บทที่ 340 ทำไมผมต้องไว้หน้าคุณ
“นี่มันเหนือความคาดหมายจริงๆ แต่การที่พวกเขากล้าขัดใจคุณชายเฉิงก็คงจะตายแน่ๆ” โจวหัวพูด
“แน่นอนล่ะสิ ตระกูลเฉิงเป็นหนึ่งในต้าหลี่ พวกเขาสองคนต่อให้มีเงินมีทองขนาดไหน แต่ในต้าหลี่นี้ก็ไม่มีใครจะสู้กับตระกูลเฉิงได้” เจิ้งชิวก็รู้สึกแบบนั้น
ที่ต้าหลี่นี้ตระกูลเฉิงก็เปรียบเสมือนกับเทพเจ้าใครที่ทำให้พวกเขาต้องขุ่นเคืองไม่ต่างอะไรกับการตกนรก
ทั้งสองคนนี้คาดว่าคงตายไม่ดีแน่
และทันใดนั้นเองผู้จัดการหลิว จากยวนโจวกรุ๊ปก็เดินเข้ามา
“ทั้งสองท่านครับ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันก่อน พวกท่านทั้งสองล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อมีเสียง ขอให้พวกคุณอย่าได้มีเรื่องมีราวกันในที่นี้เลย เห็นแก่หน้าผมเถอะนะครับ หากว่ามีอะไรจะต้องเคลียร์กันก็ขอให้งานประมูลนี้จบสิ้นไปก่อนได้ไหมครับ”ผู้จัดการหลิวมองดูเฉิงเฉวียนและมองลู่เฉิน
คนหนึ่งก็เป็นมหาเศรษฐีแสนล้าน ส่วนอีกคนหนึ่งก็เป็นใหญ่ในที่แห่งนี้ เขาไม่กล้าจะขัดใจใครสักคน
“ผู้จัดการหลิว ไม่ใช่ว่าผมไม่เห็นแก่หน้าคุณนะ แต่เจ้าหมอนี่มันทำตัวอวดโอ้อวดเกินไป จะให้ผมคุกเข่าขอโทษและยังไม่ให้ผมออกไปจากที่นี่ มันคิดว่าตัวเองมาจากไหนกัน? ต่อให้มาจากเมืองหลวง แต่ที่นี่คือที่ของผมก็ควรจะให้เกียรติผมบ้างใช่ไหม?” เฉิงเฉวียนเสียงพูด
ผู้จัดการหลิวทำตัวไม่ถูก เขาจึงได้หันมาพูดกับลู่เฉินว่า “คุณผู้ชาย เห็นแก่หน้าของผมหน่อยได้ไหมครับ?”
“หน้าคุณใหญ่มากขนาดนั้นเลยเหรอ? ลองดูซิว่าถ้าเจ้านายของคุณมา ผมจะไว้หน้าเขาไหม?” ลู่เฉินพูดแล้วมองไปที่ผู้จัดการหลิว
เฉิงเฉวียนกล้าแซวภรรยาของเขาอีกทั้งทำเหมือนกับเขาไม่มีตัวตน การกระทำเช่นนี้เขาจะปล่อยไปง่ายๆได้อย่างไร?
อย่าว่าแต่บ้านตระกูลเฉิงเลย ต่อให้ตระกูลเฉิงสิบตระกูลมารวมกันเขาก็ไม่ปล่อยผ่านไปแน่!
ผู้จัดการหลิวยืนงงไม่รู้จะทำอย่างไร……
ลู่เฉินพูดถูก ต่อให้เจ้านายของเขามาก็ทำได้แต่เพียงยืนมองอยู่เฉยๆ
“นี่แก!ต้องการยังไงกันแน่? ที่ไม่ให้ฉันไปเพราะต้องการจะต่อยกับฉันอย่างนั้นเหรอ?” เฉิงเฉวียนเองก็ไม่รู้เพราะอะไร ท่าทีของลู่เฉินทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ
แต่เขาก็ยังไม่ชินกับการที่จะยอมใครง่ายๆ จึงได้พูดออกมาด้วยความโมโห
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
ลู่เฉินไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาลุกขึ้นและตบไปที่หน้าของเฉิงเฉวียนสองที
“จำใส่สมองไว้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่คุณจะมาทำท่าทางแบบนี้ต่อหน้าพวกเขาได้ เกิดเป็นคนทั้งทีคุณควรจะมองการณ์ไกลหน่อย อย่ามัวแต่เป็นกบในกะลา” ลู่เฉินพูดอย่างเยือกเย็น
วินาทีนี้ทุกคนล้วนตกตะลึง
เจ้าหมอนี่กล้าลงไม้ลงมือกับเฉิงเฉวียน?
เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือไง?
เฉิงเฉวียนเปรียบเหมือนเจ้าเมืองต้าหลี่เชียว
“เจ้าหมอนั่นตายแน่ กล้าดียังไงต่อยเฉิงเฉวียน ต่อให้เทวดาฟ้าดินก็ไม่มีใครช่วยเขาได้หรอก” เจิ้งชิวพูดออกมาอย่างสะใจ
“อืม นั่นสิ!เจ้าหมอนั่นมันอวดเก่งเกินไปแล้ว แม้แต่ผู้จัดการหลิวก็ไม่ไว้หน้า ต่อไปนี้คงไม่ได้มาร่วมงานประมูลที่หยวนโจวอีกแล้วล่ะ”
เฉิงเฉวียนเองก็คิดไม่ถึงว่าเฉิงเฉวียนจะกล้าลงไม้ลงมือกับเขา เขาตกตะลึงและงุนงง
เกิดมาตั้งยี่สิบกว่าปี นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนตบหน้า!
มันทำให้เขาช็อคและทำอะไรไม่ถูก
ลู่เฉินนั้นเมื่อตบเฉิงเฉวียนเสร็จก็เดินกลับไปยังที่นั่ง เฉิงเฉวียนจึงได้รู้สึกตัว
“แก!แกกล้าดียังไง? เราจะได้เห็นกันแน่!”
เฉิงเฉวียนมองไปยังลู่เฉินด้วยความโมโห จากนั้นเดินออกไปจากห้อง VIP
ตั้งแต่ต้นจนจบ หลินอี้จุนกอดฉีฉีเอาไว้ในอ้อมอก เธอไม่ต้องการให้ลูกสาวเธอเห็นภาพแบบนี้
หลังจากที่เฉิงเฉวียนเดินออกไปจากห้อง VIP เขาก็ได้เดินไปเปิดห้อง VIP ข้างๆแล้วนั่งลง
“คุณชายเฉิงคะ จะปล่อยไปง่ายๆอย่างนี้เหรอ?” สาวสวยคนนั้นถามขึ้น
“ปล่อยไปอย่างนี้เหรอ?” เฉิงเฉวียนหัวเราะ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
เขาจะวางมือง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไง? เฉิงเฉวียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออก
บัดนี้ถึงเวลาประมูลชุดแต่งงานนกยูง…….
เนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังตกใจอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ จึงได้ทำการอธิบายง่ายๆจากนั้นเข้าสู่การประมูลอย่างรวดเร็ว
ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 10 ล้าน นี่เป็นชุดแต่งงานที่แพงที่สุดในประเทศตอนนี้
ผู้ที่เดินทางมาร่วมงานประมูลในครั้งนี้ล้วนเป็นมหาเศรษฐี แต่ใครกันที่จะยินดีจ่ายเงินจำนวน 10 ล้านสำหรับชุดแต่งงานนี้ แค่คิดก็รู้ว่าไม่มี
ลู่เฉินไม่ได้เอ่ยประมูลในตอนแรก จนกระทั่งคนอื่นๆประมูลถึงราคา 15 ล้าน เขาจึงได้ประมูลราคามาที่ 20 ล้าน
เมื่อทุกคนเห็นว่าลู่เฉินประมูลมากมายขนาดนั้นก็พากันนิ่งเงียบ
เดิมทีเฉิงเฉวียนต้องการจะประมูลต่อสู้กับลู่เฉิน แต่เมื่อเขานึกขึ้นว่าถ้าตนใช้เงินหลายสิบล้านในการประมูลชุดแต่งงานเพียงชุดเดียว กลับไปพ่อของเขาคงจะต้องเล่นงานเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงได้แต่อดทนเอาไว้
เขาสัมผัสได้ว่าจุดประสงค์ของลู่เฉินในวันนี้ก็คือสร้อยหยกเลือดเส้นนั้น แล้วเขาจะทำการสู้ราคากับลู่เฉิน
ท้ายที่สุดเจ้าหน้าที่ขานราคาจำนวนสามครั้ง แต่ไม่มีใครเพิ่มราคาประมูลอีก ดังนั้นชุดแต่งงานนกยูงจึงได้ถูกปิดการประมูลลงด้วยราคา 20 ล้านโดยลู่เฉิน
เมื่อเห็นว่าลู่เฉินซื้อชุดแต่งงานนั้นในราคา 20 ล้าน เจิ้งชิวก็รู้สึกอิจฉา
การที่ลู่เฉินและหลินอี้จุนนั่งอยู่ในโซน Super VIP ได้ ก็แสดงว่าเป็นมหาเศรษฐีอย่างแท้จริง จำนวนเงินแค่ไม่กี่สิบล้านสำหรับพวกเขาไม่ได้มีผลกระทบแม้แต่นิดเดียว
ไม่กี่นาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ก็เดินถือกล่องสวยสดงดงามไปยังห้องVIPที่ลู่เฉินนั่งอยู่ หลังเปิดกล่องดูของเรียบร้อยแล้วลู่เฉินก็ทำการรูดบัตรชำระเงิน
ลู่เฉินรูดบัตรเสร็จได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงการเปิดประมูลสนามใหม่ นั่นก็คือสร้อยหยกเลือดนั่นเอง
บัดนี้ทุกคนล้วนหันมาให้ความสนใจกับสร้อยเส้นนั้น
แม้พวกเขาจะรู้ดีว่าวันนี้ตนไม่สามารถที่จะได้สร้อยเส้นนั้นมาไว้ในครอบครอง แต่ยวนโจวกรุ๊ปได้ทำการโฆษณาสร้อยเส้นนี้เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว
สามารถบำรุงเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ร่างกายมีชีวิตชีวา อีกทั้งยังมีอาจารย์ขึ้นชื่อช่วยเสกคาถาให้ ยวนโจวกรุ๊ปโฆษณาสร้อยเส้นนี้ราวกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์จากสวรรค์ พวกเขาจะไม่อยากรู้ได้อย่างไร
“ผมจะไม่ทำการแนะนำสร้อยเส้นนี้ให้มากมายเท่าไรนัก เนื่องจากพวกคุณเองคงได้ยินสรรพคุณของสร้อยข้อมือเส้นนี้ดีแล้วผมขอบอกทุกท่านตามตรงว่า สร้อยเส้นนี้มีคุณสมบัติตามที่ได้ประกาศไปก่อนล่วงหน้า น่ามหัศจรรย์จริงๆ หากใครที่ได้ครอบครองหลังจบประมูลนี้ พวกคุณจะรู้ว่าเราไม่ได้เอ่ยความเท็จ เอาล่ะครับผมจะไม่พูดให้มากความ และคิดว่าหลายๆคนคงอดใจรอไม่ไหวแล้ว การประมูลจะเริ่มต้น ณ บัดนี้ เปิดประมูลที่ราคา 100 ล้าน แต่ละครั้งต้องเพิ่มราคาประมูลไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน เริ่มประมูลได้!!!
เจ้าหน้าที่เดินถือกล่องที่ใส่สร้อยข้อมือเส้นนั้นเดินขึ้นสู่เวที ทุกคนพยายามยืดคอขึ้นไปดู
แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงสงสัยเท่านั้น
เนื่องจากในวันนี้เฉิงเฉวียนเดินทางมาที่นี่ด้วย แน่นอนว่าเขาต้องการเส้นสร้อยเส้นนี้กลับไป ใครกันที่จะมีคุณสมบัติพอจะต่อสู้กับเขาได้ นอกเสียจากลู่เฉินชายหนุ่มนิรนามเมื่อสักครู่
เมื่อคิดได้ดังนั้นทุกคนก็ล้วนส่งสายตาจับจ้องไปยังห้อง VIP
เมื่อลู่เฉินมองไปยังสร้อยข้อมือในมือของเจ้าหน้าที่ผ่านจอขนาดใหญ่ หัวใจของเขาก็พองโต เขามีทั้งความกังวลและความพร้อมที่จะต่อสู้