บทที่ 99 ลู่เฉินถูกไล่
เมื่อผู้คนเห็นเฉินจือหรานขอโทษลู่เฉินด้วยตนเองก็พากันคิดว่าตาฝาดไปหรือเปล่า?
เธอผู้นี้คือคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลเฉินเชียว ทำไมถึงได้ยอมก้มหัวขอโทษชายผู้นี้กัน อีกทั้งในแววตาของเธอยังเต็มไปด้วยความชื่นชม
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
“คุณหนู……คุณหนูใหญ่ เกิดอะไรขึ้นครับ?” เฉินซานไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็น เขาคิดว่าคุณหนูใหญ่ของเขานั้นถูกมนต์สะกด
“หุบปาก! พวกแกบังอาจเสียมารยาทต่อคุณลู่ได้อย่างไร ฉันจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องพ่อ!” เฉินจือหรานตะคอกออกมา
ลู่เฉินเป็นใครเธอไม่รู้ เธอรู้เพียงแต่ว่าเมื่อคุณปู่และคุณพ่อของเธอพูดถึงลู่เฉินนั้น สายตาของพวกเขาให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งกำชับเธอว่าให้ดูแลต้อนรับลู่เฉินเป็นอย่างดี
บุคคลเช่นนี้ กลับถูกผู้ดูแลกันไว้ไม่ให้เข้ามาในสวนว่านโส้ ไม่ต่างอะไรกับการตบที่หน้าเขาเข้าอย่างจัง
“หา!” เฉินซานตกใจ เขาเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา
จากเดิมที่เขาต้องการจะเยาะเย้ยถากถางเจ้ากระจอกคนนี้ อยู่ๆกลับกลายเป็นบุคคลที่หัวหน้าตระกูลเชิญมา!
ณ วินาทีนี้ เขามองไปยังจั่วชิงเฉิงและวังชิจูด้วยสายตาอาฆาต
หากไม่ใช่เพราะสองคนนี้ยุยงเขา เขาจะกล้าทำผิดต่อลู่เฉินได้อย่างไร!
“พี่คะ พี่ทำอะไรเนี่ย รีบแก้แค้นให้หนูเร็วสิ ขาหนูยังเจ็บอยู่เลยนะ” เฉินเสี่ยวปิงพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“เสี่ยวปิน อย่าเสียมารยาทคุณลู่ คุณลู่เป็นคนที่พวกเราจะต้องออกมาต้อนรับ” เฉินจือหรานหันหลังกลับไปมองเฉินเสี่ยวปิงและส่งซิกให้เธอ
“หา!!!เขา……เขา เป็นคนที่คุณปู่เชิญมาคนนั้นหน้าหรือคะ?”เฉินเสี่ยวปิงเบิกตากว้าง
เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าคนที่ขับออดี้คันละไม่กี่บาทจะเป็นแขกที่คุณลุงและคุณปู่ให้ความสำคัญขนาดนี้
พวกเธอเพิ่งจะเรียกบุคคลแบบนี้ว่าไอ้กระจอก!
ณ วินาทีนี้เฉินเสี่ยวปิงแทบจะมุดหน้าหนี
หลี่ชุนเองก็ตกใจมากเช่นกัน เธอคิดไม่ถึงว่าชายผู้นี้ในสำหรับสายตาคนอื่นเป็นเพียงแค่ไอ้กระจอก แต่หัวหน้าตระกูลเฉินและคุณปู่กลับให้ความสำคัญ
เธอรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันทีที่ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้พูดจาถากถางลู่เฉิน ไม่อย่างนั้นก็คงจะแย่เช่นกัน
“คนอื่นผมไม่ถือสา แต่สำหรับผู้ดูแลคนนี้เขาหาเรื่องและดูถูกผมไม่หยุดไม่หย่อน หากวันนี้คุณพ่อของคุณไม่อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน ผมก็คงไม่เข้าไป” ลู่เฉินมองดูเฉินซานแล้วพูดออกมาเบาๆ
ในวันนี้เขามาร่วมงานวันเกิดครบรอบ 70 ปีของคุณท่าน และบ้านตระกูลเฉินเป็นคนเชิญเขาเข้ามา
แต่ผู้ดูแลคนนี้กลับจะไล่เขาออกไป
นี่มันไม่ใช่เพียงการหักหน้า
แต่เป็นการดูถูก
ลู่เฉินไม่ติดใจเอาความในเรื่องอื่นๆ แต่สำหรับเฉินซานนี้เขาจะต้องจัดการให้ได้
เฉินซานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะไม่ยอมปล่อยเขาไป เขาจ้องไปยังลู่เฉินด้วยแววตาเยือกเย็น
การที่ให้หัวหน้าตะกูลออกมาตำหนิติเตียนผู้ดูแลอย่างเขา ไม่เพียงแต่เป็นการตบหน้าแต่ทำให้เขาอับอาย ขณะเดียวกันก็ทำให้บ้านตระกูลเฉินต้องขายหน้าด้วย
เฉินจือหรานสีหน้าซีดลงไปทันทีภายในใจเธอวิตกกังวล
เธอก็รู้ดีว่าตัวตนของลู่เฉินค่อนข้างพิเศษ จึงทำได้แต่พูดว่า “ฉันจะโทรหาคุณพ่อเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เมื่อลู่เฉินมองเห็นสายตาของเฉินจือหรานที่รู้สึกไม่พอใจนั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไร บางเรื่องเขาไม่นำมาใส่ใจก็ได้ แต่บางเรื่องก็ไม่สามารถปล่อยไปได้เช่นกัน
เทพเจ้าก็ยังมีความโกรธได้ แล้วนับภาษาอะไรกับเขาซึ่งเป็นคนธรรมดา
“ใครกัน บังอาจนัก เข้ามาทำร้ายผู้ดูแลของบ้านเรา?”
พูดยังไม่ทันขาดคำคุณชายคนหนึ่งก็เดินออกมาด้วยท่าทีสง่างาม
ด้านหลังของเขามีชายวัยเดียวกันท่าทางสง่างามเดินมา มองดูก็รู้ว่าเป็นทายาทเศรษฐี
“คุณชายในที่สุดก็มาเสียที”
เฉินซานสีหน้าดีใจขึ้นมาและรีบวิ่งไปต้อนรับ “คุณชายครับ ถ้ายังไม่มาอีกละก็ บ้านตระกูลเฉินของเราคงจะต้องอับอายขายหน้ามากแน่ๆ”
ชายผู้นี้คือลูกของเฉินกวงซิงชื่อว่าเฉินจื่อหลง เป็นคุณชายใหญ่บ้านตระกูลเฉิน อนาคตผู้สืบทอดบ้านตระกูลเฉิงอันดับหนึ่ง
“เรื่องราวเมื่อสักครู่ฉันเห็นหมดแล้ว”
เฉินจื่อหลงเดินมาหยุดอยู่หน้าลู่เฉินแล้วพูดว่า “คุณลู่ใช่ไหม? ผมรู้ดีว่าคุณพ่อของผมเชิญคุณมา แต่วันนี้เป็นวันเกิดของคุณปู่ครบรอบ 70 ปี คุณเข้ามาในนี้จำเป็นจะต้องมีบัตรเชิญ นี่เป็นกฎเกณฑ์ที่คุณปู่ตั้งขึ้น ถ้าคุณไม่มีบัตรเชิญก็คงจะทำได้แค่อยู่นอกห้องโถง ตระกูลเฉินของเรา ไม่ยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ”
“เรื่องที่คุณต้องการเข้ามาวุ่นวายในเรื่องราวตระกูลของเรา ต้องขออภัยด้วย บ้านตระกูลเฉินของเราไม่ยินดีต้อนรับคุณ คุณกลับไปเถอะ”
คุณชายอันดับหนึ่งของยวี่โจวเฉินจื่อหลงเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินคุณปู่และคุณพ่อพูดถึงลู่เฉินอยู่บ้าง และทุกครั้งทั้งสองจะพูดคล้ายกับลู่เฉินเป็นเทพเจ้า ยกย่องพวกเขาไว้เหนือหัว ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจนัก
อีกทั้งยังรู้สึกอิจฉา
ในยวี่โจวนั้นเขาไม่คิดว่าจะมีชายผู้ใดเปรียบเทียบกับเขาได้
ไม่มีใครจะเก่งเท่ากับเขา
แต่คุณปู่และคุณพ่อ ทำให้เขารู้สึกเกลียดชังลู่เฉินเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นวันนี้เขาจะทำให้ลู่เฉินรู้จักถึงความน่าเกรงขามของเขา
ให้ลู่เฉินเข้าใจถึงเหตุผลที่ว่า
ไม่ว่าจะในยวี่โจวหรือบ้านตระกูลเฉินของพวกเขา
ลู่เฉินไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเอื้อมมือเข้ามายุ่งเกี่ยว
“คุณจะไล่ผมออกไป?” ลู่เฉินตกตะลึงแล้วมองเฉินจื่อหลง
“ถ้าคุณเข้าใจว่าแบบนั้นก็เป็นตามที่คุณเข้าใจเลย” เฉินจื่อหลงพูดออกมา
“ได้ บ้านตระกูลเฉินของคุณเก่งนักใช่ไหม? ผมเองก็ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว”
ลู่เฉินหัวเราะ เขาส่ายหัวและหันหลังกลับ
คนบ้านตระกูลเฉินท้าทายเขาหลายต่อหลายรอบ ทำให้เขาหมดความอดทน
เฉินกวงซิงมีธุระไม่สามารถออกมารับเขาได้ด้วยตนเอง เขายังพอเข้าใจ
แต่เฉินกวงซิงกลับปล่อยให้ลูกชายมาดูถูกเขาเช่นนี้ เรื่องนี้น่าจะเกินไปหน่อย
ในใจเขาคิดไว้แล้วว่าหากเฉินกวงซิงไม่ออกมาอธิบายเรื่องนี้ให้เขาพอใจ ถ้าเป็นเช่นนั้น
ความร่วมมือกับ เทคโนโลยีอี้ฉีคงต้องหยุดลงชั่วคราว
“ไอ้กระจอก เมื่อกี้แกอวดดีนักไม่ใช่เหรอ?ตอนนี้เดินหางตกกลับไปทำไม?” วังซิงมองตามลู่เฉินแล้วหัวเราะ
ลู่เฉินไม่หันหลังกลับมา เขาไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องลงไปเกลือกกลั้วกับวังซิง
แต่ฉากนี้สำหรับวังซิงและคนอื่นๆ พวกเขาช่างรู้สึกสะใจยิ่ง
“ไอ้ลู่เฉิน แกไม่ได้จะเข้าไปหาของกินในสวนว่านโส้เหรอ? ถ้าแกกลับมาขอโทษฉันซะดีๆฉันจะพาแกเข้าไปด้วยนะ” วังซิงตะโกนออกมา
“อะไรกัน?จบแล้วเหรอ ยังไม่ทันเจอฉากเด็ดเลย” จั่วชิงเฉิงส่ายหัวและพูดออกมาด้วยความเยาะเย้ย
เขากำลังรอดูลู่เฉินก่อเรื่องใหญ่กว่านี้และตัดขาดจากตระกูลเฉินอย่างสิ้นเชิง ถ้าถึงตอนนั้นเขาจะเป็นคนออกหน้าช่วยลู่เฉินเอง
“พี่คะ ทำแบบนี้ได้ยังไง?คุณลู่เป็นแขกของคุณปู่และคุณพ่อนะ ทำแบบนี้ไม่กลัวว่าคุณปู่และคุณพ่อจะโกรธเหรอ” เฉินจือหรานมองเห็นเฉินจื่อหลงทำเช่นนั้นก็เอ่ยถาม
เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงทำเช่นนี้
เฉินจื่อหลงไม่พูดอะไรออกมา สีหน้าของเขาดูไม่ดีนัก
การที่เฉินจือหรานพูดแบบนี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าเขาทำถูกต้องแล้ว
ลู่เฉินได้รับคำชื่นชมจากคุณปู่จะมีประโยชน์อะไร? สุดท้ายแล้วก็ถูกเขาขับไล่ออกไปเพียงแค่คำพูดคำเดียว