ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods – ตอนที่ 489 ชีวิตคนสูงส่งกว่าสวรรค์

ตอนที่ 489 ชีวิตคนสูงส่งกว่าสวรรค์

ทุกคนในงานเลี้ยงสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แรงกระแทกจากบางสิ่งนั้นรุนแรงเสียจนสิ่งปลูกสร้างมากมายพังถล่มลงมา และแม้กระทั่งหลังคาของราชวังเบื้องหลังพวกเขาก็ถูกดีดกระดอนและปลิวหายไป

ที่ปลิวไปพร้อมกับหลังคาก็คืองานเลี้ยงทั้งหมด ไม่ว่าจาน ชาม สุรา และโต๊ะหยก ทุกอย่างถูกกวาดซัดขึ้นไปบนอากาศจากกระแสลมอันเกรี้ยวกราด!

ฟิ้ว!

ต้นไม้ใหญ่หักโค่นที่กลางลำและปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้าพลางหมุ่นปั่นติ้วๆ ผู้คนจำนวนหนึ่งนอกจวนก็ถูกซัดให้เท้าลอยจากพื้นและตะกุยตะกายอย่างช่วยเหลือตนเองไม่ได้กลางอากาศ พวกเขากอดต้นไม้เอาไว้ และในพริบตาถัดมา พวกเขาก็หายสาบสูญไปหลังจากที่เหวี่ยงกระเด็นอีกทอดด้วยคลื่นกระเพื่อมของพลังงานที่รุนแรงร้ายกาจกว่าเดิม

วรยุทธของฉินมู่และผู้คนในงานเลี้ยงนั้นไม่ธรรมดา พวกเขาจึงสามารถยืนได้มั่น

ป๋ายชิงฝู่ยกมือของเขาขึ้น และลูกแก้วมังกรก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศ เขาตะโกนไปด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด “ตรึง!”

ในท้องฟ้าเหนือจวนเจ้าเมือง วัตถุสิ่งของและผู้คนที่ถูกเป่ากระเด็นก็พลันถูกตรึงอยู่กันที่ แต่ถึงอย่างไร บ้านเรือนและต้นไม้ที่นอกจวนก็ถูกถอนรากถอนโคนและปลิวป่วนปั่นไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นป๋ายชิงฝู่จึงมิอาจต้านรับแรงกดดันนี้ได้

ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และเขากระทืบเท้าด้วยกำลังแรง จิตวิญญาณดั้งเดิมมังกรแท้ก็ผงาดขึ้นมาข้างหลังเขา อันทำให้ลูกแก้วมังกรเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นไปอีก แต่ทว่า เขาก็ยังรับมือกับแรงกดดันไม่สำเร็จอยู่ดี

“ชิงฝู่!” หญิงผู้หนึ่งอุ้มเด็กน้อยและนำยอดฝีมือมากมายจากจวนตระกูลป๋ายตรงมา แต่ละคนนั้นขับเคลื่อนลูกแก้วมังกรของตนเอง และป๋ายชิงฝู่ก็พลันรู้สึกว่าแรงกดดันบนตัวเขาเบาบางลง

“ท่านแม่ ท่านอา ท่านน้า และท่านลุงทั้งหลาย ทำไมพวกท่านถึงอยู่ที่นี่” เขาถามอย่างเร่งร้อน

“พวกเราได้รับข่าวว่าดาวปากวาฬปลาใต้แตกพ่ายแล้ว!” หญิงผู้นั้นกล่าว “กองกำลังบุกทะลวงของพวกมารนอกโลกเข้าโจมตี และเมืองร้อยมั่งคั่งก็ไม่อาจรักษาไว้ได้อีกต่อไป ดังนั้นรีบล่าถอยออกไปจากเมือง และเร่งเดินทางไปสภาสวรรค์! พวกเรา รุ่นผู้ใหญ่จะสกัดขัดขวางพวกมันเอาไว้ที่นี่! ตามผู้คนในเมืองออกไป แล้วพวกเราจะรีบตามไปในภายหลัง!”

ชายหนุ่มและหญิงสาวคนอื่นๆ ล้วนแต่ตกตะลึง “ดาวปากวาฬปลาใต้แตกพ่ายแล้วหรือ พวกเราทำอย่างไรกันดี พวกเรารีบกลับไปที่เคหาสน์ของตนและแจ้งข่าวประมุขดีกว่า!”

“ไม่ต้องทำเช่นนั้น!” หญิงคนนั้นตะโกนออกไปยังผู้คนที่ว้าวุ่นเพื่อทำให้พวกเขาสงบลง นางส่งเด็กชายตัวน้อยลงในอ้อมแขนของป๋ายฉวีเอ๋อ และนำเอาลูกแก้วมังกรอีกลูกส่งให้ พลางตะโกนไปอย่างเฉียบขาด “ผู้เฒ่าของพวกเจ้าได้รับการแจ้งข่าวแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาทำเรื่องนี้! รีบออกไปจากเมืองโดยทันทีและไปยังสภาสวรรค์! ไม่จำเป็นต้องเก็บข้าวของสัมภาระ ไปเดี๋ยวนี้! ลูกแก้วมังกรในมือของฉวีเอ๋อ สามารถช่วยพวกเจ้าขับไล่ความมืดได้!”

ป๋ายชิงฝู่เข้าใจความหนักหนาของเรื่องราว และรีบมองไปยังฉินมู่ “พี่ที่นับถือฉิน ตามพวกเราไปด้วยเถอะ!”

ฉินมู่หัวใจสะเทือนวูบ และหีบก็ลุกขึ้นมา ผานกงสั่วรีบกระโดดขึ้นไปบนนั้น กิเลนมังกรเต็มไปด้วยพลังงาน และเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหีบเช่นกัน

พวกเขาวิ่งตะบึงออกไปทางประตูหลัง และเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ก็ได้ยินเสียงปังสนั่นหวั่นไหวเมื่อเทพเจ้าที่พิทักษ์ประตูเมืองทิศใต้ถูกเป่ากระเด็นขึ้นท้องฟ้าในทิศทางของพวกเขา

หลังจากที่เขาถูกเป่ากระจุย ยักษ์หัววัวที่มีโซ่คล้องพันรอบๆ กายก็ปรากฏขึ้นที่นอกเมือง ร่างกายใหญ่มหึมาของเขาสูงเสียยิ่งกว่าหอคอยปราการเมือง เขาชักโซ่อันมีลูกกลมเหล็กสีดำใหญ่เท่าภูเขาที่ปลายโซ่ แล้วเหวี่ยงไปทางเทพเจ้าที่กำลังร่วงลงมา!

ฉินมู่เลือดในกายเย็นเยียบ หากว่าลูกกลมเหล็กนั้นซัดใส่เทพเจ้า มันก็จะร่วงตกลงมาใกล้ๆ พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร

ในตอนนั้นเอง เสียงคำรามมังกรอันไพเราะก็ดังมาจากจวนตระกูลป๋ายเมื่อหญิงคนก่อนหน้านั้นและยอดฝีมือทั้งหลายแห่งจวนตระกูลป๋ายเผยร่างแท้ที่จริงของตน พวกเขาแปรเปลี่ยนเป็นมังกรแท้ที่เหาะเหินไปในนภากาศ ต้อนรับการโจมตีของลูกกลมเหล็ก

ในเวลาเดียวกันนั้นยอดฝีมือคนอื่นๆ ในเมืองร้อยมั่งคั่งก็พุ่งทะยานออกมาและโจมตีไปติดๆ กัน ทุกคนล้วนแต่รีบรุดมายังประตูทิศใต้

ยักษ์ครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่เรือนกายมหึมาและกำยำกำลังถล่มกำแพงเมืองอันปริร้าวตกลงมาด้วยเสียงอึกทึก ‘มารนอกโลก’ จำนวนนับไม่ถ้วนกรูกันเข้ามาในเมือง และกลืนกลบตึกแล้วตึกเล่า จนกระทั่งพุ่งเข้าใส่กองกำลังต่อต้าน!

“รีบไปเร็ว!”

ฉินมู่ ป๋ายชิงฝู่ และคนอื่นๆ พุ่งไปยังประตูเมืองทิศเหนือ อันแออัดไปด้วยผู้คนที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด พวกเขาสร้างฝูงชนอันคับคั่งไร้ที่เดินผ่าน ผู้คนเหยียบซึ่งกันและกัน และมีเพียงไม่กี่คนที่หลุดออกไปได้

บนป้อมปราการเมือง เทพเจ้าที่พิทักษ์เมืองก็แปรเปลี่ยนพลังวัตรของเขาให้เป็นมือมหึมา และคว้าจับผู้คนที่พยายามเบียดเสียดกันส่งออกไปข้างนอก ระหว่างที่ทำเช่นนั้น เขาก็ตะโกนด้วยเสียงอันดัง “ยืนอยู่ในเขตแสงนอกเมือง อย่าเดินออกไปนอกแสง!”

ฉินมู่และคนอื่นๆ เหาะออกมาจากเมืองและเห็นผู้คนมากมายที่พุ่งถลาเข้าไปในความมืดพลางร้องลั่น พวกเขาทั้งหลายกลายเป็นโครงกระดูก เลือดเนื้อหายไปจนสิ้น

เทพเจ้านั้นได้ย้ายผู้คนออกไปข้างนอกหลายหมื่นคน แต่กระนั้นก็ยังคงมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่หลั่งไหลมายังประตูทิศเหนือ ร้องครวญอย่างหนาหู ในเวลาเดียวกันนั้น กองทัพของมารนอกโลกก็ได้บุกทะลวงเข้ามาทางนี้แล้ว

เทพเจ้านั้นกัดฟันกรอดและเหาะออกไปจากเมือง “ทุกคนมาอยู่รอบๆ ตัวข้า ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่สภาสวรรค์! ตามข้ามา! พวกที่แข็งแกร่งให้รั้งท้าย เพื่อต่อสู้ขัดขวางพวกมารนอกโลก!”

สำหรับผู้คนที่ยังคงไหลบ่ามาจากทั่วเมือง เขาก็ไม่อาจคิดคำนึงอะไรได้มากมายอีกต่อไป เขาทำได้แค่ปกป้องพวกที่ออกมาข้างนอกแล้ว

ฉินมู่และคณะลงจอดกับพื้น ป๋ายชิงฝู่รีบนำทุกๆ คนติดตามเทพเจ้านั้นเข้าไปในความมืด แต่ผานกงสั่วหยุดยั้งพวกเขา เขาตะโกนอย่างดุเดือด “ทุกคน กลับมา! หากว่าเจ้ายังรักชีวิต อย่าตามเทพตนนั้นไป!”

ป๋ายชิงฝู่มองไปที่บุคคลไร้ขาผู้นี้อย่างตกตะลึง ส่วนป๋ายฉวีเอ๋อที่อุ้มเด็กเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างชูลูกแก้วมังกรเพื่อให้แสง นางถามด้วยความฉงน “ทำไมพวกเราถึงไม่ควรตามเขาไปเล่า”

เด็กในมือนางเริ่มร้องโยเย และพี่สะใภ้ของนางก็เข้ามาช่วยปลอบ

นั่นคือบุตรชายของป๋ายชิงฝู่ และเขายังไม่ทันจะหย่านม

ฉินมู่สีหน้าเคร่งขรึม “เทพเจ้านั้นปกป้องผู้คนหลายหมื่น ดังนั้นเขาเหมือนกับแปะคำว่าเป้าหมายใหญ่เอาไว้ที่กลางหน้าผาก และจะต้องถูกโจมตีอย่างแน่นอน! ทุกคน หมอนี่พูดถูก ผู้สูงศักดิ์นี้เป็นบุคคลที่ล้ำเลิศที่สุดในด้านการหลบหนีเอาชีวิตรอด ความสามารถในการหนีตายของเขานั้นไร้เทียมทานในโลกหล้า! ผู้สูงศักดิ์ เจ้ามีประสบการณ์มากที่สุด ดังนั้นชี้ทางพวกเราว่าควรจะไปทางไหน!”

“ทางไหนที่จะไปสภาสวรรค์” ผานกงสั่วถามอย่างเร่งร้อน ป๋ายชิงฝู่ยกมือขึ้นและชี้ไปทางทิศตะวันตกของดาวปากวาฬปลาใต้ ผานกงสั่วจึงรีบกล่าวทันที “พวกเราจะไปทิศตะวันออก! เร็วเข้า!”

เทพเจ้านั้นได้พาผู้คนเดินทางไปใกล้ในความมืด เพราะว่ามีแสงสว่างรอบๆ ฉินมู่และคณะ ผู้คนราวร้อยคนก็มารวมตัวกันรอบๆ พวกเขา และยังมีอีกมากที่ถูกแสงสว่างนี้ดึงดูดมา

“ไปเร็วเข้า สังหารพวกที่จะเป็นตัวถ่วงให้หมด!” ผานกงสั่วกล่าวอย่างอำมหิต

“พวกเราจะสังหารผู้คนของพวกเราได้อย่างไร” ทุกคนโมโหเดือด ป๋ายชิงฝู่เองก็หยุดชะงักและตระเตรียมที่จะนำผู้คนไปมากขึ้นอีก

เหงื่อเย็นเยียบไหลลงจากหน้าผากของผานกงสั่ว และเขาตะโกนออกไป “ทุกคนอยากจะตายกันที่นี่หรือ พวกเจ้ายังรักชีวิตอยู่ไหม หากว่าพวกเจ้าใจอ่อนแบบนี้ ก็ลืมไปได้เลยเรื่องจะหลบหนีรอดน่ะ!”

‘มารนอกโลก’ พุ่งออกมาจากประตูทิศเหนือและมุ่งไปยังพวกที่หลบหนี ฆ่าฟันทุกๆ คนที่พวกมันพบ

ป๋ายชิงฝู่กัดฟันและกล่าว “ไม่ต้องรอแล้ว พวกเราไป!”

พวกเขารีบเร่งเข้าไปในความมืดพร้อมกับหีบที่เปล่งแสงลางเลือนออกมา นี่มันน่าจะสร้างความแตกตื่นแก่ผู้คน แต่ไม่มีใครมีเวลามาใส่ใจไต่ถาม

ข้างหลังพวกเขา มารนอกโลกนั้นราวกับฝูงฉลามที่ได้กลิ่นเลือด พวกมันไล่ตามพวกเขามา ดังนั้นป๋ายชิงฝู่และคนอื่นๆ ต้องคอยรั้งท้ายเพื่อป้องกันเส้นทางหลบหนีของพวกเขา ต่อสู้และล่าถอยไปพร้อมๆ กัน

“ความเร็วของพวกเราช้าจนเกินไปเพราะนำภาระพวกนี้มาด้วย!” ผานกงสั่วกัดฟันกรอด และมองอย่างดุร้ายไปยังผู้คนของเมืองร้อยมั่งคั่งรอบๆ พวกเขา รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของเขา “พวกสวะพวกนี้มีชีวิตอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ทำไมพวกเราไม่สังหารพวกเขาเสียให้หมดล่ะ มีก็แต่แบบนี้ถึงจะมีโอกาสหนีรอด! จ้าวลัทธิฉิน เจ้าก็เห็นด้วยกับข้าใช่ไหม”

ฉินมู่มองไปที่ป๋ายฉวีเอ๋อและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฉวีเอ๋อ มอบลูกแก้วมังกรให้แก่พวกเขา ข้าสามารถพาพวกเจ้าออกไปได้ด้วยความช่วยเหลือของหีบข้าหากว่าพวกเจ้าต้องการโอกาสมีชีวิตรอด พวกเราจะถูกคนพวกนี้ลากถ่วงจริงๆ นะ!”

ป๋ายฉวีเอ๋อส่ายศีรษะของนาง “ข้าจะทอดทิ้งทุกๆ คนเพียงเพราะรักตัวกลัวตายได้อย่างไร ตระกูลป๋ายของพวกเราไม่มีผู้คนเช่นนั้น! พี่มู่ สภาสวรรค์แห่งจักรพรรดิสูงส่งนั้นถูกสถาปนาเพื่อผู้คนธรรมดาทั้งหลาย เพื่อให้เทพเจ้าอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้คน จักรพรรดิสูงส่งก็ได้ประกาศิตว่าชีวิตคนสูงส่งกว่าสวรรค์!”

แม้ว่าเสียงของนางจะนุ่มนวล แต่มันก็ปลุกเร้าความฮึกหาญของผู้คนที่เย็นชาที่สุดได้ “หากว่าพวกเรามิอาจปกป้องผู้คนของพวกเรา แล้วจะมีเทพเจ้าเอาไว้ทำไม จักรพรรดิสูงส่งกล่าวว่า เบื้องหน้าชีวิตมนุษย์ เทพเจ้าทั้งหลายจงถอยไปให้หมด”

ฉินมู่หัวใจสะท้านอย่างรุนแรง “ชีวิตคนสูงส่งกว่าสวรรค์?”

ผานกงสั่วหัวเราะด้วยความโกรธเกรี้ยว “ทุกคนต้องมีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง มิเช่นนั้นฟ้าและดินจะมาทำลายเจ้า! ชีวิตคนสูงส่งกว่าสวรรค์งั้นหรือ ในสายตาของข้า หากว่าจักรพรรดิสูงส่งเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ต้องหลบหนีเอาชีวิตรอดก่อน!”

ป๋ายฉวีเอ๋อส่ายศีรษะ “จักรพรรดิสูงส่งไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน”

มารนอกโลกตามมาจากข้างหลัง และฉินมู่เองก็ขยับไปที่ท้ายขบวนเพื่อจัดการกับมารเหล่านั้นพลางป้องกันเส้นทางถอยของคณะ

ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้เห็น ‘มารนอกโลก’ เหล่านั้นในที่สุด แต่พวกมันเป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเขา ไม่แตกต่างกันเลยสักอย่าง ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย “พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกันหรือ”

ทั้งสองฝ่ายไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ใช้กระบวนท่าคร่าชีวิตที่ร้ายกาจที่สุดของตนเองในพริบตาแรกที่เผชิญหน้า พวกเขาต่อสู้ซึ่งกันและกันอย่างดิ้นรนดุเดือด ปราณชีวิตของฉินมู่แผ่พุ่งไป และเขาขับเคลื่อนไจกระบี่เพื่อโจมตี ‘มารนอกโลก’ เหล่านั้น กระบี่บินเหาะเหินขึ้นไปและแปรเปลี่ยนอย่างมิอาจคาดเดาได้ในท่วงท่ากระบี่ทุกประเภท สังหารศัตรูไปตามๆ กัน

“ฆ่าไอ้พวกกบฏ!” หนึ่งใน ‘มารนอกโลก’ ตะโกนด้วยเสียงอันดัง “สำเร็จภารกิจและรีบกลับไปสภาสวรรค์ให้เร็วที่สุด!”

การต่อสู้นี้นองเลือด ป๋ายชิงฝู่และคณะฆ่าฟันอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ยิ่งมีมารนอกโลกพรั่งพรูกันมามากขึ้นทุกที ทุกคนได้รับบาดเจ็บ

ทันใดนั้น ก็มีบางคนถูกผลักเข้าไปในความมืดและถูกสัตว์ประหลาดในนั้นกัดกินไป กลายเป็นโครงกระดูกขาว ฉินมู่รู้สึกเศร้าใจอย่างแรงในวินาทีนั้น บุคคลดังกล่าวคือหนึ่งในหญิงสาวที่แลกเปลี่ยนวิชาฝีมือกับฉินมู่ที่จวนตระกูลป๋าย

พวกเขาต่อสู้พลาง ล่าถอยไปพลาง และเมื่อมารนอกโลกตนสุดท้ายถูกสังหาร รอบข้างก็เงียบสงัด มีก็แต่เสียงกระซิบกระซาบของสัตว์ประหลาดในความมืดที่ยังคงอยู่

ฉินมู่รักษาอาการบาดเจ็บของทุกๆ คน และป๋ายชิงฝู่ยิ้มกล่าว “พี่ที่นับถือฉินก็รู้ศาสตร์วิชาแพทย์ด้วยหรือ เจ้านี่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์จริงๆ”

แขนซ้ายของเขาถูกตัดออกไปแต่ก็ยังคงยิ้มได้ นับว่าน่านับถือเป็นอย่างยิ่ง

“ไม่ต้องรักษาข้า” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เคยท้าสู้ฉินมู่กล่าว บนหน้าอกของเขามีรูโหว่รูใหญ่ ลมหายใจของเขาอ่อนระโหย และเขาก็ชันคอขึ้นมาส่งยิ้ม “ข้าไม่รอดแล้วล่ะ ข้ารู้สึกได้ว่าดวงวิญญาณของข้ากำลังแตกสลาย ข้านั้นละโมบเกินไป และอยากที่จะสังหารคู่ต่อสู้ จนได้แต่รับการโจมตีจากเขาแทน ไม่ต้องนำศพข้าไปด้วย ทิ้งมันไว้ที่นี่ ข้าไม่ต้องการเป็นภาระแก่พวกเจ้า…”

ฉินมู่ตรวจอาการเขา แต่ไม่ทันที่เขาจะสิ้นสุดการวินิจฉัย ชายหนุ่มผู้นี้ก็สิ้นลมหายใจ

คณะเดินทางต่อไปข้างหน้าผ่านค่ำคืนอันยาวนานเป็นพิเศษ เสียงการต่อสู้ดังมาจากความมืดรอบตัวพวกเขา อันหมายความว่ากลุ่มอื่นๆ ที่กำลังหลบหนีนั้นถูกโจมตี

พวกเขาเองก็เผชิญกับผู้ไล่ล่า ไล่ตามพวกเขามาในความมืดยังกับฝูงหมาป่า และบางครั้งก็ตามมาทัน

ฉินมู่พันแผลให้แก่แผลแขนขาดของป๋ายชิงฝู่ ขณะที่ชายหนุ่มผู้นี้อุ้มไกวลูกชายของตนด้วยมือข้างขวา ปลอบให้เขาหลับใหล เขาส่งบุตรของตนให้แก่ภรรยาและกล่าวด้วยเสียงเบา “ข้างหน้านั้นมีสถานีชายแดนอันมีเทพเจ้าที่จะคุ้มกันปกป้องพวกเจ้าได้ พี่ที่นับถือฉิน เจ้าให้ข้ายืมหีบได้หรือไม่”

เสียงตะโกนอย่างดุร้ายดังมาจากข้างหลังพวกเขา อันเป็นของคณะไล่ล่าที่เกือบจะตามมาทัน

“ให้ข้าไปกับเจ้าด้วย”

“ไม่ต้องหรอก” ป๋ายชิงฝู่ฉีกยิ้ม และสีหน้าของเขาก็อ่อนโยนลง “เจ้านั้นเพียงแค่ขั้นหกทิศ ส่วนข้าอยู่ในขั้นชาวสวรรค์ ข้าสามารถกลับมาได้ แต่เจ้าไม่สามารถ รอข้าอยู่ที่นี่เถอะ ช่วยดูแลบุตรชายข้า…”

เขาหันกายและจากไปพร้อมกับหีบ

ฉินมู่ก็หันกลับและเดินต่อไปข้างหน้าพร้อมกับคณะ ป๋ายฉวีเอ๋อและพี่สะใภ้ของนางมองตามเงาหลังของป๋ายชิงฝู่ที่หายลับไปในความมืดพร้อมกับหีบ

ไม่นานนัก หีบก็ไล่ตามกลับมาหาพวกเขา ข้างนอกหีบเต็มไปด้วยรอยเลือด

ภรรยาของป๋ายชิงฝู่ปลอบโยนเด็กทารกที่ตื่นขึ้นมาให้หลับต่อ

“พี่ที่นับถือฉิน พวกที่สู้ได้เหลืออยู่ไม่มากแล้ว” ภรรยาของป๋ายชิงฝู่ส่งทารกให้แก่ป๋ายฉวีเอ๋อและปาดปอยผมของนางที่ร่วงลงมา นางแย้มยิ้ม “ยังต้องมีคนคอยสกัดขัดขวางผู้ไล่ล่า ดังนั้นให้ข้ายืมหีบหน่อยเถอะ แต่ข้าอาจจะคืนหีบให้ท่านไม่ได้”

“ฮูหยินของพี่ป๋าย ให้พวกเราตามท่านไปด้วย” ชายหนุ่มและหญิงสาวจำนวนหนึ่งที่แขนขาขาดหายก็ลุกขึ้น

ฉินมู่ผงกหัวและให้ยืมหีบแก่พวกเขา ป๋ายฉวีเอ๋ออ้าปาก แต่ไม่พูดอะไรออกมา

คณะเดินทางมุ่งหน้าต่อไป

ไม่นานนัก หีบก็กลับมาหาพวกเขาอีกครั้ง และมีเสียงตะโกนดุดันดังมาจากข้างหลัง

ฉินมู่แย้มยิ้มและกระโดดขึ้นไปบนหีบ “มังกรอ้วน มานี่ ตาของพวกเราแล้ว ผู้สูงศักดิ์ ไปกับพวกเขาต่อเถอะ”

“มารดาเจ้าสิ!” ผานกงสั่วยันตัวลุกขึ้นและเดินไปยังหีบพลางสบถด่า “ข้ามาที่นี่กับเจ้า หากว่าเจ้าตาย แล้วข้าจะกลับอย่างไรหา ข้าไม่เคยทำเรื่องดีๆ มาก่อน ดังนั้นถือเสียว่านี่เป็นครั้งยกเว้น…มารดามันเอ๊ย!”

“ไม่นะ…” ป๋ายฉวีเอ๋อมองไปที่พวกเขาและระเบิดน้ำตาออกมา

………………

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดย เรื่อง ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods บ้างส่วนของนิยาย

บทนำ นิยายกำลังภายใน แฟนตาซี การผจญภัยของหนุ่มน้อยซุกซนกับการกู้จักรวาล!? อ่านฟรี 80 ตอน ภายใน 10 ธ.ค. 63 เท่านั้น ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่ ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ! ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่ ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา… เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่ นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก! ‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

เรื่องย่อ

‘อย่าออกไปข้างนอกยามฟ้ามืด’

เป็นวลีที่บอกเล่าต่อกันมานมนานในหมู่บ้านชราพิการ แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดรู้ว่าคำกล่าวนี้เริ่มขึ้นเมื่อใด แต่มันเป็นข้อเท็จจริงโดยมิต้องสงสัย

ในหมู่บ้านชราพิการ ท่านยายซีจ้องมองดวงอาทิตย์ที่กำลังดิ่งลับเหลี่ยมเขาด้วยใจกระสับกระส่าย เมื่อดวงตะวันตกสิ้นแสง ทันใดนั้นโลกทั้งโลกก็จมอยู่ในความเงียบงัน ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ สิ่งเดียวที่อาจเห็นได้คือความมืดอันแผ่สยายกลืนกินภูเขา แม่น้ำ และดงป่า กระทั่งมาถึงหมู่บ้านพิการชราและฮุบรวบทั้งหมู่บ้านไว้ในอุ้งเล็บของมัน

สี่มุมรอบอาณาเขตหมู่บ้านมีรูปสลักหินโบราณสี่ตน รูปสลักเหล่านั้นเก่าครำคร่า แม้กระทั่งท่านยายซีก็ไม่รู้ว่าผู้ใดสลักเสลารูปปั้นเหล่านี้ไว้ และตั้งไว้เมื่อใด

เมื่อความมืดครอบคลุม รูปสลักทั้งสี่ต่างเปล่งแสงเรืองหรี่ในห้วงอันธการ เมื่อเห็นรูปสลักส่องแสงเช่นที่เคย ท่านยายซีและผู้ชราคนอื่นๆ ในหมู่บ้านก็ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ความมืดมิดภายนอกยิ่งมายิ่งหนาทึบ แต่ด้วยแสงพิทักษ์ของบรรดารูปสลักหิน หมู่บ้านชราพิการก็ยังคงปลอดภัย

ทันใดนั้น ใบหูของท่านยายซีก็กระดิกพร้อมกับเปล่งเสียงอุทานด้วยความตระหนก “ทุกคน ฟังสิ! มีเสียงทารกร้องอยู่ข้างนอกนั่น!”

ตาเฒ่าหม่าซึ่งอยู่ข้างๆ ส่ายหน้าแล้วกล่าวตอบไป “เจ้าคงหูแว่วไปเอง…เอ๊ะ มีเสียงทารกร้องจริงๆ ด้วย!”

เว้นก็แต่เฒ่าหนวก ผู้ชราทั้งหมดต่างก็หันไปมองซึ่งกันและกันเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงร้องของเด็กทารกแว่วสะท้อนท่ามกลางความมืดมนภายนอกหมู่บ้าน แต่ว่าหมู่บ้านที่ห่างไกลเช่นนี้จะมีทารกมาปรากฏอยู่ใกล้ๆ ได้อย่างไรกัน

“ข้าจะไปดู!”

ท่านยายซีเริ่มเต้นเมื่อนางเขย่งวิ่งไปยังรูปสลักตนหนึ่งในหมู่บ้าน เฒ่าหม่ารีบรุดตามไปด้วยเช่นกัน “ยัยแก่ซี เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง ออกจากหมู่บ้านตอนนี้เท่ากับรนหาที่ตาย!”

“สิ่งร้ายในความมืดนั่นกลัวรูปสลักหิน ข้าคงไม่ตายเร็วนักหรอกหากว่าแบกรูปสลักนี้ออกไปด้วย!”

ท่านยายซีโก้งโค้งตัวลงหมายจะแบกอุ้มรูปสลักศิลา ทว่าด้วยความหลังค่อมของนาง ทำให้มิอาจยกรูปสลักหินขึ้นไปบนหลังได้

เฒ่าหม่าส่ายหน้าระอา “มาให้ข้าทำแทน ข้าจะช่วยแบกรูปปั้นให้!”

ผู้ชราอีกคนเดินกะเผลกมาใกล้ๆ แล้วกล่าว “เฒ่าหม่า เจ้าแบกรูปปั้นนั้นไม่ได้หรอกด้วยแขนด้วนข้างเดียวน่ะ ให้คนแขนครบอย่างข้าทำแทนดีกว่า”

เฒ่าหม่าถลึงตาจ้องอีกฝ่าย “เจ้ายังจะเดินไหวอีกหรือ ไอ้เป๋เอ๊ย แม้ข้าจะมีแขนเดียว แต่กำลังก็เหลือเฟือเว้ย”

ว่าแล้วก็กางขาย่อตัวยกรูปสลักอันหนักอึ้งนั้นด้วยมือเพียงข้างเดียว “ยัยแก่ซี ไปกันได้แล้ว!”

“หุบปาก หยุดเรียกข้าว่ายัยแก่! เฒ่าเป๋ เฒ่าใบ้ ในเมื่อหมู่บ้านนี้ขาดรูปสลักหินไปหนึ่งตน พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองด้วย อย่าให้สิ่งร้ายในความมืดมาสัมผัสได้!”

ยามที่เฒ่าหม่าและท่านยายซีย่างเท้าออกจากหมู่บ้านพิการชรา สิ่งลี้ลับน่าพรั่นพรึงลอยล่องแหวกว่ายในความมืดรอบๆ ตัวพวกเขา หากแต่เมื่อรูปสลักศิลาเปล่งประกายแสงโชน พวกมันก็หวีดร้องเสียงประหลาดก่อนล่าถอยกลับไปสู่ความมืดมิด

หลังจากที่เสาะหาตามเสียงทารกร้องกว่าร้อยก้าวเดิน เฒ่าหม่าและท่านยายซีก็มาถึงริมฝั่งแม่น้ำใหญ่ อันเป็นจุดกำเนิดเสียงทารก แสงจางของรูปสลักมิอาจส่องทางให้เห็นไกลพอ ทั้งคู่จึงต้องอาศัยโสตประสาทในการค้นหาที่มาที่แน่นอนของเสียง ย้อนไปทางต้นน้ำหลายสิบก้าวจึงค้นพบว่าเข้าใกล้จุดกำเนิดเสียงเต็มที แต่ในขณะเดียวกันแขนเดียวของเฒ่าหม่าก็ล้าแทบสุดกำลัง สายตาคมกล้าของท่านยายซีเสาะพบแสงเรืองเล็กๆ ส่องประกายอยู่ไกลๆ แสงเรืองหรี่ดังกล่าวส่องจากตะกร้าสานอันเกยติดกับริมฝั่งน้ำ ที่เดียวกับจุดกำเนิดเสียงร้องของเด็กทารก

“นั่นเด็กจริงๆ ด้วย!”

ท่านยายซีรุดเข้าไปหมายดึงตะกร้าขึ้นมา และต้องตระหนกเมื่อมิอาจดึงขึ้นมาได้ ภายใต้ตะกร้าคือสองมือขาวซีดที่บวมอืดจากการแช่น้ำ สองมือนั้นพยุงตะกร้าและทารกน้อยเหมือนพยายามดันให้ถึงฝั่ง

“วางใจเถอะ เด็กปลอดภัยแล้ว” ยายเฒ่ากล่าวอย่างอ่อนโยนแก่สตรีที่จมอยู่ใต้น้ำ

ราวกับว่าร่างไร้วิญญาณของสตรีนางนั้นสดับรู้คำรับรองของท่านยายซี มือของนางปล่อยจากตะกร้า นางจมหายไปกับความมืดเมื่อกระแสน้ำพัดพาร่างของนางไป

ท่านยายซียกตะกร้าขึ้น ภายในตะกร้าคือเด็กทารกที่ห่อหุ้มไว้ด้วยผ้าอ้อม จี้หยกส่องแสงวาบวามวางอยู่บนผ้าอ้อมอีกที ประกายแสงของจี้หยกช่างเหมือนกับแสงเรืองของรูปสลักหิน เพียงแต่อ่อนล้าริบหรี่กว่าเท่านั้น จี้หยกนี้เองที่ช่วยปกปักษ์ทารกน้อยในตะกร้าจากสิ่งร้ายอันซุ่มซ่อนในความมืด

แสงที่โรยราของจี้หยกทำได้เพียงป้องกันภยันตรายแก่ทารกมิอาจช่วยเหลือสตรีนางนั้น

“เด็กผู้ชายนี่นา”

เมื่อกลับไปยังหมู่บ้านชราพิการ คนในหมู่บ้านทั้งหมดซึ่งล้วนแต่แก่เฒ่า อ่อนแรง ป่วย และพิการ ต่างมารวมตัวกัน ท่านยายซีลอกผ้าอ้อมออกเพื่อเพ่งพิศดูทารกให้ถนัดถนี่ เมื่อนั้นปากของนางอันแทบไม่เหลือฟันซี่ดีก็ฉีกเป็นรอยยิ้มแฉ่ง “ในที่สุด หมู่บ้านพิการชราของเราก็มีสมาชิกที่ครบสามสิบสอง!”

เฒ่าเป๋ ผู้ซึ่งเหลือขาเพียงข้างเดียวเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เจ้ากะจะเลี้ยงเขาจริงๆ น่ะหรือ ยัยแก่ซี? พวกเราดูแลตัวเองยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! ข้าว่าส่งเขาไปให้คนอื่นเลี้ยงดีกว่า…”

ท่านยายซีมีน้ำโหขึ้นมา “ข้า! ยายแก่คนนี้ ตกเด็กมาได้ด้วยกำลังของข้าเอง ทำไมจะต้องยกไปให้คนอื่น”

สมาชิกหมู่บ้านทั้งหมดหงอทันที และไม่กล้าขัดคอนางอีกต่อไป ในตอนนั้นผู้ใหญ่บ้านถูกหามมาบนแคร่ สถานการณ์ของเขานั้นย่ำแย่กว่าผู้ชราอื่นๆ ด้วยว่าอย่างน้อยผู้ชราเหล่านั้นก็ยังแขนขาเหลืออยู่บ้าง ทว่าผู้ใหญ่บ้านไร้แขนปราศจากขาโดยสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างไรทุกคนในหมู่บ้านก็เคารพเขาเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ท่านยายซีผู้ดุร้ายก็มิกล้าล่วงเกิน

“ในเมื่อพวกเราตกลงว่าจะเลี้ยงเขา ตั้งชื่อให้เขาหน่อยดีไหม” นางเอ่ยถาม

ผู้ใหญ่บ้านกล่าวตอบไป “ยัยเฒ่า เจ้าเห็นสิ่งอื่นในตะกร้าอีกหรือไม่”

ท่านยายซีหันไปรื้อตะกร้าดูจนถ้วนถี่ แล้วสั่นศีรษะ “นอกจากจี้หยกนี้ ก็ไม่มีอะไรแล้ว มีคำว่า ‘ฉิน’ สลักอยู่บนจี้ เนื้อหยกทั้งไร้ราคีและมีพลังอำนาจพิสดาร นี่ต้องไม่ใช่สิ่งสามัญธรรมดาแน่…หรือว่าจะมาจากตระกูลใหญ่”

“ตั้งชื่อเขาว่าฉิน หรือให้แซ่ว่าฉินดีล่ะ”

ผู้ใหญ่บ้านใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนให้คำตอบ “ให้เขาแซ่ฉิน นามมู่ เรียกฉินมู่ เมื่อเขาโตขึ้น สอนให้เขาเลี้ยงแกะเลี้ยงวัว นั่นน่าจะพอเลี้ยงชีพเขาได้”

“ฉินมู่” ท่านยายซีจ้องมองทารกแบเบาะผู้ซึ่งไม่เกรงกลัวนางแถมยังหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างไร้กังวล

เสียงขลุ่ยแว่วสะท้อนข้ามฝั่งน้ำ โคบาลหนุ่มน้อยนั่งอยู่บนหลังวัวเล่นท่วงทำนองพลิ้วไหวจากเลาขลุ่ย อายุของเด็กเลี้ยงวัวราวสิบเอ็ดถึงสิบสองปี เขามีเครื่องหน้าที่งามละเอียด มีริมฝีปากแดงเรื่อและฟันขาวสะอาด คอเสื้อของเขาที่เปิดออกครึ่งหนึ่งเผยให้เห็นจี้หยกห้อยลงมากลางอก

เด็กผู้นี้ย่อมเป็นทารกที่ท่านยายซีเก็บได้จากริมฝั่งน้ำเมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว ท่านยายซีอุตส่าห์ไปเสาะหาแม่วัวมาเพื่อว่ายามที่ฉินมู่ยังแบเบาะจะได้มีน้ำนมดื่มกิน ทว่าไม่มีใครรู้ว่าท่านยายซีไปได้แม่วัวมาจากไหน

แม้ว่าสมาชิกหมู่บ้านชราพิการล้วนแต่ดุร้ายทมิฬ แต่ทุกคนเมตตารักใคร่ฉินมู่เป็นอย่างยิ่ง ท่านยายซีเป็นช่างเย็บผ้า ฉินมู่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่เรียนวิธีเย็บปักจากท่านยายซี เรียนรู้วิธีแสวงหาและกลั่นสมุนไพรจากนักปรุงยา เรียนวิชาขาจากท่านปู่เป๋ เรียนวิธีฟังตำแหน่งเสียงจากท่านปู่บอด และเรียนวิธีหายใจอย่างถูกต้องจากผู้ใหญ่บ้านแขนขาด้วน เช่นนี้แล้ววันเวลาของเขาจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

วัวตัวนั้นเป็นแม่นมให้กับเขาตั้งแต่ตอนเป็นทารก คราแรกท่านยายซีกะว่าจะขายนางทิ้งไปเมื่อหมดประโยชน์ แต่ฉินมู่ไม่อยากให้ขาย งานเลี้ยงวัวจึงตกเป็นหน้าที่ของเขา

ฉินมู่มักจะพาวัวไปกินหญ้าตามริมฝั่งแม่น้ำ พลางชื่นชมขุนเขาเขียวและเมฆสีขาวอมฟ้า

“ฉินมู่! ฉินมู่ ช่วยข้าที!”

ทันใดนั้น แม่วัวที่ฉินมู่กำลังขี่อยู่ก็เริ่มต้นส่งเสียงพูด ทำให้เขาตระหนกจนกระโดดลงจากหลังของมัน ฉินมู่เห็นน้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของแม่วัว นางกล่าวด้วยภาษามนุษย์ “ฉินมู่ เจ้าดื่มกินนมของข้ามาแต่เล็ก นับได้ว่าเป็นมารดาคนหนึ่งของเจ้า เจ้าต้องช่วยข้า”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน