บทที่ 49 ที่ตั้งบริษัท
เมื่อได้ฟังความปรารถนาของหลินอี้จุนแล้ว ลู่เฉินไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา หากเป็นก่อนหน้าที่เขาจะเดินทางไปเมืองหลวงเขาคงบอกกับเธอว่าจะเก็บหลังที่ดีที่สุดเอาไว้พวกเราอยู่กันเอง
แต่ตอนนี้เขาจะให้หลินอี้จุนรู้ถึงฐานะตัวตนที่แท้จริงของเขาไม่ได้ อย่างน้อยในตอนที่ความสามารถของเขายังไม่แข็งแกร่งพอ เขาไม่อยากให้ที่บ้านรับรู้เรื่องของตระกูลลู่ในเมืองหลวง
เพราะในตอนนี้เขายังไม่มีอำนาจมากพอที่จะต่อสู้กับแม่ใหญ่จึงทำได้เพียงอดทนเท่านั้น
ในวันต่อมาหลังจากลู่เฉินส่งฉีฉีไปโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกไปกลับวังเหว่ยและเสี่ยวซู่ถิง
เสี่ยวซู่ถิงเป็นผู้ช่วยของลู่จง เมื่อปีก่อนเพิ่งสำเร็จการศึกษาในระดับดร.จากคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก็ถูกลู่จงเชิญชวนมาทำงานที่ด้วยเงินเดือนค่อนข้างสูง
เสี่ยวซู่ถิงส่วนสูง 170 cm หากเธอใส่รองเท้าส้นสูงคงสูงเท่าลู่เฉินได้
ผมยาวหยักศก ขาเรียวยาวสวยงามตามแบบฉบับของคนสวย
ตอนนี้กลุ่มได้ยุบตัวลง ลู่จงกำลังช่วยเขาซื้อเทคโนโลยีหลักในการผลิตTSMC ส่วนพนักงานระดับสูงของกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยกว่าครึ่งอยู่ที่นี่เพื่อสนับสนุนลู่จง
ส่วนบรรดาที่ออกไป ก็ได้จ่ายค่าตอบแทนให้แก่พวกเขาอย่างสมศักดิ์ศรี
ในวันนี้วังเหว่ยและเสี่ยวซู่ถิงได้เดินทางมาช่วยลู่เฉินดูพื้นที่
เขาจะทำอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งแรกของหยูโจว และต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสม
จากคำแนะนำของผู้ใหญ่ พวกเขาบอกว่าควรมาดูที่หม่าอันซาน
หม่าอันซานเป็นชื่อเมืองแห่งหนึ่งในเขตต้าตู้ อยู่ในเขตชานเมือง ซึ่งห่างจากวิลลาทะเลสาบจิงหลงประมาณสิบห้ากิโลเมตรเห็นจะได้
จากการประเมินของกลุ่มเจ้าหน้าที่ ในที่สุดลู่เฉินก็เจอบริเวณเทือกเขาที่มีวิวภูเขาและน้ำที่สวยงาม
พื้นที่เหล่านี้เป็นเพียงเนินเล็ก ๆ หากได้รับการพัฒนาคงได้ผลลัพธ์อย่างดีแน่นอน
เจ้าหน้าที่ได้สำรวจโดยคร่าวๆหม่าอันซานรวมถึงพื้นที่ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ มีเนื้อที่ประมาณ 30 ตารางกิโลเมตร มีพื้นที่รอยต่อครอบคลุมสามเมืองใหญ่ในหยูโจว
“จัดการซื้อเทือกเขาทั้งหมดนี้ให้ผมหน่อยนะเสี่ยวซู่ถิง คุณส่งคนไปที่เมืองเพื่อสอบถามรายละเอียดได้เลยในตอนบ่าย” ลู่เฉินพูดกับเสี่ยวซู่ถิงที่อยู่ข้างๆเขาหลังจากเจ้าหน้าที่รายงานผลการตรวจสอบ
“รับทราบค่ะ หากไม่มีคู่แข่งละก็ น่าจะซื้อได้ด้วยราคาสิบกว่าล้าน แต่หากมีคู่แข่งก็พูดยาก” เสี่ยวซู่ถิงพยักหน้าตอบรับ
เสี่ยวซู่ถิงยังไม่ทันพูดจบก็พบว่ามีรถขบวนยาวขับเข้ามา คนกลุ่มหนึ่งลงมาจากรถคล้ายกับมาดูที่แห่งนี้เช่นกัน
“เป็นคนจากบ้านตระกูลจั่ว พวกเขาก็อยากซื้อที่แห่งนี้เหมือนกันงั้นเหรอ?” วังเหว่ยมองดูคนที่เดินเข้ามาแล้วกระซิบที่ข้างหูลู่เฉิน
ตระกูลจั่วเป็นหนึ่งในบรรดาผู้มีอำนาจสูงส่ง ณ เมืองหยูโจว มีความสามารถค่อนข้างสูง หากไม่ถูกกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยกดอำนาจไว้แล้วล่ะก็ บ้านตระกูลจั่วคงเป็นอันดับสามในเมืองหยูโจว
“ สวัสดีครับผมชื่อ จั่วชิงเฉิง พวกคุณเองก็สนใจที่ผืนนี้เช่นกันหรือ?”ชายหนุ่มอายุราวสามสิบปีมองดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าทีม ได้เดินเข้ามาทักทายลู่เฉิน
“ลู่เฉิน” ลู่เฉินแนะนำตัวแล้วยื่นมือไปทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม
“อ้าวนี่ไม่ใช่ผู้จัดการวังและผู้ช่วยเสี่ยวแห่งกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยหรอกเหรอ?กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยยุบตัวลงไปแล้วนี่นา” จั่วชิงเฉิง มองด้วยสายตาสงสัยแล้วขมวดคิ้ว
สวัสดีค่ะคุณชายจั่ว ตอนนี้พวกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยแล้ว แต่เป็นสมาชิกของบริษัทเทคโนโลยีอี้ฉี” เสี่ยวซู่ถิงพูดขึ้นอย่างไม่ถ่อมตัว
เทคโนโลยีอี้ฉี เป็นชื่อที่ลู่เฉินตั้งขึ้นจากชื่อของหลินอี้จุนและฉีฉี และจดทะเบียนเป็นที่เรียบร้อย ปัจจุบันใช้ตึกจวินเยวี่ยเป็นสถานที่ทำงาน หลังจากอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งนี้สร้างเสร็จก็จะย้ายมาทำงานที่นี่
“เทคโนโลยีอี้ฉี ?” จั่วชิงเฉิงหันไปมองผู้ช่วยของเขา เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อบริษัทนี้มาก่อน
แต่ถ้าหากสามารถซื้อที่ดินผืนนี้ได้คงไม่ใช่บริษัทเล็กๆ และยังดึงตัวผู้มีความสามารถอย่างวังเหว่ยและเสี่ยวซู่ถิงมาทำงานร่วมด้วยได้
ผู้ช่วยของเขาส่ายหน้า หมายความว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน
พวกเขาจะเคยได้ยินได้ยังไง บริษัทเพิ่งจะจดทะเบียนเมื่อวานนี้เอง
“ พวกเราเป็นเพียงบริษัทที่เพิ่งจดทะเบียน คุณชายจั่วไม่รู้จักก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”ลู่เฉินพูด
“ อ๋อเป็นอย่างนี้นี่เอง พวกคุณก็วางแผนซื้อที่ดินผืนนี้เหมือนกันเหรอ แต่เกรงว่าจะซื้อไม่ได้เสียแล้วล่ะ เพราะพวกเราจะซื้อที่ดินทั้งหมดนี้” จั่วชิงเฉิงเมื่อได้ยินว่าเป็นบริษัทที่เพิ่งจดทะเบียนก็ไม่ได้นำมาใส่ใจ
แค่บริษัทที่เพิ่งจดทะเบียน สำหรับเขาแล้วคงไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
พูดได้ว่าหลังจากกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยยุบตัวลงแล้ว เมืองหยูโจวที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้มีเพียงหลิวซานแห่งบ้านตระกูลหลิว จางดาวเรนแห่งบ้านตระกูลจางและซูจื่อรงแห่งบ้านตระกูลซูเท่านั้น
เมื่อจั่วชิงเฉิงเดินทางมาถึงก็วางอำนาจใส่เขา ลู่เฉินจึงยิ้มแล้วตอบว่า “เกรงว่าคุณชายจั่วจะต้องพบกับคู่ต่อสู้แล้วล่ะครับ”
“อ๋ออย่างนั้นหรือ หวังว่าคุณจะมีคุณสมบัติพอเป็นสู้ต่อสู้ของผมนะ” จั่วชิงเฉิงพูดด้วยความมั่นใจ แล้วพาลูกน้องเดินจากไป เขาไม่ต้องการแม้แต่จะมองลู่เฉินอีก
เมื่อเห็นจั่วชิงเฉิงมองดูลู่เฉินด้วยสายตาดูถูก ทั้งสองก็ไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก
เมื่อตอนที่กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยยังไม่ยุบตัวลง จั่วชิงเฉิงเป็นทายาทแห่งตระกูลจั่ว ตระกูลจั่วกับ กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยมีความร่วมมือกันอยู่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ย เขาเองก็จำเป็นต้องให้ความเคารพนับถือ
เพราะพวกเขาทั้งสองมักเป็นตัวแทนของผู้บริหารกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยอยู่บ่อยๆ
“หากตระกูลจั่วเข้ามาวุ่นวาย คาดว่าเราคงต้องออกทุนมากกว่าเดิมแล้วละครับ” วังเหว่ยพูดขึ้น
“เรื่องที่เงินสามารถจัดการได้ไม่ถือว่าเป็นปัญหา อย่างมากสุดก็ไปแย่งประมูลมาซะ อีกอย่างเรื่องที่พวกเราจะซื้อที่แห่งนี้คาดว่าองค์กรประมูลคงเป็นคนปล่อยข่าว” ลู่เฉินพูด
“เข้าใจแล้วครับ พวกเขาบอกว่าเปิดไฟเขียวให้พวกเรา แต่ที่ผืนนี้หากไม่มีใครมาแย่งประมูลก็คงไม่ได้ราคาเท่าไหร่ แต่หากมีคนแย่งประมูล พวกเขาจึงจะได้กำไรการค้านี้” วังเหว่ยพูดขึ้น
“ฉลาดกันจริงๆ พวกบรรดาผู้ใหญ่รังแกคุณชายลู่อยู่นี่นา เขาไม่กลัวคุณชายลู่ไปซื้อที่เมืองอื่นงั้นเหรอ?” เสี่ยวซู่ถิงพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่ให้ประโยชน์กับพวกเขาสักหน่อย อาจจะไม่สำเร็จอย่างราบรื่น” ลู่เฉินยิ้มตอบ พวกเขาเข้าใจถึงความหมายดี ไม่แน่ว่าสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองหยูโจวอาจเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ด้วย
แต่เรื่องเหล่านี้เขาไม่ได้นำมาใส่ใจนัก หากพวกเขาชอบเงิน ทุกอย่างก็จัดการง่ายขึ้น
ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ต้องการต่อสู้กับเขาละก็ เขาจะเล่นด้วยสักตั้ง เป็นโอกาสดีที่จะทำให้พวกเขารู้ว่าเทคโนโลยีอี้ฉีไม่ใช่บริษัทที่จะรังแกกันได้ง่ายๆ
“ถ้าหากลู่จงยังไม่ไปละก็ เรื่องพวกนี้คงราบรื่น ที่ผ่านมาในแต่ละปีกลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยจ่ายค่าภาษีหลายหมื่นล้าน เพียงแค่กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยพูดว่าจะทำโครงการใด พวกเขาก็เข้าหาด้วยตนเอง บางครั้งยังให้บริการฟรีอีกด้วย” วังเหว่ยกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“แต่ในอนาคตเทคโนโลยีอี้ฉีก่อตั้งขึ้นมาแล้ว นั่นสามารถเรียกได้ว่ายิ่งใหญ่กว่ากลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยมากนัก พวกเขาก็ต้องเข้ามาทำดีด้วยอยู่ดี” เสี่ยวซู่ถิงพูดเสริม
“ไปกันเถอะ วันนี้เรากลับไปกันก่อน ตอนบ่ายค่อยไปตรวจดูข้อมูล” ลู่เฉินยิ้มแล้วเดินตรงไปที่รถ
เป็นไปดังคาด เวลาบ่ายสี่โมง เสี่ยวซู่ถิงโทรรายงานลู่เฉินว่าตระกูลใหญ่ทั้งสี่จะเข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ด้วย ตอนนี้รวมพวกเขาด้วยมีทั้งหมดห้าตระกูลที่เข้าร่วมประมูล ทางหน่วยงานจะจัดงานประมูลขึ้นในวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย