บทที่ 500 การก่อสร้างครั้งใหญ่
นับตั้งแต่ยานอวกาศซี-หวั้งลงจอด มวลชนต่างก็ดีอกดีใจกันเป็นธรรมดา
พวกเขาไม่ได้เหยียบพื้นมาสิบปีแล้ว!
เมื่อผู้คนทั้งหมดออกจากยานอวกาศซี-หวั้ง หลายคนน้ำตาคลอเบ้า หลายคนร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
ในตอนนี้ลู่เฉินก็มีน้ำตาคลอด้วยเช่นกัน
การกุมพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBมาได้นั้นกล่าวได้ว่าเป็นความดึงดันของเขาเอง
ในช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ เขาถึงจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้
หลังจากสิบปีแห่งการเดินทางในอวกาศที่อ้างว้าง พวกเขายังได้พบบ้านหลังใหม่สำหรับมนุษยชาติ
ด้วยการลงจอดของยานอวกาศซี-หวั้ง กิจการการสร้างเมืองหลวงก็เริ่มทยอยพัฒนาขยายใหญ่ออกไป
แม้เมืองหลวงของประเทศเล๋ยเสินจะเจริญรุ่งเรือง แต่ก็เป็นเพียงสิ่งก่อสร้างของชนเผ่าคนแคระเท่านั้น
สุนทรียภาพของมนุษย์และชนเผ่าคนแคระยังคงแตกต่างกันมาก
อีกนัยหนึ่งก็คือสิ่งก่อสร้างของชนเผ่าคนแคระมีขนาดเตี้ยและเล็ก
ในเวลาเดียวกันจัตุรัสขนาดยักษ์จะถูกสร้างขึ้นในใจกลางเมืองหลวง ส่วนชื่อก็คิดไว้ก่อนแล้ว
นั่นก็คือจัตุรัสมนุษย์
นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งในรูปแบบต่างๆ การเดินสายไฟ การเลือกตำแหน่งที่ตั้ง ขนาดเล็กใหญ่ ฐานสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงการวางแผนผังของสิ่งก่อสร้างโดยรอบ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาที่สถาปนิกมืออาชีพจะต้องพิจารณา
ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนที่ลู่เฉินเดินทางออกจากโลกมานั้น เขาได้เลือกสุดยอดหัวกะทิมากมาย แม้ปกติคนเหล่านี้จะไม่มีประโยชน์เมื่ออยู่บนยานอวกาศซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าเทียบไม่ได้กับนักวิทยาศาสตร์
แต่เมื่อเริ่มทำการก่อสร้างบนดาวเคราะห์ บทบาทของพวกเขาก็ปรากฏออกมา แน่นอนว่าการก่อสร้างเหล่านี้ต้องใช้เวลา แต่เมื่อมีการพูดคุยกันว่าควรจะสร้างรูปปั้นไม่กี่ตัวในนั้น ปัญหาจริงๆก็เกิดขึ้น
เพราะนี่คือจัตุรัสมนุษย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการได้โลกใหม่ จัตุรัสที่สร้างขึ้นในนามของเผ่าพันธุ์จะทำแบบส่งๆได้อย่างไร?
ในแง่ของวัสดุจะเกิดการฉ้อโกงไม่ได้แม้แต่นิดเดียว สิ่งสำคัญคือความใหญ่โตมโหฬารที่มีความประณีตโดยเฉพาะรูปปั้นที่นำเสนอ
หนึ่งคือมีรูปปั้นมนุษย์ชายหญิงยืนอยู่ทางทิศเหนือและทิศใต้ของจัตุรัส จากนั้นดาวเคราะห์สีน้ำเงินเข้มซึ่งเป็นรูปปั้นรูปโลกก็สร้างขึ้นทางทิศตะวันออก ทางทิศตะวันตกจะวางด้วยรูปปั้นของยานอวกาศซี-หวั้งขนาดย่อส่วนไว้ และสุดท้ายตรงกลาง
เดิมทีข้อเสนอของชนระดับสูงคือการสร้างรูปปั้นของลู่เฉิน ถ้าไม่เป็นเพราะลู่เฉิน มนุษย์ก็คงไม่มีวันนี้
แต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธโดยตรง เขาเสนอให้สร้างรูปปั้นวีรบุรุษ
นั่นก็คือรูปปั้นของวีรบุรุษมนุษย์หลายชีวิตที่เสียสละชีพเพื่อยานอวกาศซี-หวั้งในช่วงระยะเวลาประมาณสิบปีที่ออกจากโลก
โดยต้องมีชายหญิง ในขณะเดียวกันก็ต้องแสดงลักษณะของคน 3 กลุ่มคือผิวขาว ผิวเหลือง ผิวดำ รวมไปถึงการรำลึกถึงผู้เสียสละและการสื่ออารมณ์ที่ยิ่งใหญ่ของผู้เสียสละ
เนื่องจากรูปปั้นเหล่านี้อยู่ในประเภทงานศิลปะ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างด้วยเครื่องจักร
แต่น่าเสียดายที่ตอนจากโลกนั้นมา พวกเขาไม่ได้พานักศิลปะคนใดมาด้วยเลย
ท้ายที่สุดแล้วศิลปะก็เป็นส่วนสำคัญของอารยธรรมมนุษย์
แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่รอดเหมือนการกินข้าว หากต้องพานักศิลปะมาด้วยไม่สู้พานักภาษาศาสตร์หรือนักบัญชีพวกนั้นมาไม่ดีกว่าหรือ
ด้วยเหตุนี้จนถึงตอนนี้ ยังไม่พบนักศิลปะในบรรดาคนชรามากกว่า 100,000 คนทั้งหมดในยานอวกาศที่มาจากโลกที่สามารถรับผิดชอบงานปั้นได้เลย นี่จึงทำให้ลู่เฉินและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงต่างปวดเศียรเวียนเกล้า
“ชนเผ่าคนแคระล่ะ ไม่กี่วันมานี้ผมสังเกตเห็นงานศิลปะหลายประเภทของพวกเขาแล้ว ไม่อยากจะบอกว่า พวกเขามีความรู้ลึกซึ้งในด้านศิลปะอย่างมาก ที่แน่ๆคือมากกว่าพวกเราไปมาก”
สำหรับปัญหานี้ ตู้เฟยก็ได้ให้คำแนะนำที่ดีกับลู่เฉิน
นั่นคือการรับสมัครคนแคระมาช่วยพวกเขาทำสิ่งเหล่านี้
ตอนนี้พวกเขาได้ควบคุมทวีปฟ้าร้องทั้งหมดอย่างเบ็ดเสร็จ ประเทศน้อยใหญ่สิบกว่าประเทศในทวีปฟ้าร้องจะต้องให้เกียรติเผ่าพันธุ์มนุษย์ มิฉะนั้นจะทำลายประเทศของพวกเขาโดยตรง
หลังจากได้เห็นพลังทางการทหารของมนุษย์ที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว คนแคระก็ยอมจำนนโดยสิ้นเชิง
การบาดเจ็บล้มตายหลายพันคนแลกกับการเสียชีวิตของคนแคระหลายสิบล้านเป็นช่องว่างที่แตกต่างกันเกินไป
ในความคิดของคนแคระ มนุษย์ทั้งสูงใหญ่และทรงพลัง
เหมือนเทพเจ้าที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว
หลังจากการสรรหาและคัดเลือกรอบแรก ในที่สุดก็มีการคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักหลายร้อยคน
เมื่ออยู่ต่อหน้ามนุษย์ ชนเผ่าคนแคระเหล่านี้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำงานอย่างเชื่อฟัง
อย่างไรก็ตามลู่เฉินได้คัดเลือกมนุษย์มามากกว่าร้อยคนที่เกี่ยวข้องกับแวดวงศิลปะ จากนั้นก็ให้พวกเขาเรียนรู้ศิลปะการแกะสลักจากคนแคระเหล่านี้
ในไม่ช้ามนุษย์มากกว่าหนึ่งร้อยคนเหล่านี้จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลปะในอนาคต
นี่เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถทำสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน
สรุปคือปัจจุบันมนุษย์ล้วนสุขและทุกข์คละเคล้ากันไป
ทุกวันได้เห็นเมืองหลวงใหม่ของมนุษย์ผุดขึ้นมา ทุกวันก็ยุ่งแทบตาย
โดยพื้นฐานแม้แต่เวลาเดินเล่นบนพื้นหญ้าก็สามารถเพลิดเพลินได้ แต่จะทำแบบนั้นได้ก็ต่อเมื่อช่วงเข้างานตอนรุ่งสางหรือเลิกงานตอนพลบค่ำได้เท่านั้น
แน่นอนว่าบนพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBมีผลไม้หรือผักป่าหลากหลายรสชาติ รวมไปถึงอาหารป่าและอาหารทะเลหลากหลายชนิด
สิ่งเหล่านี้เป็นความเพลิดเพลินที่สวยงาม อาหารมากมายนี้ล้วนไม่เคยกินตอนที่อยู่บนโลกมาก่อน
แม้ว่าคนแคระจะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ประชากรทั้งหมดมีสามพันล้านคน จึงยังไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ของพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBใหญ่กว่าโลกมาก เรียกได้ว่าพื้นที่กว้างใหญ่ ประชากรบางเบา
ลู่เฉินเชื่อว่าในอนาคต พร็อกซิมาคนครึ่งม้าจะไม่มีมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกับโลก
เนื่องจากเคยเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการทำลายสิ่งแวดล้อมโลก พวกเขาจึงรู้วิธีอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยธรรมชาติ
ในการประชุมใหญ่ครั้งนี้มีข้อเสนอแนะจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงมากมายซึ่งชนเผ่าคนแคระทุกคนจะต้องสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ข้อเสนอนี้ผ่านรัฐธรรมนูญทั่วไปของรัฐบาลมนุษย์โดยตรง เมื่อมีการก่อตั้งประเทศและมีการสถาปนาประเทศใหม่ ประธานาธิบดีประเทศของชนเผ่าคนแคระทั้งหมดจะต้องได้รับแจ้งให้เข้าพบ
ในขณะที่การก่อสร้างขนาดใหญ่เป็นไปอย่างราบรื่นขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนที่มีความเฉียบแหลมทางธุรกิจจำนวนไม่น้อยได้ยื่นเรื่องให้กับรัฐบาลเพื่อขออนุมัติการเปิดร้านค้า
แม้มนุษย์เพิ่งมีจำนวนมากกว่า 100,000 คน แต่ก็มีชนเผ่าคนแคระหลายสิบล้านคนในเมืองหลวง
ยิ่งไปกว่านั้นในดาวเคราะห์ดวงนี้ยังมีจำนวนคนแคระมากที่สุด ดังนั้นนักธุรกิจผู้ชาญฉลาดเหล่านี้จึงเตรียมพร้อมที่จะสร้างรายได้จากคนแคระเหล่านี้
ต้องบอกว่าไม่ว่ามนุษย์จะอยู่บนดาวดวงไหนก็ไม่ขาดแคลนอัจฉริยะทางธุรกิจ
ลู่เฉินและคนอื่นๆก็พอใจที่จะเห็นสิ่งนี้เช่นกัน
มนุษย์ยังมีน้อยเกินไป
แม้จะยึดครองทวีปฟ้าร้องได้อย่างแข็งแกร่งจนชนเผ่าคนแคระยอมจำนน
แต่กว่าจะตั้งหลักได้ต้องใช้เวลานานในการพัฒนารวมไปถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างสองเผ่าพันธุ์
ตอนแรกลู่เฉินต้องการให้ชนเผ่าคนแคระทั้งหมดในพร็อกซิมาคนครึ่งม้าBมาเป็นทาส
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความคิดนี้ดูไร้เดียงสาและยากเกินไป
ทุกเผ่าพันธุ์มีจิตวิญญาณของเผ่าพันธุ์ของพวกเขา หากพวกเขาถูกบีบบังคับถึงขนาดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกเขาจะระเบิดศักยภาพเหนือมนุษย์ออกมาอย่างแน่นอน
พร็อกซิมาคนครึ่งม้าBยังใหญ่เกินไปสำหรับสองเผ่าพันธุ์ที่จะดำรงชีวิตอยู่ร่วมกัน
ตราบใดที่มนุษย์ยังรักษากำลังทางการทหารและเทคโนโลยีให้คงอยู่ต่อไป ชนเผ่าคนแคระก็จะยังถูกควบคุมไว้อย่างนั้นและเป็นการยากที่จะแข็งข้อกับมนุษย์