บทที่ 281 มาแล้ว
ในเวลาตอนเที่ยง แดดเปรี้ยงๆอากาศช่างร้อน เหมือนจะแผดเผาเราได้เลยซะทีเดียว
แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อความกระตือรือร้นของทุกคน
เมื่อวานนี้สื่อหลักรายงานว่าวันนี้เจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉี จะมาที่ ชนชาติสแควร์ เพื่อคุกเข่าและขอโทษผู้เฒ่าผู้แก่ของสามตระกูลใหญ่มหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหรือคนธรรมดาต่างก็มารอชมด้วยความตื่นเต้น
ตามข่าวเวลาคือ 12.00 น. แต่ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ชนชาติสแควร์ ก็ถูกผู้คนล้อมด้วยผู้คนจำนวนมากจนแน่นไปทั่วทั้งพื้นที่
หัวหน้าของเทคโนโลยีอี้ฉีและสามครอบครัวมหาอำนาจ
ลูกเล่นนี้เป็นอะไรที่จัดว่าดังมาก มันเป็นรายการที่ฮิตมาก ไม่มีใครอยากพลาดรายการดีๆแบบนี้หรอก
สื่อมวลชนรายใหญ่มาที่ ชนชาติสแควร์ หลังเก้าโมงเช้า ต่างก็รอคอยเพื่อทำข่าวกันอยู่ เพราะหากข่าวใหญ่ดังกล่าวถูกเขียนและส่งออกไปโดยเร็วที่สุดก็จะเป็นผลดีต่อสำนักงานข่าวนั้นๆ
“นี่ก็สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้วนะ ทำไมยังไม่มีใครมาอีกล่ะ หรือว่าเจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉีจะไม่มาแล้วงั้นเหรอ”
“ไม่มาเหรอ? รอต่ออีกสักหน่อยเถอะ แม้ว่าเทคโนโลยีอี้ฉี จะยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถแข่งขันกับสามตระกูลใหญ่มหาอำนาจได้หรอก
ใช่ๆ ดังนั้นวันนี้ลู่เฉินต้องมาขอโทษสามตระกูลใหญ่อย่างแน่นอน
“แต่จริงๆฉันก็หวังว่าเขาจะไม่มานะ เพราะถ้าเขายอมคุกเข่าให้กับสามตระกูลใหญ่มหาอำนาจและละก็ ต่อไปเทคโนโลยีอี้ฉีจะเป็นยังไง นับประสาอะไรกับต่างประเทศ แค่ในยวี่โจวก็ไม่รู้จะรอดรึเปล่า
มีการพูดคุยกันมากมาย คิดกันไปต่างๆนานา บางคนก็คิดว่าลู่เฉินไม่กล้ามาเผชิญหน้าและคุกเข่าขอโทษสามตระกูลใหญ่นี้หรอก ขณะที่คนอื่น ๆ คิดว่าลู่เฉินไม่ควรมาเพราะมันจะมีผลกระทบกับเทคโนโลยีอี้ฉี อย่างมาก
ในเวลา 11:50 น. ในขณะที่ทุกคนกำลังเดากันไปต่างๆนานา ในที่สุดลู่เฉินก็ปรากฏตัวขึ้นที่ ชนชาติสแควร์ ทันทีที่เขาลงจากรถคนรอบข้างก็จำเขาได้ทันที
“มาแล้วๆ เจ้าของเทคโนโลยีอี้ฉี มาแล้ว!”
ไม่มีใครจัดระเบียบใดๆในขณะที่ลู่เฉินเดินผ่านไปทุกคนต่างก็ยอมขยับเปิดทางให้เขาโดยไม่รู้ตัวเหมือนกับดวงดาวที่พุ่งตรงเข้ามาบนเวที
สีหน้าท่าทีของลู่เฉินดูสุขุมและสงบ ถึงแม้ว่าในสายตาของทุกคนจะมองว่าในวันนี้เขามาเพื่อขอโทษครอบครัวใหญ่ทั้งสาม แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อหน้าเขาเลยแม้แต่คำเดียว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มองเห็นบอดี้การ์ดมือสังหารที่อยู่เบื้องหลังของลู่เฉิน นั้นยิ่
งทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลย
พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา ถึงแม้ว่าลู่เฉินจะต้องก้มหัวให้สามตระกูลใหญ่ก็ตาม แต่พวกเขาก็ตจะลงทุน 5หมื่นล้านหยวนเพื่อสร้างอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอันดับ 1 ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ ไม่ว่าพวกเขาจะกล้ายั่วยุอะไร แต่พวกเขาก็จะดูอย่างเงียบๆ
ลู่เฉินมาที่ตรงกลางของ ชนชาติสแควร์ และบอดี้การ์ดที่อยู่ในชุด เสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาวและสวมรองเท้าหนังที่ตามเขามาด้วยหลัง เขาเดินออกมาพร้อมเก้าอี้พับและกางร่มคันใหญ่ไว้ด้านหลังเก้าอี้นั้น
“เชิญนั่งครับ คุณชายลู่” หลังจากที่บอดี้การ์ดพร้อมแล้วพวกเขาทั้งหมดก็เคารพลู่เฉินอยู่ด้านหลัง
ลู่เฉินนั่งบนเก้าอี้เอนหลังบนเก้าอี้หลับตาและทำให้ตัวเองสดชื่นขึ้น เหลือเวลาอีกสิบนาทีเขารอจางเซิงเฉียวและทั้งสามคนสิบนาที หลังจากนั้นสิบนาทีหากพวกเขาไม่มาเขาบอกว่า จะตัดมือของจางดาวเรนและคนอื่น ๆอีกสามคน
หลังจากสังหารเสี่ยวเบชิง ดาบอันแหลมคมที่ห้อยอยู่เหนือศีรษะของลู่เฉินได้ถูกเขาหักไปแล้วไม่จำเป็นต้องวางตัวต้อยต่ำ
วันนี้เขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อให้เทคโนโลยีอี้ฉี ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพายุอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นการมาถึงของลู่เฉินในรูปแบบที่ดูสูงส่ง สง่ามงามนี้ ทุกคนในสมาคมอัญมณีก็ทนไม่ได้แล้ว
“ยังต้องมาเสแสร้งอะไรกันอีก ไม่ว่าตอนนี้นายจะเสแสร้งทำตัวสูงส่งแค่ไหน เดี๋ยวสักพักนายก็ต้องคุกเข่าลงเพื่อขอโทษอยู่ดี? ”
“ใช่ ตอนนี้ทำเหมือนเจ้าชาย เดี๋ยวสักพักก็ต้องคุกเข่าลงเหมือนหมาอยู่ดีแบบนั้นไม่ยิ่งจะขายหน้าเหรอ ไม่ใช่ว่าเด็กคนนี้มันบ้าไปแล้วนะ”
แตกต่างจากความคิดของคนทั่วไป คนในสมาคมอัญมณีเชื่อว่าสักพักลู่เฉินจะคุกเข่าให้จางเซิงเฉียวและคนอื่น ๆ ในที่สาธารณะ พวกเขาไม่ได้มีลู่เฉินอยู่ในสายตาของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
ในความคิดของพวกเขา ลู่เฉินเป็นหัวหน้าใหญ่ของเทคโนโลยีอี้ฉี แล้วยังไง มีเงินเยอะแล้วยังไง สุดท้ายเขาก็ต้องคุกเข่าลงเหมือนหมาแล้วอยู่ดี
“โอ้ นี่ของเทคโนโลยีอี้ฉีไม่ใช่เหรอ” ตอนนี้ทำเป็นเสแสร้ง ไม่กลัวว่าเดี๋ยวต้องคุกเขาขอโทษพวกเขาแล้วต้องเจ็บแสบใจบ้างรึไง” หยูลี่มาหาลู่เฉินและกล่าวอย่างเย้อหยัน
ครั้งที่แล้วลู่เฉินไล่เธอและเสี่ยวจื่อเหิงออกอย่างไรปราณี ทำให้พวกเขาหางานไม่ได้เลยด้วย
เมื่อพวกเขาได้ยินว่าครอบครัวใหญ่ทั้งสามกำลังจะจัดการกับลู่เฉิน เธอและ เสี่ยวจื่อเหิง ต่างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก และวันนี้ทั้งสามตระกูลใหญ่ขอให้ลู่เฉินมาที่ ชนชาติสแควร์ เพื่อคุกเข่าและขอโทษดังนั้นทั้งสองคนจึงมารออยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเหล่าบอดี้การ์ดเห็นว่า หยูลี่กล้าที่จะยั่วโมโหลู่เฉินพวกเขาจึงต้องก้าวไปหาหยูลี่เพื่อจะจัดการกับเธอ
ลู่เฉินโบกมือเพื่อไม่ให้พวกเขายุ่ง
หลังจากที่บอดี้การ์ดก้าวถอยหลังลงไป เสี่ยวจื่อเหิงก็เข้ามา
“ลู่เฉิน คุณรู้ไหมว่าทำไมคุณถึงมีวันนี้” เสี่ยวจื่อเหิงถามขึ้นอย่างเย็นชา
ลู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวจื่อเหิง จากนั้นก็กวักมือเรียกบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างๆเขา
บอดี้การ์ดเข้าใจ และรีบหยิบบุหรี่ออกมาจุดไฟให้ลู่เฉิน
ลู่เฉินหยิบบุหรี่ขึ้นมาและดูดไปหนึ่งคำ ปากของเขากลายเป็นรูปร่าง ‘O’และมีควันตรงพ่นไปที่ใบหน้าของ เสี่ยวจื่อเหิง
ใบหน้าของเสี่ยวจื่อเหิงเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาก็ตะคอกด้วยความโกรธ: “ลู่เฉินนายอยู่ต่อหน้าฉันคิดว่าจะทำยังไงก็ได้ละสิ เดี๋ยวเวลาที่อยู่ต่อหน้าสาวตระกูลใหญ่นายจะรู้สึก!”
“ สามตระกูลใหญ่นี่ยิ่งใหญ่มากเหรอ เชื่อไหมล่ะว่าวันนี้พวกเขาจะไม่มาคุกเข่าขอโทษฉัน แล้วฉันก็จะส่งพวกเขาลงนรกในไม่กี่นาทีนี้” ลู่เฉินหัวเราะอย่างสะใจ
ตูม!
ทันทีที่เขาพูด เหมือนลานกว้างตรงนั้นระเบิดในทันที
“ทำไม ทำไมเจ้าเด็กนั้นมันถึงได้บ้าขนาดนี้
“ เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ เขาจะให้ครอบครัวใหญ่ทั้งสามมาคุกเข่าลงขอโทษเขางั้นเหรอ? เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน แม้แต่อดีตเจ้านายของ กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยก็ไม่กล้าพูดแบบนี้!”
“ใช่แม้ว่าก่อนหน้านี้กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยจะปราบปรามสี่ตระกูลใหญ่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้ แต่สุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าแตกกระจายกันไปเลยไม่ใช่เหรอ?
“ในเมืองยวี่โจวทั้งหมดมีเพียงสี่ตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยจริงๆเท่านั้น กลุ่มแกรนด์ไฮแอทจวินเยวี่ยก็ยังทำไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับเทคโนโลยีอี้ฉี ของคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อพวกเราก็รอดู วันนี้คุณจะต้องได้คุกเข่าขอโทษสามตระกูลใหญ่และ เทคโนโลยีอี้ฉี ของคุณคาดว่าจะไม่สามารถเปิดได้อีกแล้วล่ะ! ”
เมื่อได้ฟังทุกคนในสมาคมอัญมณีโดยรอบล้อเลียนลู่เฉิน ดวงตาของ หยูลี่และ เสี่ยวจื่อเหิง เต็มไปด้วยเล่ห์นัย
“ถ้าไม่ทำ ก็ไม่ตาย” หยูลี่ยิ้มอย่างมีชัย
“ฉันหวังว่าเดี๋ยวอีกไม่ช้าคุณจะยังหยิ่งผยองได้อยู่นะ อย่าทำให้เราผิดหวังล่ะ” เสี่ยวจื่อเหิง ยังกล่าวประชดประชัน
ในเวลานี้อีกด้านหนึ่ง เฉินจือหรานและ หลานหลิงกำลังยืนพิงต้นไม้ใหญ่ใน ชนชาติสแควร์ และพวกเขาก็มองไปที่ลู่เฉินที่ลังทำเสแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองอยู่กลางลานกว้างนั้น
“จือหรานคุณแน่ใจเหรอว่าเราไม่จำเป็นต้องออกไป? ถ้าเดี๋ยวเขาต้องคุกเข่า ต่อไปเขาก็จะเงยหน้าดูฟ้าไม่ได้อีกน่ะ” หลานหลิงกล่าว
“ฉันต้องการช่วยเขา แต่พ่อของฉันไม่เห็นด้วยและฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย ถ้าเขาเผชิญหน้ากับกองกำลังอื่นคงจะดีกว่าที่ต้องมาสู้กับ จางเซิงเฉียว, จั่วเจิ้งยี่ และ หลิวฉีหมิง แบบนี้ฉันจะช่วยเขายังไงดีนะ? เฉินจือหรานกล่าวด้วยท่าทางกังวล
“อ่อ นั้นก็จริง เว้นแต่พ่อของคุณจะเคลื่อนไหว ไม่งั้นไม่มีใครสามารถทำให้ครอบครัวใหญ่ทั้งสามถอยกลับไปได้หรอก” หลานหลิงถอนหายใจและพูดขึ้น
เธอเคยคิดที่จะช่วยลู่เฉินมาก่อน แต่ตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าจะช่วยลู่เฉินอย่างไรได้บ้าง
สู้กับสามตระกูลใหญ่มหาอำนาจ?
นั่นมันไม่ใช่เรื่องจริงแน่ๆ
ตระกูลหลานของพวกเขาเป็นเพียงคนนอกและไม่มีใครในสามตระกูลใหญ่ที่อยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลเธอ
“เฮ้อ ฉันไม่รู้เลยว่าเดี๋ยวเขาจะเลือกทำอะไร ถ้าเขายอมคุกเข่า ก็ช่างมันเถอะ ก็เหมือนว่าเราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่ถ้าเขาเลือกที่จะต่อสู้กับสามตระกูลใหญ่จนถึงที่สุด ฉันก็ต้องบอกพ่อให้ออกมาสนับสนุนเขาอยู่ดี” เฉินจือหรานกล่าวอย่างหนักแน่น
หลานหลิงยิ้มอย่างขมขื่นและบอกว่าเขากลัวว่าเขาจะเลือกที่จะรักษาเทคโนโลยีอี้ฉี จากนั้นก็ก้มหัวให้กับสามตระกูลใหญ่ไป
“มาแล้ว!ผู้เฒ่าตระกูลหลิวมาแล้ว!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านนอกและทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองว่าเสียงนั้นมาจากไหน