บทที่ 397 ให้ผมดูเธอหน่อย
เสียงโกรธดังมาจากปลาย เหมือนจะมีเสียงตบโต๊ะด้วย
“ยังไงซะตัวตนของอีกฝ่ายก็ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นกำลังที่ฉันต้องโยกย้ายก็มากเช่นกัน ค่าใช้จ่ายมากเป็นธรรมดา” ลี่จิ่นพูดอย่างสบายๆไม่สนใจอารมณ์ของอีกฝ่าย
“ฉันกำลังบอกแกให้นะว่าถ้าทำไม่สำเร็จก็อย่าคิดจะอยู่เป็นสุขได้เลย” อีกฝ่ายวางสายด้วยความโกรธ
เสียงดังสายดังออกมา ลี่จิ่นวางโทรศัพท์ลง เขารอยยิ้มดูถูกผุดขึ้นที่มุมปากแล้วพึมพำกับตัวเองว่า “หึ ใช้ฉันทำงาน ตัวเองไม่ลงทุนทำอะไร จะเป็นไปได้ยังไง” ราวกับว่ายืนยันคำพูดของเขา มีข้อความเข้ามา “เงินจำนวนหนึ่งล้านหยวนถูกโอนไปยังบัตรของคุณ”
ลี่จิ่นยิ้มหันแล้วเอนกายลงบนผ้าปูที่นอนที่ค่อนข้างดำ หนุนกองเสื้อผ้าขาดวิ่นแล้วหลับไป
…
ลี่โม่อวี่ไม่ได้เข้าทางเข้าด้านหน้าของโรงพยาบาล เขามักจะรู้สึกว่าเสี่ยวหลิวมีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงขับรถไปทางลานจอดรถด้านหลังโรงพยาบาลแล้วเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นหก
ตอนนั้นเองในห้องพักผู้ป่วยของฉินอีหลิน หลิวหรูหยุนที่ไม่ได้ดูแลคนป่วยทั้งสองคนตลอดทั้งบ่าย เมื่อเห็นว่านาฬิกาบนผนังใกล้จะชี้เลขเจ็ดแล้ว เธอก็เพิ่งลุกขึ้นจากโซฟาอย่างเกียจคร้านเตรียมจะไปเช็ดตัวให้คนป่วยทั้งสอง
เธอยกอ่างน้ำเย็นอย่างชุ่ยๆ เอาผ้าขนหนูจุ่มลงไปในน้ำที่แม้แต่ตัวเธอยังรู้สึกว่ามันเย็น เธอบิดผ้าขนหนูแล้วเดินไปที่เตียงฉินอีหลินช้าๆ
ทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้าของฉินอีหลิน หลิวหรูหยุนก็รู้สึกละอายใจ เธอไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสวยขนาดนี้มาก่อน สวยจนรู้สึกว่าคำว่า’สวย’ยังไม่สามารถบอกถึงความสวยของเธอได้ เธอสวยเหนือใครทั้งหมด
แต่ทว่าความละอายใจในการภาคภูมิใจในตัวเองค่อยๆทำพิษกลายเป็นความอิจฉา อิจฉาสุดๆ
เธอวางผ้าเย็นลงบนหน้าฉินอีหลิน ปากก็พึมพำว่า “เธอว่ามั้ยว่าเธอก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว ลี่โม่อวี่ก็ยังไม่ปล่อยเธอไปอีก ความรักของพวกเธอช่วงลึกซึ้งจริงๆ”
พูดพลางใบหน้าเธอก็แสดงสายตาดูถูกออกมาแล้วหยิบผ้าขนหนูขึ้นมากดลงบนหน้าฉินอีหลิน จากนั้นก็เช็ดไปมาราวกับกำลังเช็ดโต๊ะ
“ปัง!”
ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเตะขนเปิดออก แม้แต่กุญแจก็ถูกเตะจนพัง สีหน้า ลี่โม่อวี่ดูโกรธมาก เขาไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องอีหลินของเขา ไม่ยอมให้ใครแสดงความไม่เคารพต่อเธอได้
ฉินอีหลินเป็นเกล็ดใต้คอมังกรของเขา คนที่มาแตะเกล็ดใต้คอของมังกรจะต้องตาย
ส่วนหลิวหรูหยุนตื่นตระหนกกับการปรากฏตัวกะทันหันของ ลี่โม่อวี่จนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าของเธอซีดเผือด ขณะที่เธอจะอธิบายเพื่อตัวเอง กลับพบว่าพอเธอเห็นดวงตาที่เย็นชาของ ลี่โม่อวี่ เธอก็เหมือนจะล้มลงไปในบ่อน้ำแข็ง ทำให้แข็งไปทั้งตัว อ้ำๆอึ้งๆพูดอะไรไม่ออก
ลี่โม่อวี่เดินตรงไปที่เตียงของฉินอีหลิน เอามือหยิบผ้าขนหนูที่ปูบนใบหน้าเธอออก ผ้าขนหนูในมือนั้นเย็นเฉียบ
ในที่สุดลี่โม่อวี่ก็ไม่สามารถคุมความบ้าคลั่งในใจไว้ไม่อยู่ เขาเอาผ้าขนหนูฟาดลงบนหน้าหลิวหรูหยุน จากนั้นยกขาเตะหลิวหรูหยุน
ตามหลักแล้วเขาจะไม่ตบตีผู้หญิง แต่สำหรับผู้หญิงงูพิษใจเหี้ยม และยังทำร้ายคนที่เขารักที่สุด ลี่โม่อวี่รู้สึกอยากฆ่าเธอ
ศักยภาพของลี่โม่อวี่ทุกคนต่างรู้ดี ผลจากการที่เขาบ้าคลั่งแล้วเตะผู้หญิงนั้นไม่บอกก็รู้
หลิวหรูหยุนถูกถีบแต่ทางที่ตรงทำให้ไปชนเตียงของฉินอีหลิน
ลี่โม่อวี่อยากไปรับฉินอีหลิน แต่ไม่ทัน
ฉินอีหลินถูกหลิวหรูหยุนผลักลงจากเตียงนอนลงกับพื้น อันที่จริงเท้าของลี่โม่อวี่ไม่ได้ออกแรงมากนัก มิฉะนั้นแม้แต่เป็นผู้ชายก็คงถูกเตะตายแล้ว
หลิวหรูหยุนนอนอยู่บนพื้น ในปากมีรสคาวเลือด แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เธอก็เห็นฉินอีหลินที่ตัวเองผลักล้มอย่างไม่ตั้งใจ
เธอมีสีหน้ากลัวสุดขีด เธอกลัวจริงๆว่าลี่โม่อวี่จะฆ่าเธอ ด้วยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด เธอจึงพูดว่า “ขอโทษค่ะ…ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เธอพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจ็บที่โดนเตะหรือเป็นเพราะความกลัว
ลี่โม่อวี่ไม่สนใจเธอ เขาอุ้มฉินอีหลินที่นอนอยู่บนพื้น หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วเขาก็กอดฉินอีหลินไว้ในอ้อมแขนอย่างปวดใจ
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงการสั่นของร่างกายในอ้อมแขน จู่ๆฉินอีหลินก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
ลี่โม่อวี่ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองรอวันนี้มานานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้พอคนรักฟื้นขึ้นมาขอบตาเขาก็เปียกอย่างห้ามไม่อยู่
“อีหลิน ในที่สุดเธอก็ฟื้นแล้ว เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน…” ลี่โม่อวี่มองฉินอีหลินที่เพิ่งฟื้นด้วยขอบตาแดงๆ
แต่ฉินอีหลินที่ฟื้นขึ้นมาเหมือนจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ดวงตาของเธอหมองคล้ำ เธอนอนอยู่ในอ้อมแขนลี่โม่อวี่ยังงั้นไม่มีการเคลื่อนไหว
ลี่โม่อวี่เขย่าฉินอีหลินอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาเอามือตัวเองออกจากแก้มฉินอีหลิน แล้วโบกมือตรงหน้าอีกฝ่าย
ฉินอีหลินไม่ตอบสนอง แววตาที่ว่างเปล่ามองเขา ลี่โม่อวี่รู้ทันทีว่าสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเกิดขึ้นแล้ว ฉินอีหลินกลายเป็นหุ่นเชิด
เธอไม่มีความคิด เพียงแค่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น ในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมาจากตาเขา เขากอดฉินอีหลินไว้ในอ้อมแขนแน่น
น้ำตาลูกผู้ชายไม่ได้หลั่งง่ายๆถ้าไม่ถึงจุดที่เสียใจ
ตอนนี้เสียงในห้องพักผู้ป่วยทำให้แพทย์ที่เข้าเวรตกใจ แล้วศาสตราจารย์แพทย์ที่หน้าตาดูมีราศีท่านหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก พอเห็นสถานการณ์ในห้องพักผู้ป่วย เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมากแล้วเดินตรงไปหาฉินอีหลิน
ก่อนหน้านี้คณบดีมีการเรียกประชุมเป็นพิเศษเพื่ออธิบายว่าผู้ป่วยในห้องนี้ต้องใช้ความใส่ใจ 120,000 ส่วนเพื่อดูแล หากเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องถามมาก แค่ดูแลผู้ป่วยให้ดีก็พอ
“ให้ผมดูเธอหน่อย”
ศาสตราจารย์แพทย์ชราส่งสายตาแน่วแน่ให้ลี่โม่อวี่ พอลี่โม่อวี่ได้ยินเช่นนั้นก็คลายฉินอีหลินในอ้อมแขน ในกรณีนี้ลี่โม่อวี่เข้าใจดีจึงส่งสัญญาณว่าอีกฝ่ายสามารถมาตรวจได้ เพียงแต่เขาก็ยังคงมองฉินอีหลินอย่างลึกซึ้ง
ศาสตราจารย์แพทย์ชราสวมเสื้อผ้าและแว่นตาขนาดใหญ่ แต่เขาในชุดกาวน์สีขาวให้ความรู้สึกมั่นคงอย่างมาก เขาเริ่มโบกมือตรงหน้าฉินอีหลินก่อน จากนั้นยกแขนขวาของฉินอีหลินขึ้นแล้วตรวจชีพจรเธออย่างละเอียด
หลังจากทำเสร็จเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงพูดกับลี่โม่อวี่ที่ด้านข้างว่า “ผู้ป่วยอาจได้รับการปลุกแรงภายนอกขณะต่อสู้กับไวรัสจึงกลายเป็นหุ่นเชิด แต่การตื่นขึ้นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป เราจะพยายามรักษาติดตามผลถึงจะหาวิธีให้เธอฟื้นขึ้นมาจริงๆได้”
ศาสตราจารย์แพทย์ชราบอกผลจากการตรวจให้ลี่โม่อวี่ฟัง
พอเขาได้ยินเช่นนั้นดวงตาของลี่โม่อวี่สว่างขึ้น ในใจเขาคิดว่าการปลุกเช่นนี้ไม่เป็นอันตรายต่อฉินอีหลิน มันยังสามารถชดเชยการโทษตัวเองจากการที่ตนวู่วามก่อนหน้านี้
พอมองไปที่หลงหมิงเจ๋อที่ยังไม่ฟื้นข้างๆ ลี่โม่อวี่ก็บอกกับศาสตราจารย์ว่า “ผมสามารถใช้วิธีเดียวกันปลุกลูกชายของผมได้หรือไม่ครับ?”