บทที่ 228 วังเหวยอาละวาด
“ให้เขาคุกเข่าตรงหน้าประตูบริษัทหนึ่งวัน วันนี้เลย และให้เขาทบทวนการกระทำของเขาเองดีๆ ฉันเชื่อมั่นในสายตาของเสี่ยวซู่ถิง เสี่ยวจื่อเหิงนี่ต้องเป็นคนที่มีความสามารถแน่นอน เพียงแต่มารยาทในการทำงานแย่ไปหน่อย” ลู่เฉินพูดอย่างเยือกเย็น
ก่อนหน้านี้เขาได้ให้โอกาสกับเสี่ยวจื่อเหิงหลายครั้ง แต่เสี่ยวจื่อเหิงไม่รักษามันเอง แถมอาการยังยิ่งกว่าเดิม และสิ่งที่ทำให้ลู่เฉินโกรธที่สุดคือ เสี่ยวจื่อเหิงไม่แยกเวลางานและเวลาส่วนตัว
เพียงเพราะเรื่องส่วนตัวที่ไม่สำคัญนัก แม้ต่อให้เป็นเวลางาน เขาก็ไม่สนใจ เห็นเรื่องส่วนตัวเป็นใหญ่กว่า คนแบบนี้ต่อให้มีความสามารถ ลู่เฉินก็ไม่ชอบ
บริษัทให้เงินเดือนกับพวกเขาสูงมาก ไม่ใช่ให้เอาเวลาทำงานมาจัดการเรื่องส่วนตัวที่ไม่สำคัญอะไร
เห็นแก่หยูลี่ เขาจะให้โอกาสเสี่ยวจื่อเหิงอีกครั้ง หากมีอีกครั้ง เขาไม่เก็บเสี่ยวจื่อเหิงไว้แน่
“ครับ รับทราบ ผมไปตามตัวมันเดี๋ยวนี้เลยครับ” วังเหวยพูดเสร็จก็รีบไปฝ่ายบุคคล
ลู่เฉินได้ขึ้นไปในห้องวังเหวยเลยทีเดียว
วังเหวยได้มาถึงห้องทำงานของเสี่ยวจื่อเหิง ปรากฏเห็นเสี่ยวจื่อเหิงกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่โกรธจัด นี่เขาถึงกับไม่แยกพื้นที่สูบบุหรี่ ทำเอาวังเหวยโกรธจนจะระเบิด
เทคโนโลยีอี้ฉีมีกฏมาตรการว่า นอกจากระดับผู้จัดการหรือผู้ที่มีห้องทำงานเป็นของตนเอง ถึงจะสามารถสูบบุหรี่ในห้องได้ นอกนั้นหากจะสูบบุหรี่ ต้องไปที่เขตสูบบุหรี่เท่านั้น และอีกอย่างมันมีเวลาจำกัดด้วย
“ประธานวัง”
“ประธานวัง”
คนในแผนกบุคลากรรีบลุกขึ้นเพื่อทักทายเมื่อหวังเหวบมาที่แผนกด้วยตนเอง
เมื่อเสี่ยวจื่อเหิงได้ยินเสียง จึงรีบหันหลังกลับมา และเห็นว่าวังเหวยกำลังมองหน้าเขาอย่างเยือกเย็น ทำเอาบุหรี่ที่อยู่ในมือตกหล่นไปบนพื้น
“ประธานวัง ผม……” สีหน้าเสี่ยวจื่อเหิงซีดไปหมด ไม่นึกเลยว่าจะถูกประธานวังจับได้ว่ากำลังสูบบุหรี่อยู่ในเขตทำงาน
วังเหวยเห็นว่าใต้โต๊ะเสี่ยวจื่อเหิงมีน้ำอยู่ขวดหนึ่ง ในขวดนั้นเต็มไปด้วยก้นบุหรี่ ก็รู้เลยว่าไอ่เจ้านี่มันสูบบุหรี่ในห้องทำงานเยอะ
“วันนี้ที่ฉันมาหาคุณมีอยู่สองเรื่องด้วยกัน เรื่องที่หนึ่ง คุณได้ท้าอะไรกับแขกสำคัญของฉันไว้ และคุณก็แพ้ วันนี้คุณต้องไปคุกเข่าตรงหน้าประตูบริษัทหนึ่งวัน ทบทวน สะท้อนทัศนคติในการทำงานของคุณด้วย เรื่องที่สอง พรุ่งนี้หลังจากที่มาเข้างานแล้ว เขียนบทปรับปรุงตัวให้ฉันแล้วหลังจากที่ฉันเห็นว่าทัศนคติทำงานของคุณดีขึ้นแล้ว คุณถึงจะกลับมาทำงานได้ตามปกติ”
วังเหวยพูดอย่างไม่เร่งรีบ : “และแน่นอน คุณเองก็สามารถใสหัวออกไปได้เลยทันที แต่ฉันสามารถที่จะบอกกับคุณได้อย่างชัดเจนตรงนี้เลยว่า หากวันนี้ก่อนใสหัวออกไปคุณมาได้ไปคุกเข่าให้ครบหนึ่งวัน ในยวี่โจวนี้ หรือแม้แต่เขตภาคตะวันตกเฉียงใต้นี้ คุณก็อย่าคิดที่จะหางานดีๆได้เลย”
หั่ว!
คำพูดของวังเวย ทำเอาทั้งแผนกฝ่ายบุคคลทั้งเดือดไปหมด
ปล่อยให้เสี่ยวจื่อเหิงรองผู้จัดการของพวกเขาไปคุกเข่าที่หน้าประตูบรึหนึ่งวันและถ้าเสี่ยวจื่อเหิงไม่เชื่อเขาก็จะยังคงถูกขัดขวางอีก
เสี่ยวจื่อเหิงไปมีเรื่องกับใครมา ถึงกับทำเอาประธานวังต้องพูดแบบนี้?
ไม่นึกเลยว่าวังเหวยจะเข้าข้างลู่เฉิน
สรุปลู่เฉินเป็นแขกสำคัญระดับไหนของวังเหวยกันแน่?
“ประธานวัง ผม……” เสี่ยวจื่อเหิงลังเลสุดขีดและตกใจอย่างมากด้วย
สรุปคือคุกเข่าหรือคุกเข่ากันแน่?
หากคุณคุกแล้วก็ เขาจะต้องอับอายแน่นอน และต่อไปก็อย่าคิดที่จะเอาหน้าในแผนกบุคคลได้อีก
แต่ถ้าไม่คุกเข่า เขาเชื่อว่าที่วังเหวยพูด หากเขามีความสามารถพอที่จะจัดการเขา ประธานคนอื่นๆในเทคโนโลยีอี้ฉีนี่ก็สามารถที่จะทำได้
นอกจากนี้เขายังรู้ดีอยู่ในใจว่าในสายตาของเจ้านายใหญ่เบื้องหลัง ต้องเห็นวังเหวย สำคัญกว่าเขาแน่
ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีทางเป็นไปได้ที่เจ้านายใหญ่จะให้วังเหวยเป็นตัวแทนท่านประธานเพื่อดูแลจัดการบริษัท
และไม่ว่าจะวังเหวยหรือเสี่ยวซู่ถิง ตัวแทนทั้งสองคนนี้ต้องมีหุ้นส่วนแน่นอน ในสายตาเขา มันเป็นหุ่นส่วนจริงๆ ไม่เพียงแค่ตัวแทนประธานเท่านั้น
คนอย่างวังเหวย ตลอดทางจากบริษัทจวินเยวี่ย เขาเป็นคนใหญ่คนโตแล้ว เขาไม่กล้าที่จะมีเรื่องด้วย
จนสุดท้าย ต่อให้วังเหวยนำการท้าทายของลาและของขยายใหญ่ เขาก็เลือกที่จะไปคุกเข่าตรงหน้าประตูอย่าเชื่อฟัง แต่เขาไม่กล้าบอกว่าจะไปซื้อสนับเข่า
ไม่กล้าออกไปซื้อเอง และได้บอกหยูลี่ และแม่แต่ก่อนหยูลี่จะรู้เรื่องนี้ เขาก็ไม่กล้า มันน่าอายมากจริงๆ
ในที่สุดเขาก็ได้ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่รู้จักช่วยเขาไปซื้อ
หลังจากที่เสี่ยวจื่อเหิงออกไปคุกเข่า วังเหวยได้ยืนดูรอบๆในแผนกฝ่ายบุคคล
และสังเกตเห็นว่าในใต้โต๊ะซ้อนขวดน้ำแร่จำนวนมาก และมีก้นบุหรี่อยู่ในขวดด้วย
ไอ้พวกนี้ วันนี้เพิ่งทำงานได้ไม่กี่นาที กลับมีคนเข้ามาสูบบุหรี่เยอะขนาดนี้แล้ว
หรือว่าแม้แต่กลิ่นของเครื่องฟอกอากาศนั้นจะมีกลิ่นควันแรงปะปนอยู่ ผู้คนที่คิดจะมาหางานจะคิดไง?
พงกเขาคงจะคิดว่านี่คือบริษัทที่ห่วยแตก
ตังเขาเองก็สูบบุหรี่ แต่นั่นมันก็ต่อเมื่ออยู่ในห้องทำงานส่วนตัว มากสุดวันนึงก็ไม่เกิน3มวน และอีกอย่างเป็นเพราเสพตบางครั้ง จากนั้นก็ทำงานต่อ
พนักงานต่างมองมาทางวังเหวย ในใจแต่ละคนต่างสั่นจนกลัว เพราะคนที่สูบบุหรี่ ส่วนมากก็สูบในนี้กันหมด และทุกคนก็ได้เตรียมขวดหรือกล่องบุหรี่ไว้
วังเหวยไม่ได้พูดอะไร เพีบงคแต่เดินตรงไปที่ห้องทำงานผู้จัดการฝ่ายบุคคล
เขาเคาะประตู หลังจากที่ได้ยินเสียงตอบรับข้างใน เขาถึงจะเปิดประตูเดินเข้าไป
“ประธาน ประธานวัง” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลถังดาลองกำลังดำเนินการเรื่องเอกสารอยู่ หวังเหวยเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่เศร้าหมองและทันใดนั้นในใจก็รู้สึกอยากอาละวาด
ปกติประธานวังจะไม่มาเยือนในฝ่ายบุคหนิ
“ถังดาลอง ฝ่ายบุคคลที่คุณดูแล มันคืออะไรกัน? คุณออกไปดู!” วังเหวยได้ตบใส่บนโต๊ะทำงานของเขาและพูดอย่างไม่ไว้หน้าถังดาลองเลย
ถังดาลองตกใจ เขาไม่เคยเห็นวังเหวยอาละวาดเลยสักครั้ง ทันใดนั้นเขาอึ้งไปหมด
“เขียนหนังสือทบทวนตัวเองให้ฉัน “วังเหวยตะคอกและหันออกจากห้องทำงานของถังดาลองไป
จนกระทั่งวังเวยจากไปฝ่ายบุคคล ถังดาลองถึฃเพิ่งได้สติกลับคืนมา เขาคิดทันทีว่าเสี่ยวจื่อเหิงและคนอื่น ๆ อาจถูกจับได้ว่าสูบบุหรี่
เขาและ เสี่ยวจื่อเหิง ต่างก็จบการเรียนในมหาวิทยาลัยเดียวกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์จะเฉยๆไม่มีอะไรๆ แต่เขาก็คิดว่ายังไงมันก็เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเดียวกัน เวลาเห็นเสี่ยวจื่อเหิงสูบบุหรี่ในที่ทำงานเขาเองก็ไม่ค่อยสนใจ แต่ไม่นึกเลยว่าหลังจากที่พนักงานคนอื่นเห็นเสี่ยวจื่อเหิงสูบ ก็เกิดสูบตามกันหมด
แต่ว่าเมื่อครู่นี้ที่วังเหวยอาละวาดใส่เขา ในใจเขาโล่งอกไปที เพราะเขาสามารถที่จจัดกเรื่องนี้ได้อย่างถูกต้องแล้ว แม้แต่เสี่ยวจื่อเหิง เขาก็จะไม่ไว้หน้าอีก
“รองผู้จัดการเสี่ยวไปไหนแล้ว?” ถังดาลองออกมา เห็นว่าทุกคนอยู่กันครบ ยกเว้นเสี่ยวจื่อเหิง จึงถาม
“เมื่อครู่นี้ประธานวังให้เขาไปคุกเข่าที่ประตูบริษัทแล้ว” มีคนตอบ
“หา? เกิดอะไรขึ้น?”ถังดาลองตกใจ คุกเข่าหนึ่งวัน นี่มันเป็นเรื่องที่เกียวพันไปถึง ศักดิ์ศรีเลยนะ สรุปแล้วเสี่ยวจื่อเหิงทำอะไรผิด? ถึงแม้ว่าทำอะไรผิดจริงๆ ก็ไล่ออกเลยสิ ไม่จำเป็นต้องให้ไปคุกเข่าหน้าแตก
“ได้ยินมาว่า เป็นเพราะเขาได้เดิมพันกับแขกของประธานวัง แล้วแพ้ หลังจากนั้นประทานวังเลยเรียกให้เขาไปทำตามคำท้า” เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลกล่าว
ถังดาลองตกตะลึง
แขกสำคัญของประธานวัง?
แขกสำคัญของประธานวังนี่มันต้องคนใหญ่คนโตระดับไหนกัน?
ว่างๆต้องหาเสี่ยวจื่อเหิงมาคุยแล้วหละ ไม่งั้นหากมีปัญหากับแขกสำคัญของประธานวังแล้วก็ ตายแน่