บทที่ 312 หลิวฉางซานเป่าประกาศศึกสงคราม
หลายวันต่อจากนี้ ลู่เฉินตู้เฟยและคนอื่นๆก็ต้องนอนพักในกองทัพ เพื่อฝึกเรียนรู้วิธีการใช้งานอาวุธและอุปกรณ์เหล่านี้กับช่างเทคนิค
แต่ว่าลู่เฉินฉลาดยิ่งกว่าเซียวจ้างและตู้เฟยอีก อาวุธเหล่านั้นเขาเพียงได้อ่านคำแนะนำโดยทั่วไป และคำสอนของเทคนิคผู้ฝึก ก็เป็นแล้ว
ลู่เฉินใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงในการเรียนรู้การควบคุมขับรถถังนอกจากนี้ยังใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงในการเรียนรู้การขับเครื่องบินรบ
แต่ว่าวันแรก ช่างเทคนิคไม่ปล่อยให้เขาขึ้นเครื่องบินรบจริง เพียงแค่ปล่อยให้เขาฝึกในบนเทรนเนอร์
ครูฝึกถูกส่งตรงจากกองทหารให้เขาโดย ไม่แพง รวมๆก็สิบคัน
แต่ที่ทำให้ลู่เฉินอึ้งก็คือ พรสวรรค์ของ ชิจินไม่ได้อยู่ภายใต้เขาเลย และใช้เวลาใกเท่ากัน
“พ่อหนุ่ม ไม่เลวเลยนะ ต่อไปนายมากควบคุมดูแลกองทัพอากาศแล้วกัน” ลู่เฉินตบไหล่ชิจินแล้วพูด
“ครับ ผมจะทำให้กองอากาศของฆ่าวิหารเราโด่งดังไปทั่วในพม่า”ชิจินพูด
ตู้เฟยและเซียวจ้างมองดูลู่เฉินและชิจินเหมือนที่ลู่เฉินมองชิจินในด้านการต่อสู้พวกเขาล้วนเป็นพวกมีพรสวรรค์มาก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
ที่จริงพวกเขาเองก็อยากขับรถเครื่องบินเที่ยวล่องเก้าวัน แต่น่าเสียดายพวกเขาไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้ ช่างอธิบายตั้งนาน พวกเขาก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี
สุดท้ายช่างบอกตรงๆว่าไม่ต้องหัดบินแล้ว พวกเขาไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้
หลังจากนั้นก็ไม่ให้พวกเขาฝึกขับเครื่องบินอีก
จากนั้นทั้งสองคนที่หดหู่จึงจำใจต้องฝึกขับรถถัง
ห้าวันผ่านไปได้ฝึกนักบินออกได้ยี่สิบคน ทหารทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบคนเข้าร่วมการฝึกบิน ในท้ายที่สุดนักบินทั้งยี่สิบคนนี้ก็มีคุณสมบัติครบถ้วน คนอื่นถูกคัดออก
สำหรับการจะขับเครื่องบินได้มันมีข้อบังคับสูงมาก นักบินทั้งยี่สิบคนนั้นก็เพิ่งจะขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ แต่จะให้ถึงระดับต่อสู้ ก็คงจะต้องครึ่งปีหรือนานกว่านั้น
แต่ว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ทั้งหม่า อย่าว่าแต่นักบินเลย แม้แต่เครื่องบินรบก็มีแค่ไม่กี่คัน ถึงแม้ว่านักบินเหล้านี้จะยังไม่ได้มมตราฐานนัก แต่ว่าไปยิ่งแล้วกลับมาคงไม่เป็นปัญหา
แน่นอน ซื้อเครื่องบินรบมา สาเหตุที่ใหญ่ที่สุดคืออวด
เมื่อเขามีอาวุธเหล่านี้แล้ว เขาเชื่อว่าแม้แต่เนปิดอก็จะนั่งเจรจากับเขาดีๆ
เพราะนี้มันไม่เพียงแต่เป็นอาวุธ มันยังเป็นตัวแทนที่บ่งบอกของคนจีน
……
ในเขตกองทัพหลิวฉางซาน
“ท่าน ทางเนปิดอได้ขู่กำชับเราอีกแล้ว ถามเราว่าเราจะลงมือกับฆ่าวิหารเมื่อไหร่?”ฉายปี่รองปล่อยโทรศัพท์และพูดว่า
ฉายปี่ รองของหลิวฉางซาน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดรองลงมา
“คุณถามดูว่ากองทัพทหารเขาจะถึงเมื่อไหร่?” หลิวฉางซานพูดอย่างจืดชืด
เขาไม่โง่ เขารู้ว่าเนปิดออยากให้เขาไปลองดูก่อนเพื่อทราบความต้องการของฆ่าวิหาร
แต่เขารู้สึกเสมอว่าหากเขาไม่สามารถล่อลวงได้ เขาอาจจะกลายเป็นขี้เท้าเลยก็ได้
ดังนั้นเขาจึงขอให้ฝั่งเนปิดอต้องให้กองกำลังทหารกับเขาหนึ่งพันนาย เขาจึงจะออกเปิดศึก
เพื่ออยากทราบกองกำลังของฆ่าวิหาร ฝั่งเนปิดอเองก็ได้ตอบตกลง และได้ส่งกองกำลังทหารไป
“ถึงพรุ่งนี้ตอนเย็นครับ” ฉายปี่พูด
“อืม งั้นบอกพวกเขา เราจะออกศึกกับฆ่าวิหารในวันมะรืน” หลิวฉางซานพยักหน้า
เขามีทหารเป็นของตังเองอยู่แล้วสามพันนาย รวมอีกหนึ่งพันนายจากเนปิดอ ก็คือสี่พันนาย มันเป็นสองเท่าของฆ่าวิหารแล้ว เขาไม่เชื่อว่าฆ่าวิหารจะมีทางรอดอีก
“งั้นผมไปออกประกาศเปิดศึกกับพวกเขานะครับ” ฉายปี่พูด
เมื่อกองทัพทั้งสองรบกันต้องประกาศสงครามล่วงหน้าประการหนึ่งคือแสดงความแข็งแกร่งและความมั่นใจ
ประการที่สองให้คนในท้องถิ่นหลีกเลี่ยงการแฉระหว่างสงครามล่วงหน้าเพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญ
……
“ให้ตายสิ หลิวฉางซานประกาศสงครามกับเรา!”
ลู่เฉินเพิ่งลงจากเครื่องบิน ตู้เฟยก็รีบวิ่งมารายงานทันที
“เรื่องอะไร?” ลู่เฉินถอดหมวกนิรภัยออก จากนั้นก็ได้มีทหารมารอรับหมวกทันที
“ผมเพิ่งเห็นมันในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ว่าถ้าจะเปิดศึกสงคราม ต้องเขียนจดหมายเปิดศึกสงคราม” ตู้เฟสอธิบาย
เซียวจ้างบอกเขา เขาเองถึงเพิ่งรู้ ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่เข้าใจว่าหลิวฉางซานหมายความว่าอะไร
“เปิดรบกันวันไหน?” ลู่เฉินพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ทหารของฆ่าวิหารเขามีคนเพียงสองพันนาย แต่อาวุธใหม่เอี่ยมแน่นอน ดังนั้นต่อให้หลิวฉางซานไม่เปิดศึก ไม่กี่วัน เขาเองก็เตรียมตัวเปิดศึกกับหลิวฉางซานเอง
จุดประสงค์ของเขาง่ายมาก นั่นก็คือหลิวฉางซาน
“เช้ามะรืน”ตู้เฟยตอบ
“ทหารเรารู้เรื่องนี้หรือยัง แล้วคิดไงกันบ้าง” ลู่เฉินถาม
“ตอนนี้คนที่รู้คงไม่กี่คน แต่ไม่นาน ก็คงรู้กันหมด เนื่องจากหนังสือสงครามของพวกเขาถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ทางการของเมียนมาร์”ตู้เฟยพูด
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพม่าเป็นเว็บไซต์พอร์ทัลที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมาร์ กฎระเบียบของรัฐบาลจำนวนมากจะเผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ
ดังนั้นผู้คนจึงมีนิสัยในการเข้ามาอ่านในเว็บไซต์บ่อยๆ
“อืม เมื่อสิ้นสุดการฝึกอบรมทั้งหมดในเวลากลางคืนแล้วเรียกประชุมระดมพลทุกคน” ลู่เฉินพยักหน้าพูด
“แล้วเราจะตอบตกลงมั้ย?” ตู้เฟยถาม
โดยทั่วไปฝ่ายหนึ่งประกาศสงครามและหากอีกฝ่ายรับคำท้า ก็จะเผยแพร่คำประกาศทางเว็บไซต์ด้วย
“ไม่ต้องไปสนใจ ไว้คุยกันคืนพรุ่งนี้” ลู่เฉินสะบัดศรีษะ ในสองวันทนี้เขากำลังเตรียมตัวจะฝึกฝนทักษะการต่อสู้ให้มากขึ้น พยายามเปิดศึกสู้กันในวันมะรืน ส่งเซอร์ไพรส์ใหญ่ให้หลิวฉางซานและทั้งพม่า
กลับไปที่ห้องบัญชาการ เซียวจ้างและชิจินพร้อมกับคนอื่นๆได้จ้องมองลู่เฉินด้วยสายตาที่รอคอย
หลายวันมานี้ พวกเขาตั้งใจฝึกฝนก็เพื่อที่จะเปิดศึกสงครามกับกองทัพหลิวฉางซาน วันนี้หลิวฉางซานเป่าประกาศเปิดศึกแล้ว ขณะนี้ผู้บังคับกองพันหลายคนตั้งหน้าตั้งตารอศึกครั้งนี้โดยเร็วที่สุด
แน่นอน และที่สำคัญที่สุดเพื่อท้าทายนายพลของพวกเขา
ลู่เฉินมองดูสายตาของทุกคนอย่างคาดหวัง แล้วหัวเราะ: “สองสามวันนร้ตั้งใจฝึก พยายามให้เซอร์ไพรส์กับหลิวฉางซานในวันสุดท้าย”
“ไว้วางใจได้ หากหลิวฉางซานกล้ามา พวกเราจะทำให้มันมาแล้วกลับไปไม่ได้อีก!” ผู้บังคับกองพันคนหนึ่งกล่าวอย่างมั่นใจ
ส่วนคนทีเหลือต่างพยักหน้ากัน
สองสามวันนี้พวกเขาได้รับการฝึกฝนอาวุธใหม่ กำลังบ่นอยู่ว่าไม่มีคนให้ฝึกด้วย
“แจ้งทุกคน คืนนี้ประชุม” ลู่เฉินกล่าวกับผู้บังคับกองพัน
“ครับ!” ผู้บังคับกองพันทำความเคารพกับลู่เฉินทีละคน จากนั้นก็ถอยออกไป
หลังจากที่ทุกคนออกไป เซียวจ้างได้เดินมาอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน ถาม: “ลู่เฉิน ศึกครั้งนี้ นายเตรียมตัวจะรบอย่าไง?”
ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่าลู่เฉินสิบกว่าปี แต่เพื่อดึงความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิด ภายใต้เขาเรียกชื่อลู่เฉินตลอด
“คุณมีกลยุทธ์อะไรบ้าง?” ลู่เฉินย้อนถาม
เซียวจ้างพยักหน้า แล้วพูดความคิดเห็นของเขาออกมา
หลังจากที่ที่ลู่เฉินฟังแล้ว พยักหน้า เห็นด้วยกับกลยุทธ์ที่เซียวจ้างเสนอ