บทที่ 391 ไม่ต้องพูดออกมาก็เข้าใจ
ผู้คนในเมืองตี้ตูต่างคุ้นเคยกับชื่อลี่โม่อวี่เป็นอย่างดี
พวกเขารู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เขามีส่วนร่วมในการจัดการกับองค์กรวิจัยทางชีววิทยาอย่างดุเดือด
องค์กรนี้เป็นองค์กรที่ชั่วร้ายมาก ดังนั้นการที่ลี่โม่อวี่เอาชนะได้จึงทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักเป็นธรรมดา
ทุกคนต่างรู้ว่าลี่โม่อวี่เป็นผู้นำและยังเป็นความภูมิใจของคนในชาติ พอรู้ว่าลี่โม่อวี่เป็นคนฮั๋วเซี่ย คนทั้งฮั๋วเซี่ยก็ต่างภาคภูมิใจ
โดยเฉพาะคนชนชั้นสูงในเมืองตี้ตูที่เรียกตัวเองว่าเป็นคน “รักชาติ” พอรู้ฐานะของลี่โม่อวี่ก็ยิ่งชื่นชมเขาไม่หยุด เหล่าสาวโสดที่ยังไม่ได้แต่งงานก็สนใจเขา
ขณะที่ลี่โม่อวี่เปิดประตูห้องโถงเข้าไปแสงสปอตไลน์บนห้องโถงก็ตกลงมาที่ตรงหน้าประตูโอบล้อมเขาไว้ราวกับมีใครได้จัดไว้เป็นพิเศษ
ทำนองเพลงที่อ่อนโยนเปลี่ยนเป็นจังหวะที่ฮึกเหิม เพียงชั่วพริบตาสายตาของแขกทุกคนก็มองมาที่เขา
ลี่โม่อวี่ที่ไม่ทันได้เตรียมใจมาพร้อมก็ทำตัวไม่ถูก แต่ภายนอกของเขายังคงดูเป็นธรรมชาติราวกับว่ารู้ตัวว่าจะต้องขึ้นเวที
ใต้เท้าเขามีพรมแดงยาวปูทอดตรงไปยังเวที ลี่โม่อวี่ เดินตรงไปตามพรมช้าๆโดยไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนมากมาย
แขกทุกคนไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ต่างเริ่มคุยกันตั้งแต่เริ่มเห็นลี่โม่อวี่ สาวๆต่างรวมตัวจับกลุ่มชี้ไปที่ลี่โม่อวี่ตรงๆ
“เขาคือลี่โม่อวี่หรอ หล่อจริงๆ!”
“ใช่ๆ หล่อสุดๆไปเลย แฟนของฉันสู้เขาไม่ได้เลยสักนิด” หญิงสาวในชุดสวยพูดพลางถอนหายใจราวกับว่ากลับไปเธอจะไปเลิกกับแฟนยังไงยังงั้น
“นี่พวกเธอถ้าช่วยฉันจีบเขา ฉันจะให้ชุดที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวอิตาลีให้เลย” หญิงสาวที่ดูร่ำรวยคนหนึ่งพูดกับเหล่าเพื่อนสนิทของตน
คิดไม่ถึงว่าพอเหล่าเพื่อนสนิทได้ยินดังนั้นก็ไม่สนใจเธอเลยสักนิด เพราะพวกเธอก็ไม่อยากปล่อยผู้ชายที่ดีเลิศแบบนี้ไป
อีกด้านหนึ่งเหล่าสตรีร่ำรวยในชุดสวยรวมตัวกัน แม้ว่าพวกเธอจะอายุไม่น้อย แต่ด้วยการใช้จ่ายและเครื่องสำอางราคาแพงก็ทำให้พวกเธอดูอ่อนวัยต่างจากอายุจริงๆของพวกเธอ
“หนุ่มคนนี้ดูมีชีวิตชีวาจริงๆ ลูกสาวของฉันก็ยังไม่มีแฟน ไม่แน่นะอาจจะได้…” ยังไม่ทันพูดจบก็มีคนขัดจังหวะขึ้น
“พอเถอะ อย่างลูกสาวเธอน่ะจะหาใครก็ยากทั้งนั้นแหละ” พูดจบก็มีท่าทางดูถูกดูราวกับทั้งสองคนไม่ถูกกันมาก่อน
“ไม่แน่นะ บางทีหนุ่มคนนี้อาจจะชอบสาวโตอย่างฉันก็ได้” สตรีที่ดูมีเสน่ห์คนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมสายตาที่พร่ำเพ้อ
แต่ทว่าทุกคนต่างก็ย่นจมูกใส่สิ่งที่เธอพูด แก่ขนาดนี้แล้วยังคิดจะเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อนอีก
และยังมีกลุ่มผู้ชายอีกด้วย คนหนุ่มๆส่วนใหญ่ต่างอิจฉาและยอมแพ้ให้กับลี่โม่อวี่ แน่นอนว่าชายหนุ่มที่หยิ่งผยองอย่างพวกเขาจำต้องยอม
นอกจากนี้ยังมีชายร่างโตที่เรียกกันว่าคนใหญ่คนโตกลุ่มหนึ่งที่ลุ่มหลงในเงินและผลประโยชน์มานาน เมื่อเห็นว่าลี่โม่อวี่ก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องความหล่อของเขาจนมากเกิน แต่พวกเขากลับคุยเกี่ยวกับเรื่ององค์กรวิจัยทางชีววิทยา ลี่โม่อวี่ในสายตาของพวกเขาเป็นเพียงชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเท่านั้น
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่นาทีขณะที่ลี่โม่อวี่เดินจากปลายพรมไปจนสุดทาง
ในระหว่างนั้นเขาไม่สนใจสายตารอบข้าง ไม่ว่าจะเต็มไปด้วยความรัก ความอิจฉาหรือชื่นชม เพราะเขามองว่าเขาไม่จำเป็นต้องสนใจคนเหล่านี้
ดังนั้นแม้ว่าลี่โม่อวี่จะได้ยินเสียงกระซิบของพวกเขาอย่างชัดเจน เขาก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆออกมาเพราะเขาไม่ได้ใส่ใจ
จุดที่สำคัญของพรมคือข้างล่างเวที พอเขาเดินมาถึงตรงนี้ เขาไม่ได้ก้าวขึ้นเวทีต่อทันที เขามองหาว่าคนรับใช้คนหนึ่งไปไหน
“ท่านชายซืออยู่ไหน?” ความจริงลี่โม่อวี่ไม่ชอบอยู่ในสถานที่แบบนี้นานๆ เขาไม่ชอบชีวิตที่ฟู่ฟ่าวุ่นวายแบบนี้
คนรับใช้ดูตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดไม่ถึงว่าประโยคแรกของคุณลี่จะพูดกับตัวเขาเอง
“ท่านชายอยู่ในห้องนั้นครับ ท่านบอกว่าหากคุณลี่มาให้เข้าไปหาเขาได้เลย” คนรับใช้ถ่ายทอดสิ่งที่ซือเซี่ยบอกกับตนให้ลี่โม่อวี่อย่างตื่นเต้น
ลี่โม่อวี่ยิ้มให้เขาแล้วเดินตรงไปที่ห้องนั้น
คนรับใช้ยังคงรู้สึกประหลาดใจกับรอยยิ้มก่อนหน้านี้ของลี่โม่อวี่โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสาวๆที่อยู่ข้างหลังต่างเหม่อค้างไปแล้ว เพราะมุมของลี่โม่อวี่เมื่อกี้มันให้ความรู้สึกเหมือนเขายิ้มให้พวกเธอ
รอยยิ้มราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่พัดโชยทำให้พวกเธอถอนตัวไม่ขึ้น
ห้องที่ซือเซี่ยอยู่อยู่ในห้องโถง ลี่โม่อวี่กำลังจะเคาะประตูแต่พบว่าประตูลี่โม่อวี่กำลังจะเคาะประตูแต่พบว่าประตูได้แง้มออก
เขาผลักเข้าไปอย่างไม่ลังเลกลับพบว่าซือเซี่ยและซือเอ๋ออยู่ในห้อง ซือเซี่ยนอนอยู่บนตักซือเอ๋อด้วยใบหน้ามีความสุข
การเข้ามากะทันหันของลี่โม่อวี่ทำให้ซือเอ๋อรู้สึกเขิน แต่สีหน้าซือเซี่ยยังคงเหมือนเดิมแล้วพูดว่า “รู้แต่ไกลเลยนะว่าคุณชายลี่มา เพราะแขกของฉันต่างตกใจจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว”
เขารู้ว่าซือเซี่ยกำลังหยอกตัวเอง ลี่โม่อวี่ก็ย้อนเขาไปว่า “แขกมาแล้วนะครับท่านชายซือ ท่านชายยังมีหน้ามาจู๋จี๋กับภรรยาอยู่ ยอดจริงๆ!”
ซือเซี่ยลุกขึ้นนั่งสบสายตาที่ใสสะอาดของลี่โม่อวี่จากนั้นก็หัวเราะ
ไม่ต้องพูดออกมาก็เข้าใจ
พวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกัน พวกเขารู้จักนิสัยและอารมณ์ของกันดี
“นายให้ฉันมาคงไม่ใช่เพื่อมาเดินแคทวอล์กหรอกใช่มั้ย?” ลี่โม่อวี่หยุดหัวเราะแล้วถาม
“ถ้าให้นายมาเดินแคทวอล์กจริง ฉันก็ไม่ขาดทุนนะ” ซือเซี่ยพูดติดตลก จากนั้นก็พูดอีกว่า “จะบอกข่าวดีให้นายฟัง ซือเอ๋อท้องแล้ว” พูดจบเขาก็เอามือขวาโอบไหล่ขวาของซือเอ๋อแน่น
ลี่โม่อวี่เหลือบมองซือเอ๋อด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็พูดกับซือเซี่ยอย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “ในที่สุดท่านชายก็สำเร็จลุล่วงแล้ว ดีใจด้วย”
“55 ไปเถอะ วันนี้ท่านปู่ก็จะขึ้นเวทีเดี๋ยวจะได้ทำความรู้จัก” ซือเซี่ยพูด จากนั้นก็พาซือเอ๋อโดยมีลี่โม่อวี่เดินตามมาออกจากห้องไป
ความจริงลี่โม่อวี่เคยได้ยินชื่อเสียงปู่ของซือเซี่ยมาเท่านั้น แต่ไม่เคยได้คุยกัน ดังนั้นเมื่อลี่โม่อวี่รู้ว่าปู่ของซือเซี่ยจะเจอตนก็รู้สึกค่อนข้างกังวล
ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องตระกูลซือมาก การที่สามารถทำให้คนฐานะสูงของตระกูลเก่าแก่พูดถึงได้ ลี่โม่อวี่ก็มีสีหน้าภาคภูมิใจจนอยากพูดว่า “เพราะฉันเจ๋งมากจนท่านปู่สังเกตเห็น”
พูดจบก็เดินเชิดคอตั้งตามซือเซี่ยออกไป