บทที่ 492 จะสู้หรือหนีดี?
สามปีมานี้ยานอวกาศซี-หวั้งขับเคลื่อนโค้งตลด เนื่องจากปัญหาเทคนิค ในตอนที่ขับทางโค้ง ยานอวกาศซี-หวั้งไม่สามารถรับรู้สถานการณ์ด้านนอกได้
สามปีก่อน ในตอนที่พวกเขาออกเดินทางอีกครั้ง ได้ทำการทดสอบสถานการณ์และระยะห่างกับพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbเป็นครั้งสุดท้าย ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร
แต่ตอนนี้ พอออกจากห้วงอวกาศโค้งเรียบร้อยแล้ว ลู่เฉินที่อยู่ในห้องผู้บัญชาการก็สัมผัสได้ถึงอันตรายแปลกๆ
เขารีบหันไปมองหน้าจอ พบว่าชั้นอากาศด้านนอกของพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbมีอาวุธคล้ายกับลูกข่างพุ่งมาทางยานอวกาศซี-หวั้งด้วยความเร็วสูง
ในเวลาเดียวกัน ฝ่ายทหารก็จับสัญญาณอาวุธพวกนี้ได้เหมือนกัน ตู้เฟยรีบติดต่อลู่เฉินทันที
“พร็อกซิมาคนครึ่งม้าbมีอารยธรรมต่างดาวอยู่ พวกเขาได้โจมตีเราแล้ว ดูจากการวิเคราะห์ในเบื้องต้น สิ่งที่พวกเขายิงออกมาเป็นระเบิดชั้นสูง น้ำหนักหนึ่งลูกอาจจะถึงสิบล้านตันเลยทีเดียว ถ้าโดนเข้าไป ลูกเดียวก็สามารถทำลายยานอวกาศซี-หวั้งได้ทั้งลำ พวกเรายังมีเวลาอีกห้านาทีในการรับมือ” ตู้เฟยบอก
“สกัดไว้ทั้งหมด เตรียมรับศึก สัญญาณเตือนระดับS” ลู่เฉินสั่งการอย่างไม่ลังเลทันที
“ครับ” ตู้เฟยรับคำและวางสายกับลู่เฉินไป
ลู่เฉินหันไปโทรสายตรง ให้พวกเขารีบวิเคราะห์พร็อกซิมาคนครึ่งม้าbให้เร็วที่สุด”
ในเวลาเดียวกัน ได้ให้เฉินชูแจ้งที่ประชุมจัดการประชุมด่วนพิเศษขึ้นมา
ตอนนี้ในห้องผู้บัญชาการทางทหาร ตู้เฟยได้สั่งการเตรียมรับศึกด่วนระดับSไปแล้ว ยานป้องกันเบอร์001ได้ยิงระเบิดออกไปสกัดกั้นระเบิดของฝั่งนั้นได้ทัน
ระเบิดขั้นสูงสิบกว่าลูกโดนสกัดกั้นและระเบิดกลางอากาศ ไม่ได้เกิดเป็นเมฆลอยอย่างโอเวอร์อะไร แต่กลับปรากฎพลังงานแสงระดับสูงสิบกว่าเส้น
ความสว่างของพลังงานนี้ ต่อให้อยู่ไกลกันเป็นพันกิโลเมตร มองจากบนยานอวกาศซี-หวั้งไป ยังแสบตาเลย
ลู่เฉินเองก็เห็นภาพระเบิดสิบกว่าลูกระเบิดจากจอห้องผู้บัญชาการเหมือนกัน
เขารีบเปิดหน้าจอและใช้โปรแกรมคำนวณวิเคราะห์ข้อมูลด้านต่างๆหลังจากระเบิดสิบกว่าลูกนั่นระเบิดออกมา
หนึ่งนาทีผ่านไป เขาได้ผลสรุปออกมา ระดับที่อีกฝ่ายสร้างระเบิดออกมา พอๆกันกับระดับก่อนมนุษย์ออกจากโลก
ซึ่งหมายความว่า ระดับเทคโนโลยีของมนุษย์ในการสร้างอาวุธ อย่างน้อยก็ล้ำหน้าอารยธรรมบนพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbประมาณแปดถึงสิบปี
แน่นอน นี่เป็นผลการประมวลผลตามการพัฒนาตามปกติ
หลังจากแปดปีก่อนที่ได้รับเทคโนโลยีชนเผ่าหลันที่ระบบสุริยะมา เทคโนโลยีของมนุษย์โลกได้รับการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ตอนนี้สามารถเข้าสู่ระดับอารยธรรมกาแล็คซี่ระดับสองได้แล้ว
แต่ลู่เฉินมั่นใจเลยว่า เทคโนโลยีของอารยบนพร็อกซิมาคนครึ่งม้าb อย่างมากก็เป็นระดับปลายของอารยกาแล็คซี่ระดับหนึ่ง บางทีอาจจะไม่ถึงระดับปลายด้วย
พูดแบบนี้ ด้วยเทคโนโลยีของยานอวกาศซี-หวั้งตอนนี้สามารถสู้กับพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbได้สบายๆ
พอค้นพบเรื่องนี้ มันทำลู่เฉินถอยหายใจโล่งอกเลยทีเดียว
แต่ข้อมูลตัวเลขจริง คงต้องรอฝ่ายวิจัยให้ข้อมูลตัวเลขมากกว่านี้ถึงจะจัดการได้
ตอนนี้ในห้องประชุม ระดับสูงยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
การประชุมด่วนแบบนี้ มักจะทำให้ทุกคนกังวลเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
การประชุมครั้งนี้ฝ่ายทหารส่งมาแค่อวู่กวางเจิ้งมาเท่านั้น
ตู้เฟยกำลังประชุมกับกำลังพล เตรียมเปิดศึกกับฝ่ายพร็อกซิมาคนครึ่งม้าb
“ทุกคน พวกเราสามารถมาถึงทางเลี้ยวของพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbได้สำเร็จแล้ว แต่ว่าเหนือความคาดหมายของเรา บนพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbมีอารยธรรมต่างดาวอยู่ ประมาณครึ่งชม.ก่อนพวกเขาได้ยิงระเบิดน้ำหนักกว่าสิบล้านตันใส่เราสิบสี่ลูก นี่เป็นการท้าทายและข่มขู่มนุษย์เรา ดังนั้นต่อมาพวกเรามนุษย์ ถ้าไม่รบกับพวกเขาสักยก หรือไม่ก็จากไปเงียบๆ!” ลู่เฉินพูดพลางกวาดตามองทุกคน
ใช้เวลาสามปีกว่าจะเข้าสู่ช่วงทางโค้ง ทุกคนต่างใช้ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนาเศรษฐกิจของชาวบ้าน ดังนั้นเลยได้ประชุมไม่กี่ครั้ง
“บนพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbมีมนุษย์ต่างดาว? ระดับเทคโนโลยีของพวกเขาเป็นระดับไหน พวกเรารู้ไหม?” เซ่เว่ยเหามองหน้าลู่เฉินด้วยสายตาตกตะลึง
ถึงแม้จำนวนมนุษย์บนยานอวกาศซี-หวั้งตอนนี้จะมีมากเกินกว่าหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นคนแล้ว เขาในฐานะหัวหน้ารัฐบาลใหม่ของมนุษย์ยังคงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่
แต่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องอาศัยอยู่บนพื้น มาอยู่บนยานอวกาศซี-หวั้งเป็นเวลานาน หลายคนต่างเครียดและมีความเก็บกดในใจกันพอดู
และหลายปีนี้ เริ่มมีเสียงโอดครวญจากประชาชน ถ้าครั้งนี้ละทิ้งพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbไป พวกเขาจะไปที่ไหนกันอีกล่ะเนี่ย?
เมื่อไหร่ถึงจะหาดาวเคราะห์ที่สามารถอยู่ได้อีกกันล่ะ?
“ข้อมูลโดยละเอียดต้องรอฝ่ายวิจัยก่อน แต่ตามระดับการพัฒนาระเบิดของพวกเขา ล้าหลังกว่าพวกเรามากนัก แต่ว่าถ้าพวกเราเปิดศึกกับพวกเขา นั่นก็คือคนแสนกว่าคนสู้รบกับดาวดวงหนึ่ง” ลู่เฉินพูด
ทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบ
ประชาชนกว่าหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นคนไปสู้กับดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง?
ไม่มีใครกล้าคิดว่าผลมันจะเป็นยังไง
“ไม่งั้นพวกเราลองไปหาดาวเคราะห์อื่นดูละกัน ยังไงซะตอนนี้พวกเราก็สามารถขับเคลื่อนยานความเร็วสูงได้แล้ว” ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งพูดขึ้น
“ดาวเคราะห์หินอยู่ใกล้พวกเรามากที่สุด เป็นไปได้มากกว่าจะสามารถอยู่ได้ ชื่อว่าKapteyn b มันอยู่ห่างจากเราประมาณสิบปีแสงได้ ต่อให้พวกเขาขับเคลื่อนทางโค้ง ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยแปดปีถึงจะไปถึงได้ แถมยังไม่รู้อีกด้วยว่ามันจะอยู่ได้ไหม
แล้วตอนนั้นเราค่อยไปหาดาวดวงใหม่อยู่กันอีกหรอ?”
ลู่เฉินมองไปทางระดับสูงคนนั้น จากนั้นเปิดหน้าจอขึ้น และมีเว็บหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าจอ เขากดเข้าไป บนนั้นปรากฏตัวหนังสือหนึ่งบรรทัด: ข้อมูลดาวอาศัยสิบดาว
เขากดเข้าไปดู และปรากฏภาพดาวเคราะห์หินขึ้นมา
“ดาวเคราะห์ดวงนี้ชื่อว่าHD 85512b ใหญ่กว่า3.6เท่าของโลกด้วยซ้ำ อยู่ห่างจากโลก35ปีแสง HD 85512b ตำแหน่งVela โคจรรอบดาวเคราะห์สีส้ม พวกเราวิเคราะห์ได้แค่ว่าน่าจะมีน้ำ แต่จะมีสิ่งมีชีวิตหรือว่าชั้นบรรยากาศเป็นไงก็ยังไม่รู้…”
ลู่เฉินอธิบายถึงดาวเคราะห์ดวงอื่นที่เป็นไปได้ว่าจะอยู่อาศัยได้ แต่นอกดาวดวงนั้นที่อยู่ห่างไปสิบปีแสง ดวงที่ใกล้สุดรองลงมาคือสิบเจ็ดปีแสง อันดับสามคือห่างไป35ปีแสง ดวงหลังๆห่างไป2000ปีแสงยังมีเลย
ดังนั้นความหมายของลู่เฉินชัดมากแล้ว ถ้าพวกเขาละทิ้งพร็อกซิมาคนครึ่งม้าb งั้นชาตินี้พวกเขาอาจจะหาดาวอาศัยไม่ได้เลยก็ได้
นอกเสียจากว่ามนุษย์จะสามารถมีเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อหาประโยชน์จากช่องว่างห้วงอวกาศเปลี่ยนผ่าน หรือไม่ก็ประตูทะลุมิติอะไรแบบนั้นที่ไม่ต้องสนใจระยะห่างในกาแล็คซี่ในเวลาอันสั้นได้
แต่พูดแบบไม่เกินจริงเลยนะ ตอนนี้เทคโนโลยีพวกนั้นมีแค่ในจินตนาการเท่านั้น หรือแม้กระทั่งไม่มีอยู่ในทฤษฎีใดๆด้วย ไม่มีการพัฒนาเป็นพันๆปีขึ้นไป ไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก
“ผมมั่นใจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่า ระดับเทคโนโลยีพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbล้าหลังกว่าเราหนึ่งระดับเลย ถ้าพวกเราเปิดศึกกับพวกเขา เปอร์เซนต์ที่จะเอาชนะได้มามากกว่า60%เลย งั้นตอนนี้ ทุกคนโหวตละกัน จะสู้หรือไป ฝั่งไหนมากกว่าก็ชนะ”
ถึงลู่เฉินจะเป็นหัวหน้ายาน มีอำนาจในการตัดสินใจ
แต่เขาอยากดูความเห็นของทุกคน