บทที่ 288 มือสังหาร
พิธีเปิดดำเนินไปได้อย่างไม่ติดขัด ลู่เฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เวลา ลู่เฉิน:30 น. หลังจากทุกขั้นตอนดำเนินไปจนเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็มาถึงช่วงเวลารับประทานอาหารกลางวัน
แม้ว่าจะมีแขกจำนวนมากอีกทั้งผู้สื่อข่าวนับไม่ถ้วน แต่ลู่เฉินก็ได้จัดเตรียมอาหารไว้อย่างล้นเหลือ เขาได้จองห้อง VIP ยี่สิบห้องที่ร้านหยก36 ด้วย
พวกเขาเดินทางออกไปด้วยรถธุรกิจคันหนึ่งขับโดยหลินตง ภายในรถมีเซ่ซูเจี๋ย เจียงฉางชิง เฉินกวงซิง เฉินจื่อหรานและ หลินอี้เจีย
แขกผู้มาร่วมงานในวันนี้ เดินทางมาโดยรถของเทคโนโลยีสีจำนวน 20 กว่าคัน โต๊ะจีนคันละ 1 โต๊ะคาดว่าก็เพียงพอแล้ว
เนื่องจากทางขึ้นมายังภูเขานี้กำลังปรับปรุงอยู่ ดังนั้นจึงต้องใช้ทางสายเก่าซึ่งเส้นทางค่อนข้างคับแคบและยากต่อการขับผ่าน
ทันใดนั้นรถตู้คันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูง ดูท่าทีแล้วจะไม่ลดความเร็วลง โชคดีที่เทคนิคการขับรถของหลินตงค่อนข้างดี เขาไม่ได้ตื่นตระหนกและหักพวงมาลัยหลบหนีได้ทันไม่เช่นนั้นคงชนไปแล้ว
ผู้คนบนรถล้วนตกใจกับฉากที่เห็นเมื่อครู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฉินจื่อหรานและหลินอี้จุนที่กรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว
“แม่งเอ๊ย! ขับรถภาษาอะไรเนี่ย?” คนขับรถตู้คันนั้นเปิดกระจกตะโกนออกมา
หลินตงขมวดคิ้วและหันหลังไปมอง
ในขณะนั้นเองชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของรถ และพุ่งตัวมายังทิศทางที่รถวิ่งไปอย่างจงใจ
“ระวัง!” ลู่เฉินที่นั่งอยู่ข้างคนขับตะโกนขึ้น
หลินตงตกใจมาก เขาเหยียบเบรคโดยไม่รู้ตัวแต่ก็ยังสายเกินไป ชายชราคนนั้นพุ่งชนเข้ามาและล้มลง
รถตู้คันนั้นก็หยุดลงเช่นกัน
ในแววตาของหลินตงค่อนข้างวิตกกังวลและกำลังจะลงจากรถเพื่อไปดูเหตุการณ์ มีคนอื่นอยู่บนรถมากมายขนาดนี้เขาไม่กล้าที่จะปล่อยผ่านไป
“ไม่ต้องไปสนใจเขา” ลู่เฉินรั้งเอาไว้
คนที่นั่งอยู่ด้านหลังก็พากันขมวดคิ้วขึ้น ขับรถชนคนจะไม่สนใจได้ยังไง?อีกทั้งยังเป็นชายชรา! ทุกๆคนมองลู่เฉินด้วยความไม่เข้าใจ
“ไม่สนใจได้ยังไงคะ?ต่อให้แค่ขีดข่วนเล็กน้อยก็ควรจะลงไปดู” หลินอี้จุนพูด
“ผมบอกว่าไม่ต้องสนใจก็คือไม่ต้องสนใจ ผู้ชายคนนี้ผิดปกติ” ลู่เฉินส่ายหัว
เฉินจื่อหรานสีหน้าไม่พอใจ เขาคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะเป็นคนแบบนี้
“ประธานลู่คะ ทำแบบนี้มันไม่มีมนุษยธรรมเอาซะเลย เราขับรถชนคนจะไม่สนใจได้ยังไง? หลานหลินรีบเรียกรถพยาบาลเร็ว ฉันจะแจ้งตำรวจ” เฉินจื่อหรานรู้สึกเป็นกังวล ในสายตาของเธอนั้นลู่เฉินเป็นฮีโร่ที่คอยช่วยเหลือผู้ตกยากไม่ใช่หรือ?แต่ทำไมตอนนี้เขาขับรถชนคนแล้วจึงปัดความรับผิดชอบแบบนี้ ลู่เฉินทำให้เธอผิดหวังจริงๆ
หลานหลินเองก็ไม่เข้าใจว่าลู่เฉินหมายความว่ายังไง ต่อให้จะใจจืดใจดำขนาดไหนแต่ก็ไม่ควรจะทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเซ่ซูเจี๋ย
ทั้งสองคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกำลังโทรออก
เซ่ซูเจี๋ยขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ขับต่อไปได้ ถอยหลัง จากนั้นอ้อมไปข้างๆ”ลู่เฉินบอกกับหลินตง
ในขณะที่หลินตงกำลังจะขับรถออกไปตามคำสั่งก็พบว่าคนขับรถตู้เมื่อสักครู่เดินมาเคาะกระจกรถ
“นี่ พวกแกขับรถชนคนแล้วไม่คิดจะลงมาดูกันบ้างหรือไง?” คนขับรถตู้พูด
เซ่ซูเจี๋ยและคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในรถก็ทำตัวไม่ถูก
“แกแม่งยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าวะ?ขับรถชนคนแล้วคิดจะหนีเหรอ?” คนขับรถตู้พูดต่อ
เฉินจื่อหรานไม่อาจจะทนฟังต่อไปได้ เธอเปิดประตูรถและจะลงไปดูชายชราที่ถูกชน
ในทันใดนั้นเองแววตาของคนขับรถตู้ก็เป็นประกาย เขาหยิบมีดพกออกมาเล่มหนึ่งและพุ่งตรงมายังศีรษะของเฉินจื่อหราน เธอเบิกตากว้าง
ทุกคนที่อยู่บนรถไม่รู้จะทำอย่างไรดี ต่อให้เฉินจื่อหรานเป็นผู้มีทักษะการต่อสู้ แต่ระยะกระชั้นชิดแบบนี้เธอไม่อาจจะจัดการได้ในทันควัน อีกทั้งหลานหลินที่อยู่ข้างๆเธอก็ไม่มีปฏิกิริยาใดตอบรับ
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเฉินจื่อหรานต้องถูกทำร้ายอย่างแน่นอน ทันใดนั้นก็มีมือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาและคว้าข้อมือของคนขับรถตู้เอาไว้ บัดนี้มีดพกเล่มนั้นอยู่ห่างจากศีรษะของเฉินจื่อหรานเพียงแค่ 2 นิ้ว หากช้าไปอีกเสี้ยววินาทีก็คงจะถึงตัวเธอแล้ว
ผู้ที่จับข้อมือของคนขับรถตู้นั้นก็คือลู่เฉินนั่นเอง ก่อนหน้านี้เขาก็รู้สึกว่าคนขับรถตู้มีบางอย่างผิดปกติไปจึงได้จับตามอง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาผู้นั้นจะเป็นมือสังหาร
กร๊อบบบ!!!
ลู่เฉินใช้แรงบิดข้อมือของคนขับรถตู้ให้หักลง
คนขับรถตู้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มีดในมือของเขาตกลงมายังขาของเฉินจื่อหราน หลานหลินที่นั่งอยู่ข้างๆเธอรีบวางโทรศัพท์ลงแล้วคว้ามีดเอาไว้เพื่อไม่ให้โดนขาของเฉินจื่อหราน
ขณะเดียวกันทุกคนในรถก็เห็นชายชราที่ถูกชนเมื่อสักครู่พุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับมีดในตำแหน่งข้างคนขับรถ
“ระวัง!!!”
หลินอี้จุนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
ลู่เฉินซึ่งกำลังเอี้ยวตัวไปด้านหลังเพื่อคว้าข้อมือคนขับรถตู้เอาไว้ เขาคงจะหลบไม่ทันแน่
ทุกคนยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ต่อให้เป็นหลินตงที่นั่งอยู่ข้างๆเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้
สายตาของเขามองเห็นชายชราคนนั้นกำลังจะถึงตัวลู่เฉิน
ทันใดนั้นเอง
ลู่เฉินรีบปล่อยมือชายที่ขับรถตู้แล้วเปิดประตูออกไป
พลั่ก!
ประตูรถถูกเปิดออกในทันควัน ชายชราที่อยู่ด้านนอกยังไม่ทันตั้งตัวจึงถูกชนจนกระเด็น
ลู่เฉินรีบกระโดดลงจากรถตามไป
ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น!!!
ลู่เฉินไม่ทันได้คิดอะไร เขารีบคว้าตัวคนขับรถตู้มาเป็นเกราะกำบังทันที
ฉึบ!
กระสุนเจาะเข้าไปหรือยังศีรษะของชายคนนั้น เลือดสดสาดกระเซ็นไปทั่ว
“รีบปิดประตูรถ และปิดกระจก!”
ลู่เฉินตะโกนออกไป จากนั้นโยนร่างคนขับรถตู้ทิ้ง เขาหยิบมีดพกของคนขับรถตู้ติดตัวมาและรีบวิ่งเข้าไปยังร้านขายของเล็กๆด้านข้าง
ในร้านค้านี้มีชายชุดดำคนหนึ่งเล็งเป้าปืนมายังลู่เฉิน
แต่ลู่เฉินมีทักษะที่ว่องไว ชายผู้นั้นยิงติดต่อกันห้านัดแต่ไม่ถูกสักครั้งจนกระทั่งหมดกระสุน
ทันใดนั้นสายตาของชายชุดดำก็เหลือบไปเห็นความเงาของมีดพกเล่มหนึ่ง มีดพกเล่มนั้นโผเข้ามาด้วยความเร็วสูงโดยที่เขายังไม่ทันได้ตั้งตัว
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง มีดพกเล่มนั้นแทงเข้าระหว่างหัวคิ้วของทั้งสองข้าง
ชายชุดดำเบิกตาจ้องเขา ตายตาไม่หลับ
เมื่อจัดการเรื่องมือปืนเรียบร้อยแล้ว ลู่เฉินก็ค่อยๆย่างกายออกจากร้านขายของด้วยความระมัดระวัง
ภายในร้านมีชายวัยกลางคนกำลังนั่งตัวสั่นอยู่ในมุมมืด
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไป ทางที่ดีคุณอย่าไปแตะต้องศพ รีบแจ้งตำรวจเถอะ” ลู่เฉินพูดกับชายผู้นั้นและค่อยๆหันหลังออกจากร้าน
เมื่อเขาออกไปก็มองซ้ายมองขวา ค้นหาว่ายังมีมือปืนหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ ส่วนชายที่ทำเป็นถูกรถชนนั้นก็ได้หลบหนีไปแล้ว เมื่อแน่ใจเขาจึงขึ้นรถ
“ไปเถอะ!” ลู่เฉินพูด
หลินตงพยักหน้าและขับรถออกไป
“คุณลู่คะ! ขอบคุณมากจริงๆ” เฉินจื่อหรานพูดขึ้นมา เธอรู้สึกแย่และรู้สึกเสียใจที่ได้พูดแบบนั้นออกไปก่อนหน้า
เป็นเพราะเธอสงสัยในความสามารถของลู่เฉิน จึงทำให้เกือบถูกคนร้ายทำร้ายร่างกาย
ตอนนี้เมื่อเธอนึกถึงภาพเมื่อสักครู่ก็ยังอกสั่นขวัญหาย
“ไม่เป็นไรครับ” ลู่เฉินส่ายหัว
“เป็นพวกของใครกัน?” เซ่ซูเจี๋ยถามขึ้น เสียงปืนเมื่อสักครู่ทำให้เขาตกใจไม่น้อย และสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากกว่านั้นก็คือมีลูกกระสุนถึง2นัด ลอยมาปะทะกับกระจกรถ
เขาอยากจรู้จริงๆว่าเป็นฝีมือของสามตระกูลนั้นหรือไม่!