บทที่ 314 เมียนมาร์ตกตะลึง
วันรุ่งขึ้นมีข่าวแพร่กระจายไปทั่วเมียนมาร์ว่าขุนศึกของตางหยาง หลิวฉางซานถูกสังหารในชั่วข้ามคืน ผู้คนมากมายไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนี้
โดยเฉพาะเหล่าขุนศึกใหญ่ และเนปิดอต้องรีบจัดการประชุมฉุกเฉินขึ้น
“คุณกำลังพูดถึงอะไร กองทัพของหลิวฉางซานถูกสังหารราบคาบในชั่วข้ามคืน?”
“ใช่ครับท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด นี่เป็นข่าวล่าสุดที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ทางการ ว่ากันว่าเป็นการโจมตีทางไกลที่วิหารสังหารเมื่อคืนที่ผ่านมาทำลายกองทัพทั้งหมดของหลิวฉางซานในชั่วข้ามคืน ได้ยินมาว่าหลิวฉางซานตายฆ่าไปกว่าคน คนอื่นๆทั้งหมดยอมจำนนและมีเพียงไม่กี่คนที่ตาย”
เมื่อเช้าตรู่ขุนศึกแห่งรัฐต้าชิงและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองมาที่สำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุดพร้อมเอกสารชุดหนึ่ง
ขุนศึกแห่งรัฐต้าชิงเป็นหนึ่งในเจ็ดขุนศึกชั้นนำของเมียนมาร์มีทหารมากกว่าสองหมื่นนาย ควบคุมเมืองหลวงของรัฐทั้งหมดและมีอำนาจเป็นอย่างมาก
“จะเป็นไปได้อย่างไร คนไม่กี่คนที่ฆ่าวิหารจะถูกบิดเบือนได้อย่างไร?” ผู้บัญชาการทหารสูงสุดทุนชิน นั่งตัวตรงและมีสีหน้าไม่เชื่อ
ตามข้อมูลที่เขามีหลิวแงซานมีทหารมากกว่าสี่พันคนและฆ่าวิหารนั้นมีทหารเพียงสองพันคนเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะโจมตีหลิวฉางซานในเวลากลางคืนพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะมีชัยชนะที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้
การสูญเสียทหารเพียงไม่กี่รายในการรบนี้ เท่ากับสูญเสียเป็นศูนย์
เว้นแต่ว่าการฆ่าวิหารจะนำอาวุธที่แข็งแกร่งและทันสมัยกว่าเข้ามา
“พวกเขาเปิดโปงอาวุธขั้นสูงแล้วหรือไม่?” ทงชินถาม
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองพยักหน้าและพูดว่า “ว่ากันว่ามีเครื่องบินรบบินอยู่เหนือท้องฟ้าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มีชาวบ้านไม่น้อยที่ถ่ายภาพแล้วโพสต์บนอินเทอร์เน็ต เหมือนว่าเป็นเครื่องบินรบที่พึ่งจะเกษียณของทางฝั่งจีน แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันและไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่ฆ่าวิหาร”
ทุนชินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วก็หัวเราะเยาะและพูดว่า“ เนปิดอว์กำลังเล่นกับไฟ”
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองรู้สึกไม่เข้าใจและถามว่า “ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคิดว่าเนปิดอว์ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฆ่าพระวิหารหรือ?”
ทุนชินส่ายหน้า หัวเราะเยาะแล้วพูด “เรื่องบางเรื่องไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คูณคิด ประเทศเมียนมาร์ของเราเป็นประเทศเล็กๆที่ต้องพึ่งพาจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมาคุณลองมองดูสิว่าเนปิดอว์กำลังทำอะไรอยู่?”
พวกเขาต้องการมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจักรวรรดิM นี่ไม่ใช่การฉีกหน้าจีนหรอ?
ไม่ว่าฆ่าวิหารจะเป็นกองกำลังที่ถูกบ่มเพาะอย่างลับๆโดยคนจีนหรือไม่ แต่เครื่องบินรบเหล่านั้นสามารถบ่งบอกได้ถึงทัศนคติของคนจีน
คนจีนไม่พอใจกับวิธีทำของเนปิดอว์อยู่แล้ว
“ไม่เชื่อคุณก็รอดู ในอนาคต อาวุธของฆ่าวิหารจะยิ่งทันสมัยยิ่งแข็งแกร่ง และทั้งหมดนั้นจะถูกจัดหาโดยจีน”
เจ้าหน้าที่ข่าวกรองตกใจและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคนจีนพวกนั้นต้องการที่จะเข้ามาร่วมกับเรื่องของประเทศเมียนมาร์ของเราหรือ?”
“ฉันไม่ทราบ แต่หลังจากนี้จะดีที่สุดถ้าพวกเราไม่ยั่วยุฆ่าวิหาร จนกระทั่งสามารถร่วมมือกับเขาได้” ทุนชินส่ายหัว เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและในใจมีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่
ก่อนการปรากฏตัวของฆ่าวิหาร พวกเขาและเนปิดอว์มักจะมีสงครามกลางเมืองแต่พวกเขาทั้งหมดก็อยู่ภายใตการควบคุมของรัฐบาล
แต่ทันที่ที่ฆ่าวิหารปรากฏตัวเพียงยี่สิบกว่าวันขุนศึกทั้งสองก็ถูกทำลาย
แม้ว่าทั้งสมาคมมังกรดำและหลิวฉางซานจะเป็นเพียงขุนศึกตัวเล็ก แต่ก็มีกำลังไม่น้อยไปกว่าขุนพลทั้งเจ็ด
แต่การเพิ่มของฆ่าวิหาร มีแนมโน้มที่จะทำลายสมดุลของระหว่างขุนพลทั้งเจ็ดของพวกเขา
“ได้ยินมาว่าผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้เป็นเพียงชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีฉันอยากเห็นจริงๆว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนอย่างไร ถึงมีความสามารถทางการทหารที่โดดเด่นเช่นนี้” ทุนชินพึมพำกับตัวเอง
……
เนปิดอ
ทำเนียบประธานาธิบดี
หลังจากได้รับข่าวว่าขุนศึกหลิวฉางซานถูกสังหารในชั่วข้ามคืนประธานาธิบดีได้เรียกประชุมฉุกเฉิน
“หลิวฉางซานคนนั้นช่างเป็นคนไม่มีประโยชน์เสียจริง คนสี่พันคนไม่สามารถเอาชนะคนสองพันคนได้ เขากินขี้หรอ?” หัวหน้าทหารอังลี่หมินตบโต๊ะและพูดอย่างโกรธๆ
ผู้หมวดเหมียวหลุนตกไปอยู่ในเงื้อมมือของฆ่าวิหาร จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร
“ก็ใช่ ฉันรู้ว่าหลิวฉางซานไว้ใจไม่ได้มานานแล้ว เมื่อเทียบกับพ่อของเขา หลิวฉางซานก็ใช่ย่อยเลย ช่างเป็นคนน่ารำคาญเสียจริง ความเย่อหยิ่งของฆ่าวิหารจะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน” รัฐมนตรีก็ค่อนข้างโกรธเช่นกัน ทั้งที่สถานการณ์ดีแต่เมื่อหลิวฉางซานพ่ายแพ้พวกเขาก็เฉยเมยทันที
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโกรธ ที่ฉันเรียกทุกคนมาการประชุมครั้งนี้ เพราะอยากฟังว่าทุกคนจะมีทางออกดีๆสำหรับเรื่องนี้หรือไม่ ไม่ใช่มาฟังพวกคุณบ่น” ท่านปรานาธิบดีกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
แน่นอนว่าเขาค่อนข้างโกรธ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้วโกรธไปก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
“ท่านประธานาธิบดี ฉันมีข้อเสนอ” ทันใดนั้นก็มีท่านคณะรัฐมนตรีคนหนึ่งกล่าว
“คุณพูดสิ” ประธานาธิบดีพยักหน้า
คนอื่นก็ค่อยมองไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงและรับฟังความคิดเห็นของเขา
“โกก้างเป็นเพียงเขตพิเศษในรัฐฉานแทบไม่มีชาวพม่าพื้นเมืองในเขตพิเศษนั้นพวกเราควรร่วมมือกับขุนศึกรัฐฉานดีกว่าและสัญญากับพวกเขาว่าถ้าพวกเขาฆ่าวิหารเราสามารถแบ่งโกก้างออกเป็นลายลักษณ์อักษรได้” ท่านคณะรัฐมนตรีคนนี้กล่าว
“ฉันเห็นด้วย โกก้างเป็นเมืองของคนจีนมานานแล้วคนในเมืองนั้นเป็นคนจีนเกือบทั้งหมด พวกเขาไม่เคยจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลของเราเลย หากพวกเขาสามารถทำลายฆ่าวิหารได้จริงๆก็พูดไม่ได้ว่าจะยกโกก้างให้กับพวกเขา ด้วยวิธีนี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของขุนศึกรัฐฉานสามารถเป็นกษัตริย์ในโกก้างได้และเขาควรจะยอมรับเงื่อนไขนี้ได้” หัวหน้าคณะรัฐมนตรีอีกคนพยักหน้าและกล่าว
“
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารัฐฉานพ่ายแพ้?” หัวหน้าทหารอังลี่หมินถาม
ทุกคนตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน
“เป็นไปไม่ได้ ขุนศึกรัฐฉานมีทหารมากกว่าหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายมีคลังอาวุธเป็นของตัวเองและอาวุธยังทันสมัยกว่าในบรรดาขุนพลทั้งเจ็ด พวกเขาจะพ่ายแพ้ฆ่าวิหารได้อย่างไร?”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงส่ายหัวและกล่าวว่า
“ฉันก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ และในการจัดการกับฆ่าวิหารจะดีกว่าถ้าพวกเราไม่ดำเนินการใดๆ เพียงแต่ปล่อยให้ขุนศึกคนอื่นลงมือ เพราะเราไม่รู้ว่าฆ่าวิหารเป็นแผนการของคนจีนหรือเปล่า”ประธานาธิบดีกล่าวอย่างช้าๆ
“ตกลง ถ้าอย่างนั้นใครจะไปเจรจากับรัฐฉาน” อังลี่หมินถามอีกครั้ง
“ฉันไปก็แล้วกัน” คณะรัฐมนตรีกล่าวขึ้น
“ตกลง ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้ หวังว่าขุนศึกของรัฐฉานจะไม่ทำให้เราผิดหวัง” ประธานาธิบดีพยักหน้า
ทุกคนยักไหล่และคิดว่าประธานาธิบดีกังวลเกินไป ถ้าขุนศึกหนึ่งหมื่นเจ็ดพันคนเอาชนะฆ่าวิหารไม่ได้ พวกเขาก็คงไม่สามารถทำอะไรได้แล้วล่ะ
……
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเนปิดอว์เลยด้วยซ้ำ ในเวลานี้ไฟลามมาถึงคิ้วเกอดานผู้บัญชาการทหารสูงสุดของรัฐฉานแล้ว
พวกเขามีขุนศึกสามคนในรัฐฉานคนหนึ่งคือตางหยาง หลิวฉางซาน อีกคนคือสมาคมมังกรดำของโกก้าง ถึงแม้พวกเขาจะเป็นองค์กรอิสระ แต่พวกเขาต้องพึ่งขุนศึกใหญ่นี้อยู่
คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มสามคนนี้จะฆ่ามังกรดำได้ในช่วงข้ามคืนและยังควบคุมสามาคมมังกรดำและเปลี่ยนชื่อเป็นฆ่าวิหาร
ในความจริงแล้วที่หลิวฉางซานโจมตีฆ่าวิหาร ก็คือจดหมายลับของเขา
ในเวลานี้ฆ่าวิหารทำลายหลิวฉางซานในชั่วข้ามคืนและยังมีรายงานอย่างคลุมเครือว่าฆ่าวิหารมีอาวุธขั้นสูงจำนวนหนึ่งซึ่งทำให้เขาซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของรัฐฉานไม่สามารถนั่งนิ่งได้
เขารู้สึกว่าฆ่าวิหารคุกคามถึงพวกเขาแล้วและเขาต้องหาทางแก้ไข
“ผู้การ โทรศัพท์จากคณะรัฐมนตรีเนปิดอว์”
ในขณะที่ไฟลามคิ้วเกอดาน ท่านรองก็ยื่นโทรศัพท์ให้เกอดาน