บทที่ 401 พ่อบ้านที่ดี
แต่ทว่าเมื่อเห็นหลงจิ่นเซวียนร้องไห้ ฉินอีหลินกลับไม่แสดงอาการใดๆออกมาแม้แต่น้อย เธอทำแค่เพียงค่อยๆย้ายสายตาว่างเปล่าของเธอมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กตรงหน้าเธอ
หยางผิงที่อยู่ด้านข้างทั้งประหลาดใจและตื่นเต้นในตอนแรก พอเห็นใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของฉินอีหลิน เธอก็สงสัย
เธอครุ่นคิดสักครู่ หันมาหาลี่โม่อวี่แล้วพูดว่า “อีหลินเป็นอะไร?”
หยางผิงชอบลูกสะใภ้คนนี้มากๆ พอเธอได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับฉินอีหลิน เธอไม่มีเวลามาดูเธอเลย แต่ตอนนี้มาแล้วกลับเห็นเธอในสภาพนี้
“แม่ครับอีหลินฟื้นแล้ว แต่ตอนนี้เธอเป็นหุ่น ไม่มีความคิด…”
ลี่โม่อวี่อธิบายให้หยางผิงฟังซึ่งทำให้เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขาลืมแจ้งข่าวให้ตระกูลลี่รู้ แต่เพราะเมื่อวานดึกเกินไป เขาจึงไม่ได้โทรไปรบกวน
หลังจากได้ฟังหยางผิงก็พยักหน้าอย่างเข้าใจครึ่งไม่เข้าใจครึ่ง จากนั้นเมื่อเห็นหลงจิ่นเซวียนร้องไห้อยู่ข้างเตียงฉินอีหลินอย่างเสียใจ ทำให้จมูกของเธอแสบจนเกือบจะร้องไห้ตาม
ลี่โม่อวี่วางกล่องข้าวไว้บนโต๊ะแล้วค่อยๆอุ้มหลงจิ่นเซวียนขึ้นมา เขายื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอแล้วพูดอย่างปลอบโยนว่า “จิ่นเซวียนคนเก่ง ให้แม่พักสักพักก่อนนะครับ”
หลงจิ่นเซวียนซบบนแขนพ่อ ใบหน้าเล็กๆยังมีรอยน้ำตาให้เห็น เธอลืมตากลมโตพูดกับลี่โม่อวี่ว่า “พ่อจ๋า ทำไมแม่ไม่รู้จักจิ่นเซวียนแล้ว?” พูดจบขอบตาเธอก็เริ่มเปียกราวกับจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
ลี่โม่อวี่ไม่รู้จะอธิบายให้ลูกสาวฟังยังไง หยางผิงมองออกว่าลี่โม่อวี่กำลังลำบากใจ จึงก้าวเข้าไปบอกหลงจิ่นเซวียนว่า “จิ่นเซวียนคะ คุณแม่กำลังจะช่วยจิ่นเซวียนตามหานางฟ้าไงคะ ไม่นานคุณแม่ก็จะจำจิ่นเซวียนได้แล้ว เข้าใจมั้ย?”
หลงจิ่นเซวียนได้ฟังตาก็เบิกกว้าง เธอหยุดร้องไห้แล้วหันไปพูดกับหยางผิงว่า “ถ้างั้นหากจิ่นเซวียนเชื่อฟัง คุณแม่จะกลับมาใช่มั้ยคะ?”
“ใช่จ่ะ คุณแม่แค่อยากให้จิ่นเซวียนเป็นเด็กดีแล้วคุณแม่จะกลับมา” หยางผิงกล่าวต่อ
หลงจิ่นเซวียนยื่นมือน้อยๆของตนมาเช็ดน้ำตาแล้วพูดกับฉินอีหลินที่อยู่ข้าง “แม่จ๋า จิ่นเซวียนจะเป็นเด็กดี”
เสียงอ่อนวัยดังขึ้น ความไร้เดียงสาของเด็กน้อยทำให้ลี่โม่อวี่ปวดใจ เขาแอบสาบานว่าต่อจากนี้เขาจะไม่ปล่อยให้คนรักกับลูกต้องทุกข์ทรมานอีก
ฉินอีหลินไม่มีแสดงอารมณ์ใดๆ เธอเพียงแค่หันหน้าไปมองหลงจิ่นเซวียนหลังได้ฟังเธอพูด
ลี่โม่อวี่รู้สึกดีใจที่ได้เห็นการเคลื่อนไหวนี้ของฉินอีหลิน เขารู้สึกว่าในส่วนลึกของร่างกายนี้มีจิตวิญญาณที่ค่อยๆหลุดออกมา
หลงจิ่นเซวียนหันหน้ามาเห็นหลงหมิงเจ๋อที่นอนอยู่บนเตียงอีกหลัง เด็กทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตั้งแต่เด็ก และหลงหมิงเจ๋อก็เป็นห่วงน้องสาวของตนมาก
แน่นอนว่าหลงจิ่นเซวียนก็ชอบอยู่กับพี่ชายเช่นกัน ตั้งแต่หลงหมิงเจ๋อสลบไป เธอก็ไม่มีความสุขเพราะไม่มีอยู่เป็นเพื่อน
“พ่อคะ พี่ชายเป็นอะไรคะ” หลงจิ่นเซวียนถามอีกครั้ง
ลี่โม่อวี่ถึงพูดว่า “พี่เขาจะไปหาแม่ให้จิ่นเซวียนไงครับ พวกเขาจะกลับมาด้วยกัน”
แม้ว่านี่เป็นการหลอกลูกตัวเอง แต่บางครั้งการโกหกสีขาวก็ทำให้เธอเติบโตขึ้นได้ดีกว่า จิ่นเซวียนยังเด็ก ยังไม่สามารถทนต่อแรงกดดันที่ไม่ใช่ของเธอได้
หยางผิงกอดหลงจิ่นเซวียนจากมือของลี่โม่อวี่แล้วพูดว่า “จิ่นเซวียนเราไม่รบกวนเวลาคุณพ่อกินข้าวดีมั้ยคะ?”
หลงจิ่นเซวียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็กระโดดลงจากมือของหยางผิงแล้วปีนขึ้นไปบนเตียงหลงหมิงเจ๋อ แล้วพึมพำอะไรสักอย่าง
หยางผิงมองไปที่กล่องข้าวที่เธอนำมาแล้วพูดว่า “ดูสิ แม่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีหลินฟื้นแล้ว จะได้เอาอาหารมาอีกชุดหนึ่ง แม่จะออกไปซื้อเพิ่ม”
หยางผิงคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นจะออกไปซื้ออาหาร แต่ลี่โม่อวี่ก็พูดว่า “แม่ครับ ไม่ต้องหรอก อีกเดี๋ยวผมจะออกไปทำธุระแล้วออกไปกินข้าวด้วย กับข้าวนี้ให้อีหลินกินเถอะครับ”
หยางผิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ลูกรีบหรือเปล่า ถ้ารีบ ลูกไปก่อนเถอะ แม่จะดูแลพวกเขาเอง”
ลี่โม่อวี่ยิ้มแล้วพูดกับหยางผิงว่า “แม่ครับ ดีใจจึงที่มีแม่”
หยางผิงยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่ลี่โม่อวี่จะกลับบ้านเธอไม่คิดว่าจะมีวันนี้ จนกระทั่งลูกชายกลับมาเธอถึงได้รู้ถึงความสุขของคนเป็นแม่
ลี่โม่อวี่เปิดดูอาหารในกล่องข้าว ข้างในมีโจ๊กหมูไข่เยี่ยวม้าหนึ่งถ้วย ผักกาดดองหนึ่งจานและซาลาเปาเนื้อก้อนโตสองก้อน
ทั้งหมดนี้เป็นอาหารโปรดของลี่โม่อวี่ แต่เขากลับไม่ชิมแม้แต่คำเดียว เขาหยิบโจ๊กขึ้นมาแล้วป้อนให้ฉินอีหลินด้วยช้อนทีละคำๆอย่างตั้งใจ
หลังจากดูแลฉินอีหลินกินข้าวแล้ว ลี่โม่อวี่ก็ดูเวลาแล้วพูดกับหยางผิงว่า “แม่ครับ ผมฝากแม่ดูแลพวกเขาด้วยนะครับ ผมจะออกไปทำธุระ”
หยางผิงได้ฟังก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ลูกไปเถอะ แม่จะดูแลพวกเขาเอง”
ลี่โม่อวี่ยิ้มให้หยางผิง จากนั้นก็ค่อยๆเดินไปด้านหลังหลงจิ่นเซวียนที่นอนพูดอะไรสักอย่างอยู่ข้างเตียงของหลงหมิงเจ๋อ ลี่โม่อวี่เดินเข้าไปใกล้ถึงได้ยินมาเธอกำลังพูดอะไร
“พี่ชายจ๋า พี่ต้องช่วยจิ่นเซวียนตามหาแม่มาให้ได้นะ พี่ชายเก่งที่สุดเลย”
เสียงอ่อนวัยของหลงจิ่นเซวียนดังขึ้นในหูลี่โม่อวี่ เขากัดฟันโดยไม่พูดอะไรหันกลับไปสบตาหยางผิง จากนั้นก็ออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
เหตุผลที่ลี่โม่อวี่รีบออกไปเป็นเพราะเขาต้องการคุยกับซือเซี่ยเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหลี่ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหยางเฟิงบอกเขาว่าถ้าไม่ถอนรากถอนโคนตระกูลหลี่ออกไปก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นอีกไม่รู้จบ
พอร์เชอยังคงจอดอยู่ที่ที่เขาขับมาเมื่อวาน ลี่โม่อวี่เดินลงมาจากบันไดไปที่ลานจอดรถด้านหลัง
รถพอร์เชอสีดำที่จอดอยู่ในลานจอดรถดูสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาเปิดประตูรถและขับรถไปบ้านตระกูลซืออย่างคุ้นทาง
เพราะซือเอ๋อท้องจึงทำให้ซือเซี่ยอยู่บ้านเป็นเพื่อนภรรยาทุกวันจนกลายเป็นพ่อบ้านที่ดี
เขารับผิดชอบทำอาหารเช้ากลางวันเย็น ไปเป็นเพื่อนซือเอ๋อทุกที่ที่เธออยากไป สรุปคือทำทุกอย่างเพื่อภรรยาของเขา
ทันทีที่ลี่โม่อวี่จอดรถ พ่อบ้านของตระกูลซือที่รู้จักคุณชายลี่มานานก็เข้ามาต้อนรับ แล้วพูดอย่างสุภาพว่า “คุณชายลี่ครับ คุณชายของเรารออยู่ที่สนามด้านหลังครับ”
ได้ยินเช่นนั้นลี่โม่อวี่ก็พยักหน้า เขานึกว่าซือเซี่ยรู้ว่าตนจะมา จึงค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ แต่ที่จริงแล้วซือเซี่ยได้บอกพ่อบ้านโดยเฉพาะว่าถ้าลี่โม่อวี่มาให้บอกเขามาหาตนที่สนาม
ลี่โม่อวี่เคยไปที่สนามที่นี่เพียงครั้งเดียว ซึ่งก็คือเมื่อตอนที่เขามาหาคุณปู่ของซือเซี่ย คิดได้ดังนั้นเขาก็นึกถึงประโยคที่คุณปู่ซือเซี่ยบอก แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ
สนามยังคงสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ทั้งสวนจึงดูเขียวเป็นพิเศษ ทิวทัศน์ทั้งหมดนี้ดูมีชีวิตชีวาของฤดูใบไม้ผลิ อารมณ์ของลี่โม่อวี่ก็ดีขึ้นมาก”โย่ว! คุณชายลี่มาแล้ว!” ท่านชายซือเซี่ยที่เห็นลี่โม่อวี่ที่มาแต่ไกล
พอเห็นซือเซี่ยยืนโอบซือเอ๋ออยู่ในอ้อมแขนตรงนั้น ลี่โม่อวี่ก็ยิ้มออกมา แต่พอเขานึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาในครั้งนี้ก็รู้สึกอึดอัด