บทที่ 495 รับสมัคร
“พวกเขาถามว่าเรามาจากดาวไหนกัน ทำไมต้องมารุกรานดาวเขา? ยังข่มขู่พวกเราว่า จะให้เวลาพวกเราคิดหนึ่งวัน ถ้ายังไม่จากไปอีก พวกเขาจะยิงระเบิดมาทำลายพวกเรา” ติงต้าเฉิงบอก
“ฮะฮะ ดูท่าพวกเขาโจมตีสามครั้งไม่เกิดผลอะไร เริ่มกลัวขึ้นมาแล้วสิเนี่ย” ลู่เฉินหัวเราะบอก
“ใช่ ดูจากน้ำเสียงของพวกเขาแล้ว พวกเขาเริ่มกลัวพวกเราแล้วล่ะ” ติงต้าเฉิงพูด
“อืม นายใช้ภาษาพวกเขาส่งข้อความหนึ่งไป จะได้ไม่ทำให้พวกเขาเสียเวลามาแปลภาษาจีนของพวกเรา” ลู่เฉินบอก
“ด้วยเทคโนโลยีของพวกเขา ผมเดาว่าพวกเขายากที่จะแปลภาษาจีนของเราในเวลาอันสั้นนะ” ติงต้าเฉิงหัวเราะอย่างสบายใจ
“อืม นายบอกพวกเขา พวกเราแค่ผ่านมาดาวเขา ไม่ได้คิดจะโจมตีหรือรุกราน ตอนนี้พวกเราขาดพลังงานนิดหน่อย หวังว่าพวกเขาจะสามารถให้เราได้ พวกเราจะใช้เทคโนโลยีที่พวกเขาไม่มีไปแลกละกัน” ลู่เฉินพูดยิ้มๆ
“ได้ ผมจะไปจัดการ” ติงต้าเฉิงพูดก่อนวางสายไป
“พระเจ้า นายนี่ร้ายจริงนะ” พอลู่เฉินวางสายลง ตู้เฟยเอามือตบขาดังฉาด สายตาคมปลาบเป็นประกาย
“นายพึ่งรู้หรือไง หัวหน้าน่ะปกติก็ร้ายแบบนี้แหละ” เฉินชูยิ้มสนับสนุน
เธอเองก็เข้าใจความหมายของลู่เฉินแล้ว
ตอนนี้ฝีมือที่พวกเขาแสดงออกมา ทำให้คนแคระบนพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbเริ่มกลัวแล้ว
ถ้าอย่างนั้น ถ้ามนุษย์แสดงท่าทีว่าไม่คิดจะรุกรานดาวพวกเขา ในใจพวกเขาก็จะมีความหวัง
ขอเพียงในใจพวกเขามีความหวัง ก็จะไม่มีทางเปิดศึกกับมนุษย์
ถ้าอย่างนั้น มันจะมีส่วนช่วยอย่างมากให้การลงจอดดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้าbของพวกเขาประสบความสำเร็จ
อย่างน้อยในขั้นตอนการลงจอด จะสามารถลดเปอร์เซนต์อันตรายลงไปได้มาก
“ถ้าพวกเขาไม่รับปากล่ะ?” ตู้เฟยมองลู่เฉิน
“ไม่รับปาก?”
ลู่เฉินหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวน และยื่นให้ตู้เฟยมวนหนึ่ง
“พวกเขาไม่รับปาก ก็สู้จนกว่าพวกเขาจะรับปาก” ลู่เฉินพูดหลังจากพ่นควันบุหรี่ออกมา
“จริงสิ ระเบิดgauss rifleที่ให้กับฝ่ายทหารพวกนายมีกี่ลูกนะ?” ลู่เฉินถามตู้เฟย
หลายปีก่อนบนดาวอังคาร ระเบิดgauss rifleที่พึ่งสร้างออกมา แทบจะไม่ได้ทดสอบเลยด้วยซ้ำ ล้วนยิงไปโจมตีแดนใต้ดาวอังคารหมดแล้ว
หลายปีมานี้ ทรัพยากรพวกเขาพรั่งพร้อม เลยได้เริ่มพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ไปซะส่วนใหญ่
ระเบิดgauss rifleนี่เป็นตัวหลักเลย
แน่นอน หลังจากการพัฒนาหลายปีมานี้ อานุภาพของระเบิดgauss rifleได้ล้ำหน้าระเบิดเดิมไปมากแล้ว แถมยังมีคุณค่ามาก กลาบเป็นหนึ่งในอาวุธยุทโธปกรณ์สำคัญทางการรบของฝ่ายทหารไปแล้ว
ระเบิดgauss rifleอานุภาพไม่แรงเท่าระเบิดปรมาณู แต่มันมีข้อดีตรงไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
“หนึ่งพันยี่สิบแปดลูก แต่ละลูกหนักยี่สิบล้านตันได้” ตู้เฟยพูด
“งั้นดี ถึงเวลานั้นก็ส่งไปให้พวกเขาสักหลายสิบลูกก่อน ให้เขาได้ลองดูความร้ายกาจของมนุษย์เราแล้วค่อยว่ากัน” ลู่เฉินพูดกลั้วหัวเราะ
เทคโนโลยระเบิดนำทางในตอนนี้ มีความเร็วอย่างน่ากลัว แทบจะไม่ใช่อะไรที่ระบบป้องกันของอารยธรรมระดับนี้สามารถสกัดได้เลย
“อืม งั้นฉันไปเตรียมตัวก่อนนะ” ตู้เฟยบอก
“ไปเถอะ มนุษย์เรามีทหารแค่นี้ ต้องวางแผนให้ดี ลดอัตราการบาดเจ็บหรือล้มตายให้ได้มากที่สุด” ลู่เฉินกำชับ
ที่ลู่เฉินคิดคือ ถ้าอัตราบาดเจ็บล้มตายเป็นศูนย์ ก็ยึดครองพร็อกซิมาคนครึ่งม้าb
ถึงความคิดนี้จะเหิมเกริมและบ้าคลั่งมาก
แต่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบอย่างนี้ ภายใต้การวางแผนที่รัดกุมของพวกเขา โอกาสชนะก็ยังมีมากอยู่
ในตอนที่พวกระดับสูงอย่างลู่เฉินกำลังวางแผนอย่างรัดกุม
ทางด้านประชาชน รัฐบาลมนุษย์ได้เริ่มกิจกรรมเกณฑ์ทหาร
ศึกครั้งนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตของมนุษย์ เอาแค่กำลังทหารสองหมื่นนี่ไม่พอแน่นอน
ดังนั้นเลยคิดจะหาทหารเกณฑ์สักสามหมื่นคน
ไม่เพียงแค่นั้น ยังต้องหาทหารสนับสนุนอีกด้วย
แน่นอนว่า คนที่เป็นแนวหน้าในการสู้รบไม่ใช่ทหารพวกนี้หรอก
แต่เป็นทหารหุ่นยนต์
หลังจากหลายปีก่อนดูดซับเทคโนโลยีชนเผ่าหลันไป ก็ได้ยอมรับหุ่นยนต์เป็นหมื่นตัวที่พวกเขาเหลือไว้นั่นด้วย
หุ่นยนต์พวกนั้นเป็นหุ่นยนต์การบทั้งหมด เหมาะสมในการเป็นแนวหน้าสู้รบตอนลงจอดพื้นดินที่สุดแล้ว
ในตอนที่หุ่นยนต์ทำลายกำลังคู่ต่อสู้ไปมากแล้ว จะเป็นเวลาที่ทหารมนุษย์เข้าไปเก็บซาก
“ผมคิดจะไปเกณฑ์ทหาร”
ตกกลางคืนหลังจากโจวเจินเฟ่ยกลับไป ก็พูดกับหวังผิงซึ่งเป็นภรรยาเขา
ครั้งก่อนที่ไททัน โจวเจินเฟ่ยโดนระเบิด แต่ได้รับการช่วยไว้ได้ และกลายเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของมนุษย์
ต่อมารัฐบาลได้ให้รางวัลเขามากมาย และให้เขาไปอยู่ชั้นสาม
คนที่สามารถอยู่ชั้นสามได้ล้วนเป็นทหารที่มีฝีมือสุดยอด จากนั้นเขาก็ได้เจอกับหวังผิง ต่อมาทั้งคู่แต่งงานกัน และตอนนี้ลูกของพวกเขามีอายุห้าขวบแล้ว
“ครั้งนี้เป็นการสมัครใจเกณฑ์ทหาร คุณคิดให้ดีนะ เกิดคุณเป็นอะไรไป ฉันกับลูกจะทำยังไง?” หวังผิงไม่ได้ปฏิเสธในทันที แต่ให้โจวเจินเฟ่ยเลือกเอง
“ผมรู้ แต่ผมได้ยินมาว่า ความหมายของหัวหน้าคือจะยึดครองดาวนั้น ให้พวกคนแคระเป็นทาสมนุษย์เรา ถึงเวลานั้นมนุษย์ก็จะได้ปักหลักอยู่บนดาวดวงนั้นเลย
คุณลองคิดดูนะ ถ้าตอนนี้ผมไปเกณฑ์ทหาร พอยึดครองดาวนั้นได้เสร็จ ผมเป็นหนึ่งในผู้ร่วมรบ นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ตระกูลโจวของเราจะได้เข้าสู่ชั้นบริหารนะ” โจวเจินเฟ่ยพูดหลังจากคิดแล้ว
หวังผิงไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าเธอดูออกว่าสับสนมาก
ถึงเธอจะทำงานที่รัฐบาล แต่เธอยึดหลักความมั่นคง
ที่จริงเธอไม่ได้มีความโลภอะไร เลยไม่ค่อยเข้าใจความคิดโจวเจินเฟ่ยเท่าไหร่นัก
โจวเจินเฟ่ยเกิดมาในตระกูลสูงแต่เด็ก ใช้ชีวิตแบบคุณชายมาตลอด
หลายปีมานี้ใจเขาเริ่มสงบลง ถึงจะผ่านความลำบากมามากมาย แต่ในใจส่วนลึกของเขาก็ยังมีความฝันของตัวเองอยู่
นั่นก็คือ วันหนึ่งเขาจะให้ตระกูลโจวของเขาได้กลับไปเป็นหนึ่งในชั้นบริหารของมนุษย์อีกครั้ง
ถึงแม้ว่าตอนนี้ตระกูลโจวของเขาจะเหลือครอบครัวเขาสามคนและโจวเฉินเฉินองสาวของเขาเท่านั้น
“เอาเถอะ ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันสนับสนุนการตัดสินใจของคุณ” หวังผิงพูดอย่างสงบ
“แต่มีเรื่องหนึ่งคุณต้องจำไว้นะ ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ ลูกรอคุณกลับบ้าน!” หวังผิงมองโจวเจินเฟ่ยอย่างมั่นคงหนักแน่น
“เมียจ๋า วางใจเถอะ ถึงผมอาจจะไม่ได้เป็นวีรบุรุษ แต่ผมจะเป็นตัวอย่างที่ดีของลูกเราแน่ เป็นความภาคภูมิใจของคุณ!” โจวเจินเฟ่ยกำหมัดแน่นอย่างมั่นใจ