำสาบานอะไร ในเวลานี้มันรู้สึกเหมือนว่าได้เบาไปเลย อยู่ๆ ในใจของพวกเขาก็ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าตั้งแต่นี้ไปจะไม่มารบกวนความเป็นอยู่ของลี่โม่อวี่กับฉินอีหลินอีก
ลี่โม่อวี่ได้เดินเข้าไปในลิฟต์ เดินตรงไปที่ห้องคนไข้ของฉินอีหลิน
เขานั้นไม่รู้สึกตัวเลยว่าข้างหลังของตนได้มีคนคนหนึ่งโผล่มา คนคนนั้นมีสีหน้าที่เคร่งเครียด มองดูดีๆ เป็นพยาบาลหลิวหรูหยุนที่รับผิดชอบดูแลฉินอีหลินคนนั้น เธอได้มองทางที่ลี่โม่อวี่จากไปโดยความโมโห แล้วก็หันหลังเดินจากไป
ที่จริงนักข่าวพวกนี้เธอเป็นคนโทรเรียกพวกเขามาเอง ก่อนหน้าเธอหลบในมุมดูสถานการณ์ แต่กลับได้ยินลี่โม่อวี่ตอบไปแบบนั้น ก็ได้เสียใจไปพัก แต่ส่วนใหญ่อาจเป็นอาการอิจฉาฉินอีหลินมากกว่า
ลี่โม่อวี่มาถึงที่ห้องผู้ป่วย กลับพบว่าข้างในไม่มีใครอยู่เลย นางพยาบาลเสี่ยวหลิวที่ผู้อำนวยการจัดให้ก็ไม่อยู่ ใบหน้าของเขาก็ได้ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ตอนที่กำลังจะโทรไปหาผู้อำนวยการนั้น ก็ได้เห็นหลิวหรูหยุนผลักประตูเข้ามาใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“คุณชายลี่ ขอโทษด้วยนะคะ เมื่อกี้ฉันปวดท้อง เพราะงั้น……” หลิวหรูหยุนหน้าแดงเล็กน้อย มองไปที่ลี่โม่อวี่ด้วยความรู้สึกผิด อยากจะเห็นความเก้อเขินจากสีหน้าของเขา
แต่ก็ไม่ได้อยากที่หวัง ลี่โม่อวี่ก็ยังมีสีหน้าที่เคร่งเครียดเหมือนเดิม ได้มองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา พูดว่า “ถ้าเกิดยังมีคราวหลัง เธอไม่ต้องมาอีก”
ได้พูดจบด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก ลี่โม่อวี่ก็ได้หันหลังไปเช็ดตัวให้กับฉินอีหลิน ใส่ใจมากๆ อีกอย่างแววตานั้นได้เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เวลานี้ในใจของหลิวหรูหยุนได้ไม่สบอารมณ์เอามากๆ พอเห็นลี่โม่อวี่ที่เป็นห่วงเป็นใยฉินอีหลินขนาดนี้ ในใจของเธอก็ได้ตัดสินใจไปเรียบร้อย
ไม่ว่ายังไงลี่โม่อวี่ไม่มีทางที่จะรู้เลยว่าการกระทำแบบนี้ของตน สามารถที่จะหาศัตรูแบบนี้ให้ฉินอีหลินที่กำลังสลบอยู่ได้
วันนี้ที่เขามาเช้าขนาดนี้ ก็เพราะว่าอีกเดี๋ยวเขาจะไปตระกูลซือสักพัก ซือเซี่ยโทรมาหาเขาบอกว่ามีธุระ
ลี่โม่อวี่ได้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดตัวให้ฉินอีหลินอย่างใส่ใจ จากนั้นก็ได้ประคองเธอขึ้นมาแล้วก็ช่วยเธอหวี่ผมอีกสักพัก จากนั้นก็ได้เช็ดตัวให้ลูกชายของตัวเอง ถึงได้ถือว่าเสร็จ
“เสี่ยวหลิว อีกเดี๋ยวฉันมีธุระต้องออกไปหน่อย พักเที่ยงอาจจะกลับมาไม่ทัน ตอนเธอออกไปกินข้าวนั้น ต้องหาคนมาเฝ้าพวกเขาไว้ รู้หรือยัง?” ลี่โม่อวี่ได้พูดกับหลิวหรูหยุน เหมือนว่าไม่เห็นสายตาที่แกล้งทำเป็นน่าสงสารของเธอ
“ได้ค่ะ คุณลี่ ฉันรู้แล้วค่ะ” เห็นว่าตัวเองทำตัวน่าสงสารไม่สำเร็จแล้ว หลิวหรูหยุนก็ได้รีบตอบออกไป ในใจเขาคิดขอแค่นายออกไป ก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว ฉันทำอะไรกับผู้หญิงของนายแล้วจะไปมีใครรู้ล่ะ
คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีความคิดแบบนี้ เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจน่ากลัวมาก
ลี่โม่อวี่สั่งอะไรพวกนี้เสร็จ ก็ได้ออกไปจากห้องพัก รถของเขาได้จอดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าโรงพยาบาล เอากุญแจรถออกมาเปิดประตูรถ ตอนที่จะขึ้นไป เวลาเดียวกัน ด้านข้างก็ได้มีคนที่คุ้นเคยโผล่มา
ลี่โม่อวี่มองดูดีๆ คิดไม่ถึงว่าเป็นนักข่าวสาวก่อนหน้านี้ ลี่โม่อวี่คิดว่าเธอไม่อยากที่จะถอดใจแล้วอยากจะถามอะไรเขาอีก ก็ได้เตรียมที่จะขับรถออกไป เวลานั้นนักข่าวสาวก็ได้ตะโกนเสียงดัง “คุณลี่ คุณอย่าพึ่งหนี ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ ฉันแค่คนเดียว”
เห็นท่าทางที่ร้อนรนของเธอ เหมือนว่าไม่ได้จะมาสัมภาษณ์ตน ลี่โม่อวี่ก็ได้จอดรถ
เขาได้เปิดหน้าต่างลง พูดว่า “ผมยังมีธุระ คุณรีบหน่อย”
คิดไม่ถึงว่าลี่โม่อวี่จะจอดรถมาคุยกับตนจริงๆ เวลานั้นก็ได้ดีใจเล็กน้อย ระยะห่างที่ใกล้ขนาดนี้แล้วมาพูดคุยกับอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัว นักข่าวสาวได้ห้ามความตื่นเต้นในใจแทบไม่อยู่
ลังเลอยู่นานสุดท้ายก็ได้พูดออกมาว่า “ที่จริง พวกเราได้รับข่าวจากใครบางคนถึงได้มาสัมภาษณ์คุณที่นี่ อีกฝ่ายเป็นผู้หญิง” ได้พูดคำพูดที่ตัวเองอยากพูดจบ นักข่าวหญิงก็ได้โล่งใจลงไปไม่น้อย
ลี่โม่อวี่ได้ยินก็ได้ตกใจเล็กน้อย จะเป็นใครที่ได้ปล่อยความเคลื่อนไหวของตัว?
คิดอยู่นานก็คิดไม่ออก เวลานั้นเขาก็ไม่ได้เสียเวลากับเรื่องนี้ก่อน แล้วพูดว่า “ขอบคุณครับ ผมมียังธุระงั้นขอตัวก่อน” ปิดกระจกรถ เขาก็ได้ขับรถออกไปภายใต้สายตาที่ไม่อยากให้เขาไปของนักข่าวสาว
รถได้ขับไปไกลแล้ว แต่ว่านักข่าวสาวคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับอยู่นาน ก่อนหน้าถึงแม้ว่าเธอนั้นได้บอกเรื่องสำคัญให้กับลี่โม่อวี่ไป แต่ท่าทางของอีกฝ่ายก็ยังไม่ร้อนไม่หนาวเหมือนเดิม เธอได้อึ้งไปสักพัก ในใจคิด: ผู้ชายคนนี้มีสไตล์เป็นของตัวเองจัง ท่าทางที่เย็นชาเมื่อกี้นี้เท่มากจริงๆ
ลี่โม่อวี่ที่ขับรถออกมาไม่รู้เลยว่าแค่คำพูดไม่กี่คำ เขาก็สามารถทำให้ใจของหญิงสาวเต้นแรงได้ เสน่ห์แรงมากจริงๆ
คำพูดของนักข่าวสาวก่อนหน้าเขาไม่ลืม เขากำลังเดาว่าจะเป็นใครที่ได้เอาความเคลื่อนไหวของเขาไปปล่อย แล้วยังเรียกนักข่าวมาดักตัวเอง
ตระกูลหลี่? เขาได้ส่ายหน้า อีกฝ่ายไม่น่าที่จะใช้วิธีแบบนี้มาจัดการกับตน อีกอย่างมันไม่มีประโยชน์นี่นา
เขาคิดไปคิดว่า ในหัวก็ได้มีความคิดอะไรอย่างหนึ่ง เหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมา เขาก็ได้กลับรถเลยทันที ไม่สนใจเสียงแตรที่กดเตือนเขา แล้วก็เหยียบขับเร่งอย่างแรง ขับตรงไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง